25 กุมภาพันธ์, 2568

ประวัติความเป็นมาอำเภอบางขัน

คำขวัญประจำอำเภอบางขัน “พระพุทธลีลาศูนย์รวมใจ พ่อท่านไข่วาจาสิทธิ์ ดุจเนรมิตเขานางนอน บ่อน้ำร้อนมีชื่อเสียง ทิวทัศน์ช่องเหรียงงามตา เสน่หาน้ำตกโตน” ประวัติความเป็นมาอำเภอบางขัน หลวงพำนักนิคมคาม (เทียน ณ นคร) นายอำเภอทุ่งสง ได้จัดตั้งท้องที่บริเวณห้วยบางขันเป็นตำบลบางขัน ขึ้นกับอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อมากระทรวงมหาดไทยได้ประกาศตั้งตำบลบางขันเป็นกิ่งอำเภอบางขันตั้งแต่วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๒๗ ประกอบด้วย ๓ ตำบล คือ ตำบลบางขัน ตำบลบ้านลำนาว และตำบลวังหิน ต่อมาเมื่อพ.ศ.๒๕๓๐ ได้จัดตั้งตำบลเพิ่มขึ้นอีก ๑ ตำบล คือ ตำบลบ้านนิคม โดยแยกออกจากตำบลวังหิน จึงรวมเป็น ๔ ตำบลและได้มีพระราชกฤษฎีกาตามราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๐๙ ตอนที่ ๔๕ ลงวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๕ ยกฐานะเป็นอำเภอบางขัน ตั้งแต่วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ในท้องที่อำเภอบางขันนี้ มีความเกี่ยวข้องกับการ ขุดคลอง ที่น้อม อุปรามัย ได้เขียนถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ที่พระเจ้าตากสินมหาราช ได้มีพระราชประสงค์ให้พระเจ้าขัตติยราชนิคมสมมติมไหสวรรค์ พระเจ้านครศรีธรรมราช หรือเจ้านคร (หนู) เจ้าผู้ครอบครองอาณาจักรนครศรีธรรมราช หรือเป็นประเทศราช ขุดคลองเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำตาปี กับแม่น้ำตรังประมาณ พ.ศ.๒๓๒๐ ที่ปลายแม่น้ำตรังหรือคลองสาขาที่เรียกว่า "คลองวังหิน" กับปลายแม่น้ำตาปีหรือคลองสาขา ที่เรียกว่า "คลองพา" เจ้านคร (หนู) ได้ทำการสำรวจเรียบร้อยแล้ว แต่การขุดเชื่อมแม่น้ำทั้งสองยังไม่สำเร็จ เพราะสิ้นรัชกาลพระเจ้าตากสินมหาราชเสียก่อน เส้นทางดังกล่าวนี้ ตามที่น้อม อุปรามัยเรียกว่า "ทางน้ำสายใน" ซึ่งบางพื้นที่ของทางสายในจะอยู่ในท้องที่อำเภอบางขันด้วย สภาพทั่วไป อำเภอบางขันขึ้นกับจังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ประมาณ ๖๐๑.๖๖๒ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๓๗๖,๐๓๘ ไร่ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราชตามทางหลวงแผ่นดินที่ ๔๑๕๑ สายบ่อล้อ-ลำทับ อยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ๙๔ กิโลเมตร อาณาเขต ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอทุ่งสง ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอลำทับ จังหวัดกระบี่และอำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง การจัดการปกครอง อำเภอบางขัน แบ่งเขตการปกครองเป็น ๔ ตำบล ๕๒ หมู่บ้าน ประกอบด้วย ตำบลบางขัน ตำบลบ้านลำนาว ดำบลวังหิน และตำบลบ้านนิคม ประชากรปี พ.ศ.๒๕๔๐ มีจำนวน ๓๑,๗๖๒ คน นับถือศาสนาพุทธร้อยละ ๗๘ นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ ๒๐ ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ประมาณร้อยละ ๒ พื้นที่หลายหมู่บ้านในอำเภอบางขันมีพัฒนาการของการตั้งชุมชนที่มีลักษณะพิเศษ เช่น บ้านเคี่ยมงาม หมู่ที่ ๑๑ ตำบลบ้านลำนาว เป็นหมู่บ้านที่ราษฎรจากอำเภอพิปูน ตำบลฉวาง เข้ามาตั้งถิ่นฐานหลังจากเกิดวาตภัย (วันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๕) ซึ่งเดิมเคยเป็นป่าสงวน เคยเป็นป่าไม้เคี่ยมมาก่อน บ้านสมสรร ตำบลบ้านนิคม แต่เดิมชื่อว่าบ้านไสถั่ว ต่อมาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ทรงให้สร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนขึ้น และทรงตั้งชื่อโรงเรียนว่า "สมสรร" ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันเปลี่ยนชื่อบ้านไสถั่วตามชื่อโรงเรียนเป็น "บ้านสมสรร" ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เนื่องจากราษฎรส่วนใหญ่อพยพมาจากท้องถิ่นอื่น