24 กุมภาพันธ์, 2568

ประวัติอำเภอพิปูน

ประวัติของบ้านเมืองในอดีต มักจะมีปัญหาเรื่องการจัดตั้ง ประวัติการปกครอง เหตุการณ์สำคัญๆ เพราะมิได้จารึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร อย่างเช่นกรุงสุโขทัยราชธานี แม้จะมีศิลาจารึกหลักฐานอยู่บ้าง ก็ต้องอ่าน แปล สันนิษฐานกันรอบคอบ ถึงกระนั้นก็ยังได้ประวัติเพียงกระท่อนกระแท่น แม้อำเภอพิปูนก็เหมือนกัน ยังมีปัญหาที่ต้องหาความชัดเจนหลายประการ ชื่อบ้านนามเมืองหรือสิ่งของต่าง ๆ แต่เดิมมาเป็นคำแน่นอน ชัดเจน คิดตั้งขึ้นและใช้ร่วมกันตามภูมิประเทศ เหตุการณ์ และบุคคล เช่น ด่านเจดีย์สามองค์ หมู่บ้านคีรีวง ต่อมาภายหลังเกิดเพี้ยนจากเดิม บางคำก็เพี้ยนเสียง บางคำก็เพี้ยนอักษร เช่น สามแพร่ง เพี้ยนเป็น สำเพ็ง ซิงโกลา เพี้ยนเป็น สงขลา บูกิด เพี้ยนเป็น ภูเก็ต ลิกอร์ เพี้ยนเป็น ละคร (นคร) ท่านพระครูเชาวนาภิธาน (กลั่น ชวนปัญโญ) เจ้าอาวาสวัดยางค้อม เจ้าคณะอำเภอพิปูน (พ.ศ. ๒๕๓๗) กรุณาให้แนวอธิบายว่ามีอยู่ ๒ แนว คือ แนวแรก มาจากเขตการปกครองในสมัยก่อน แบ่งส่วนการปกครองออกเป็น “เมือง” “ที่” และ “หัวเมือง” พิปูน เมื่อก่อนนั้น เรียกว่า “ที่ปูน” เหมือน “ที่ฉวาง-ท่าชี” ต่อมาคำว่า “ที่” เพี้ยนเป็น “พิ” จึงเรียกกันว่า “พิปูน” แนวที่สอง สมัยก่อนไม่มีวัสดุก่อสร้างสมบูรณ์เหมือนปัจจุบัน โดยเฉพาะปูนซิเมนต์ บรรพบุรุษในท้องถิ่นนั้น เวลาจะสร้างวัดวาอาราม ต้องขนหินจากเขาพระ ตำบลกะทูน มาเผาทำปูน ณ บริเวณที่ตั้งโรงพยาบาลปัจจุบัน จึงเรียกกันว่า “ทุ่งปูน” เอกสารบรรยายสรุปของส่วนราชการหลายส่วน เช่น สำนักงานศึกษาธิการอำเภอ สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอ ให้ความรู้เชิงสันนิษฐานว่าเป็นสองแนวเหมือนกัน คือ แนวแรก มาจากคำว่า “บุล” หรือ “บูล” ซึ่งเป็นภาษาบาลี เติม “วิ” หรือ “พิ” เข้าข้างหน้า เป็นพิบูล วิบูล แปลว่า “กว้างใหญ่” ราชทินนามที่พระราชทานแก่พระครูสัญญาบัตรรูปหนึ่งสอดคล้องกับคำหรือข้อสันนิษฐานนี้ คือ “พระครูพิบูลนวเขต” พระราชทานตอนเป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งนาใหม่ ตำบลพิปูน ปัจจุบันเจ้าอาวาสรูปนี้ เป็นเจ้าอาวาสวัดธาตุน้อย เจ้าคณะอำเภอฉวาง (พ.ศ. ๒๕๓๗) แนวที่สอง สันนิษฐานว่า เป็นที่ปูนบำเหน็จความดีความชอบแก่แม่ทัพนายกองที่รบได้ชัยชนะแก่พม่า ซึ่งออกจะไกลกว่าข้อสันนิษฐานอื่น ๆ เพราะไม่มีประวัติว่าเกิดการรบกันเมื่อใด กับใคร แม้คำว่า ปูน ที่แปลว่า บำเหน็จ ก็ไม่คุ้นหูคุ้นปากคนภาคใต้ ประวัติการจัดตั้ง ชาลี ศิลปรัศมี กล่าวไว้ในเรื่อง “ประวัติศาสตร์อำเภอฉวาง” ในส่วนที่เกี่ยวกับอำเภอพิปูนว่า “ราว พ.ศ.๒๓๖๓ ปลายรัชกาลที่ ๒ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยานคร ปรับปรุงหัวเมืองปักษ์ใต้เสียใหม่ โดยเฉพาะเมืองนครศรีธรรมราชจัดระบบการปกครองออกเป็น ๔ หัวเมือง ในเขตรับผิดชอบของกรมช้างกลาง คือ หัวเมืองพิปูน หัวเมืองกะเปียด หัวเมืองละอาย หัวเมืองช้างกลาง แต่ละหัวเมืองมีตำบลในเขตรับผิดชอบ มีผู้ปกครอง มีวัดประจำเมือง และระบุว่าวัดยางค้อมเป็นวัดประจำเมือง” ในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งมณฑลนครศรีธรรมราช ให้พระยาสุขุมนัยวินิต (ปั้น สุขุม) เป็นข้าหลวงเทศาภิบาล ปกครองนครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง และหัวเมืองแขกทั้ง ๗ ประกาศใช้พระราชบัญญัติการปกครองท้องที่ ร.