26 กุมภาพันธ์, 2568
เจ้าพระยานครศรีธรรมราชหรือเจ้าพระยานคร(น้อย)
ประวัติความเป็นมา
เจ้าพระยานคร (น้อย) หรือเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) เป็นเจ้าเมืองลำดับที่ ๓ ของเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ นับเป็นเจ้าเมืองที่มีชื่อเสียงโดดเด่นกว่าเจ้าเมืองใด ๆ ในสมัยเดียวกัน เพราะเป็นทั้งนักรบ นักปกครอง และเป็นผู้สันทัดในการช่างเป็นอย่างยอดเยี่ยม รับราชการสนองพระเดชพระคุณชาติบ้านเมืองด้วยความอุตสาหะ จงรักภักดีซื่อสัตย์ ต่อพระบรมราโชบายในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์อย่างแน่วแน่มั่นคงถึง ๓ รัชกาล คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว นับได้ว่าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ใด้บำเพ็ญกรณียกิจที่สำคัญแก่ชาติบ้านเมืองมายาวนานตั้งแต่วัยฉกรรจ์จนกระทั่งถึงอสัญกรรม
เจ้าพระยานคร (น้อย) หรือเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๓๑๙ เป็นบุตรพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์) มารดาชื่อ ปราง หรือ หนูเล็ก ด้านชีวิตครอบครัว เจ้าพระยานคร (น้อย) สมรสกับท่านผู้หญิงอิน ซึ่งเป็นราชนิกูลธิดาพระยาพินาศอัคคี (ตระกูล ณ บางช้าง) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเรียกว่า “พี่อิน” ท่านผู้หญิงอิน มีบุตรธิดากับเจ้าพระยานคร (น้อย) ๖ คน ในจำนวนนี้คือ เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อยกลาง) ซึ่งต่อมาได้ปกครองเมืองนครศรีธรรมราชสืบแทนบิดา ส่วนบุตรธิดาของเจ้าพระยานคร (น้อย) ที่เกิดจากภรรยาอื่น ก็ยังมีอีกหลายคน
เจ้าพระยานคร (น้อย) เริ่มเข้ารับราชการอย่างจริงจังในต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย คือ ใน พ.ศ.๒๓๕๔ กล่าวคือ เมื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชแล้ว เจ้าพระยานคร (พัฒน์) ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานถวายบังคมลาออกจากราชการเนื่องจากมีความชรา หูหนัก จักษุมืดมัวและหลงลืม พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนเจ้าพระยานคร (พัฒน์) ขึ้นเป็นเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี และทรงตั้งพระบริรักษ์ภูเบศร์ (น้อย) ผู้ช่วยราชการเมืองนครศรีธรรมราชเป็น “พระยาศรีธรรมาโศกราช” ว่าราชการเมืองนครศรีธรรมราช และได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยานครศรีธรรมราชในรัชกาลที่ ๒ ภายหลังได้ปราบปรามกบฏเมืองไทรบุรีครั้งแรกในพ.ศ. ๒๓๖๔ จนเป็นผลสำเร็จ และได้ปกครองเมืองนี้จนถึงแก่อสัญกรรม ในวันจันทร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๘๑ สิริรวมอายุได้ ๖๒ ปีเศษ
ผลงานและพระเกียรติคุณ