จึงประกอบอาชีพเพาะปลูกเป็นหลัก เช่น ยางพารา กาแฟ ไม้ผลและการเลี้ยงสัตว์ มีรายได้เฉลี่ยประมาณ ๒๐,๐๐๐ บาทต่อคน ต่อปี สภาพภูมิประเทศ เป็นที่ราบสูงสลับที่ราบ มีคลองและลำห้วยเล็ก ๆ หลายสายที่สำคัญ เช่น แม่น้ำตรัง เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่กั้นระหว่างอำเภอบางขันกับจังหวัดตรัง ไหลผ่านอำเภอบางขัน ๒๕ กิโลเมตร คลองลำนาว เกิดจากภูเขาหน้าแดงท้องที่อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ยาวประมาณ ๓๐ กิโลเมตร สภาพภูมิประเทศที่สำคัญ คือ เป็นพื้นที่ป่าสงวน มีป่าสงวนแห่งชาติ ๘ แปลง รวมเนื้อที่ ๒๑๒,๙๖๖ ไร่ ทำให้มีการย้ายถิ่นเข้ามาของประชาชนจากอำเภออื่นๆ มารุกล้ำป่าเหล่านั้นเป็นจำนวนมาก ลักษณะภูมิอากาศโดยทั่วไปเป็นเช่นเดียวกับภูมิภาคอื่นๆ ของภาคใต้ฝั่งตะวันออก ชาวบางขันเป็นส่วนใหญ่ ยึดมั่นขนบธรรมเนียมพื้นบ้านอยู่กันแบบเครือญาติ รักใคร่ในหมู่คณะ มีความเป็นอยู่ทีเรียบง่าย เนื่องจากราษฎรส่วนหนึ่งอพยพมาจากอำเภอและจังหวัดใกล้เคียง เช่น พัทลุง ตรัง สังคมและวัฒนธรรมจึงเป็นอย่างท้องถิ่นอื่นๆ ในภาคใต้ การดำเนินงานทางวัฒนธรรมมีสภาวัฒนธรรมประจำอำเภอและศูนย์วัฒนธรรมประจำอำเภอจำนวน ๑ แห่ง
สถานที่สำคัญ ได้แก่ พระพุทธลีลาศิริธรรมนคร ประสงค์มิ่งมงคล เป็นพระพุทธรูปปางลีลา สูง ๕.๐๙ เมตร เททองหล่อพระที่โรงหล่อรุ่งเรือง จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๘ งบประมาณค่าก่อสร้างทั้งสถานที่ประดิษฐานพระและบริเวณรวม ๒,๔๕๐,๐๐๐ บาท เป็นนามที่พระเทพปัญญาสุธี เจ้าอาวาสวัดแจ้ง พระอารามหลวงประทานนาม โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างเพื่อเป็นสิริมงคลและเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจแก่ประชาชน รวมทั้งเป็นการถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯภูมิพลอดุลยเดช ในวโรกาสที่ครองราชย์ครบ ๕๐ พรรษา บ่อน้ำร้อน ตั้งอยู่หมู่ที่ ๓ ตำบลวังหิน ริมถนนสายบ่อล้อ-ลำทับที่กิโลเมตรที่ ๓๑ มีเนื้อที่ประมาณ ๘ ไร่ บริเวณนี้ได้รับการบูรณะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งของอำเภอ สำนักสงฆ์ศรีเทพวนาราม ตั้งอยู่ในท้องที่หมู่ที่ ๑๑ ตำบลลำนาว ห่างจากที่ว่าการอำเภอ ๑๒ กิโลเมตร ตามเส้นทางสายลำนาว-เคี่ยมงาม อยู่ห่างจากถนนสายนี้้ ๑.๕ กิโลเมตร เนื้อที่ประมาณ ๑๐๐ ไร่การจัดตั้งสำนักสงฆ์นี้เป็นการร่วมแรงร่วมใจกันของประชาชนที่ต้องการสร้างสำนักสงฆ์เพื่อให้เป็นสำนักของพระสายวิปัสสนากรรมฐาน ตามความศรัทธาของประชาชนถาวรวัตถุหรือสิ่งก่อสร้างจึงมีน้อย เนื่องจากไม่ต้องการสิ้นเปลืองและต้องการรักษาต้นไม้ หรือธรรมชาติต่างๆ เอาไว้ไม่ให้ถูกทำลาย น้ำตกโตน ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑๑ ตำบลลำนาว ห่างจากที่ว่าการ อำเภอประมาณ ๑๒ กิโลเมตร อยู่ใกล้ๆ กับสำนักสงฆ์ศรีเทพวนาราม น้ำตกนี้มีทั้งแอ่งน้ำเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ (ณรงค์ บุญสวยขวัญ, อัมมร ธุระเจน)
น้ำพุร้อน อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช อุทยานบ่อน้ำร้อน วัดอุทยานบ่อน้ำร้อน หมู่ที่ 13 ตำบลวังหิน อำเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันถือว่าเป็นจุดหมายปลายทาง ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สำคัญแห่งหนึ่ง โดยบ่อน้ำร้อนประกอบไปด้วยบ่อน้ำร้อนรวม 9 บ่อ เส้นผ่าศูนย์กลางของแต่ละบ่อประมาณ 3-4 เมตรมีบ่อเล็ก ๆ อีกหลายบ่อ เป็นพื้นที่ราบริมคลอง พบน้ำผุดอยู่ในห้วยหลายแห่ง คุณภาพน้ำดี ใส ไม่มีกลิ่นกำมะถัน นักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้ชมบ่อน้ำร้อน หรืออาบและแช่น้ำแร่ก็ย่อมได้เช่นกัน
ที่มา https://db.sac.or.th/thailand-cultural-encyclopedia/detail.php?id=21113 https://th.search.yahoo.com