ศ. ๑๑๖ และ ร.ศ. ๑๑๗ (พ.ศ. ๒๔๔๑-๒๔๔๒) ปฏิรูปการปกครองส่วนภูมิภาคจากหัวเมือง แขวง เป็นเมือง อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ตำแหน่ง “นายที่” ก็เลิกไป กำหนดตำแหน่งใหม่เป็น ผู้ว่าราชการเมือง นายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน อำเภอพิปูนก็วิวัฒนาการมาจนถึงระยะหลัง มีฐานะเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอฉวาง ซึ่งเป็นตำบลใหญ่ที่มีฐานะมั่งคั่ง ก้าวหน้ากว่าหลายตำบลของอำเภอฉวาง อำเภอพิปูนมีฐานะเป็นตำบลหนึ่งในอำเภอฉวางมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๔๑ - ๒๔๔๒ จนถึง พ.ศ. ๒๕๑๕ นับเป็นเวลานานถึง ๗๔ ปี จึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นกิ่งอำเภอ และได้ยกฐานะเป็นอำเภอในอีก ๔ ปีต่อมา คือ พ.ศ. ๒๕๑๙ ตามพระราชกฤษฎีกา ตั้งอำเภอพิปูน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่มที่ ๙๓ ตอนที่ ๑๐๙ ลงวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๑๙ ในระยะเวลาอันยาวนานก่อนได้รับการยกฐานะเป็นกิ่งอำเภอ ชาวพิปูนต่างยอมรับและให้ความเคารพนับถือบุคคลผู้หนึ่งว่า เป็นบุพการีของชาวพิปูน เอกสารข้อมูลของสำนักงานศึกษาธิการอำเภอพิปูนระบุว่า “พ.ศ. ๒๔๓๙ - ๒๔๗๕ ได้มีนักปกครองท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่ตำบลพิปูนเป็นอย่างมาก ทั้งด้านการพัฒนา การรักษาความสงบเรียบร้อยและความเป็นผู้นำท้องถิ่น จนเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนมาจนทุกวันนี้ ท่านผู้นั้นคือ “ขุนพิปูนเปรมประดิษฐ์” (บานเมือง จงจิต)”ฯ ทำเนียบข้าราชการนครศรีธรรมราช จ.ศ.1173 ครั้งราชการที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กล่าวถึง ตำแหน่งนายที่พิปูน นา 6000 ฝ่ายขวา มีช้างพลาย 1 ช้างจำลอง 1 ธงทวน 2 หมวก 2 แหลน 2นวม 3 ปืนนกสับหลังช้าง 1 กระบอก ปืนกระสุนนิ้วกึ่งบรรดาศักดิ์ 1 กระบอก ปืนนกสับบรรดาศักดิ์ 4 กระบอก เสื้อ 4 หมวก 4 หอกเขน 10 ทวนเท้า 4 เสื้อพล 10 หอกสำหรับช้าง นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งอื่น ๆ ดังนี้ “หมื่นณรงคบุรี รองที่พิปูน นา 300 “หมื่นกะเชนบุรี สมุห์บัญชี นา 200 “มื่นสารวัตร” เป็นสารวัตร นา 200 “ขุนไกรธานี” นายที่วัดถ้ำนารา นา 400 “หมื่นเดชบุรี” รองที่ถ้ำนารา นา 300 “หมื่นสุรินทรบุรี” สมุห์บัญชี นา 200 “หมื่นชำนาญ” สมุห์บัญชี นา 200 สิริ หลวง ขุน หมื่น ที่พิปูน ถ้ำนารา ขุน 2 หมื่น 7 รวม 9 มีข้อสังเกตพิเศษสำหรับนายที่พิปูนคือ มีศักดินา 600 มีอำนาจดูแลทั้งที่พิปูนผนวกด้วยที่ถ้ำนารา รวม 2 พื้นที่ที่พิเศษ คือขุนไชยธานี นายที่พิปูน มีศักดินา เพียง 600 แต่มีเครื่องประดับยศ ช้างพลายและสิ่งอื่น ๆ จำนวนมาก ครั้นเมื่อพระบาทสมเด็จฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าให้ตั้งมณฑลนครศรีธรรมราชขึ้นเมื่อ ร.ศ. 115 (พ.ศ.2439) และโปรดเกล้าฯ ให้พระยาสุขุมนัยวินิต เป็นข้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑล พระยาสุขุมวินิตได้ตั้งอำเภอฉวางขึ้น เมื่อ ร.