๑. ด้านการปกครอง การตีเมืองไทรบุรี เป็นเมืองที่มีปัญหาในการปกครองของไทยตลอดเวลา เจ้าพระยานคร (น้อย) ปกครองเมืองนคร ต้องใช้ความรู้ความสามารถทั้งในด้านการสงคราม การทูต การปกครอง และการบริหารอย่างยิ่งยวด จึงสามารถรักษาเมืองไทรบุรีให้อยู่ภายในราชอาณาจักรไทยตลอดชีวิตของท่าน ทั้งนี้เพราะปัญหาเมืองไทรบุรีเป็นปัญหาละเอียดอ่อน อยู่ในภาวะล่อแหลมต่ออันตราย คือ ภัยจากเจ้าเมืองเดิมประการหนึ่ง และภัยจากอังกฤษที่กำลังแสวงหาเมืองขึ้นอีกประการหนึ่ง ภัยทั้งสองประการดังกล่าวได้ทำให้เจ้าพระยานคร (น้อย) ต้องยกกำลังไปปราบถึง ๔ ครั้ง
๒. ด้านการทูต บทบาทของเจ้าพระยานคร (น้อย) ว่าเป็นนักการทูตคนสำคัญในยุคนั้น โดยเฉพาะการทูตระหว่างไทยกับอังกฤษในสมัยรัชกาลที่ ๒-๓ เจ้าพระยานคร (น้อย) มีความเฉลียวฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบในการเจรจาความเมืองและผลแห่งการเป็นนักการทูตผู้มีปฏิภาณทำให้เมืองนครศรีธรรมราช มีอิทธิพลต่อเมืองมลายูและเป็นที่นับถือยำเกรงแก่บริษัทอังกฤษ ซึ่งกำลังแผ่อิทธิพลการค้าและการเมืองมายังภาคพื้นเอเชียอาคเนย์
๓. ด้านการต่อเรือ เจ้าพระยานคร (น้อย) มีความเชี่ยวชาญในการต่อเรือมาก คือ ได้ต่อเรือกำปั่นหลวงสำหรับบรรทุกข้าวไปขายที่อินเดีย ทำให้ประเทศชาติมีรายได้มากและที่สำคัญคือ ได้ต่อเรือรบขนาดย่อมไปจนถึงเรือขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้กรรเชียงสองชั้น เรือรบที่ต่อก็มีขนาดใหญ่กว่าที่เคยปรากฏมาก่อน เจ้าพระยานคร (น้อย) ได้ต่อเรือรบและเรือลาดตระเวนเหล่านี้ที่เมืองตรัง และเมืองสตูล เมื่อ พ.ศ.๒๓๕๒-๒๓๕๔ และในพ.ศ.๒๓๖๔-๒๓๖๖ ได้ต่อเรือรบเป็นจำนวนถึง ๑๕๐ ลำ ที่บ้านดอน เจ้าพระยานคร (น้อย) มีกองทัพเรือขนาดใหญ่ซึ่งเป็นกองทัพเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ที่เมืองตรัง ประกอบด้วยขบวนเรือทั้งหมด ประมาณ ๓๐๐ ลำ เป็นกองทัพเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในราชอาณาจักรขณะนั้น เพราะแม้ทางกรุงเทพมหานครเองก็เพิ่งจะมาตื่นตัวในการสร้างกองทัพเรือขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เมื่อไทยเริ่มเป็นศัตรูกับญวน
๔. ด้านการพัฒนาเครื่องถม “เครื่องถม” เป็นหัตถกรรมชั้นสูงที่ชาวนครทำสืบทอดกันมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง เป็นฝีมือการรังสรรค์ของชาวนครโบราณที่ได้รับสืบทอดความรู้จากชาวโปรตุเกสที่มาติดต่อค้าขาย งานศิลปหัตถกรรมกลายเป็นงานฝีมือเอกลักษณ์ของเมือง ล่วงมาถึงสมัยเจ้าพระยานคร (น้อย) เป็นเจ้าเมืองก็ได้พัฒนางานนี้ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง โดยกะเกณฑ์เอาเชลยชาวเมืองไทรบุรีที่มีฝีมือช่างโลหะอยู่ก่อนแล้ว มาฝึกฝนทำเครื่องถมจนชำนาญ เจ้าพระยานคร (น้อย) ให้การเอาใจใส่ดูแลอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นผู้มีความประณีตบรรจงในงานช่างเป็นทุนอยู่แล้ว เครื่องถมในสมัยเจ้าพระยานคร (น้อย) จึงโดดเด่นเป็นพิเศษ งานถมชิ้นใดที่สวยงามเป็นเลิศก็มักนำไปทูลเกล้าฯ ถวายทุกครั้งที่เข้าเฝ้าฯ จนกล่าวได้ว่ามีจำนวนมากมายในราชสำนัก ที่มา https://sites.google.com/benjama.ac.th/benjama1