ศ. 116 (พ.ศ. 2540) ตามใบบอกเกี่ยวกับเรื่องตั้งกรมการอำเภอมีว่า “อำเภอฉวางเป็นแขวงชั้นนอกต่อแดนเมืองคีรีรัฐนิคม เมืองกาญจดิฐ เมืองกระบี่ ตั้งที่ว่าการบ้านคลองตาล” และบาญชีสำมโนครัวของอำเภอฉวาง ศก 116 ว่า”นามแขวงฉวาง นามนายอำเภอ นายน้อยทำเมื่อปีศก 116 มีกำนัน 8 คน ผู้ใหญ่บ้าน 40 คน หมู่บ้าน 131 หลังคาเรือน 164 จำนวนราษฏรชาย 5,002 หญิง 5,123 เมื่อวันที่ 21-22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2531 เกิดอุทกภัยร้ายแรง ทำให้อำเภอพิปูนเสียหายอย่างร้ายแรงมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่และวัฒนธรรมเช่น”บ้านหาดเจ็ด มีหาดทรายสวยงาม ครั้นเมื่อเกิดอุทกภัยปี พ.ศ. 2531 สายน้ำเปลี่ยนทิศทางเดินสภาพชายหาดหมดไป คงเหลือต้นประดู่ใหญ่ 3 ต้นที่ไม่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย เมื่อถึงฤดูออกดอก บานสะพรั่ง ชาวบ้านจึงเปลี่ยนชื่อ”บ้านหาดเจ็ด” เป็น บ้านดอกประดู่” ประวัติชื่อหมู่บ้านในเขตอำเภอพิปูนที่มีคุณค่า มีอยู่หลายแห่งเช่น “บ้านกะทูน” เดิมเรียกว่า”ห้วยช่อง” เดิมประชาชนในบริเวณนี้นิยม เรียกว่า”บ้านทุ่งปลายเสียว เพราะสภาพเป็นป่ารกชัฎมีสัตว์ร้ายชุกชุมอยู่ปลายแดน น่าหวาดเสียว “บ้านนามวน” เป็นที่ซึ่งน้ำไหลมารวมกันกลายสาขา ทำให้เกิดการหมุนของสายน้ำ ชาวบ้านเรียกว่า”มวน” จึงเรียกกันว่า “บ้านนามวน” “ทูนของไว้บนหัว” เพื่อการขนย้ายของ ซึ่งเรียกว่าทูน ต่อมาคนต่างถิ่น เติม กะ เข้าหน้าคำเป็น “กะทูน” ชื่อบ้านแห่งนี้สะท้อนวิถีชีวิตชาวบ้านยังสัมพันธ์กับความคิดที่ว่า “ราษฎรในเมืองนี้คงไม่ต่ำกว่า 200,000 คนไม่ค่อยทำมาหาเลี้ยงชีพสักเท่าใด ที่ทำก็พอรับพระราชทาน ไม่คิดถึงกับจะได้ค้าขายให้เปนอาณาประโยชน์ต่อไป จึงเป็นคนยากจนโดยมากการแต่งตัวแลนุ่งห่มก็เลวทรามดูเหมือนหนึ่งคนที่เปนไข้อยู่เสมอผมเผ้าก็ไม่ได้หวีให้เรียบร้อย เปนดังนี้ทั่วกันทั้งเมือง การที่นำสิ่งของไปมาค้าขายไม่เลือกว่าของชนิดใดใช้ทูนศีศะทุกอย่าง ที่สุดจนตระกร้ากุ้งสดปลาสดก็ทูนบนศรีษะ ดูไม่ถือกันว่า เปนการโสโครกอย่างใด แลได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาติออกคำสั่งห้ามมิให้ราษฎรใช้ทูนสิ่งของด้วยศรีษะ สถานที่ท่องเที่ยว
น้ำตกเหนือฟ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เริ่มมีนักท่องเที่ยวสนใจเข้าไปพักผ่อนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่สะอาดที่สุดของประเทศไทยที่วัดโดยกรมควบคุมมลพิษแล้ว พื้นที่แห่งนี้ยังมีที่ให้เล่นน้ำและถ่ายรูปหลายจุดให้นักท่องเที่ยวเลือกเล่นน้ำและถ่ายรูปได้มาก
อ่างเก็บน้ำคลองดินแดงสร้างเมื่อปี พ.ศ.2535 แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2545 พื้นที่อ่างเก็บน้ำคลองดินแดงมีหลายสิ่งดึงดูดใจที่สามารถสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่มหลายอย่าง อาทิ 1. มีทิวทัศน์ที่สวยงามมากในทุกฤดูกาล และทุกช่วงเวลา ในฤดูร้อนช่วงเช้าและเย็นจะมีทิวทัศน์รอบเขื่อนที่สวยมากที่ประกอบด้วยท้องฟ้าใส เมฆสวย ป่าไม้รอบแนวสันเขาสุดลูกหู ลูกตา มองระยะไกลจะเห็นเขาพระ ที่เป็นเขาลูกเล็กๆ ใจกลางอำเภอที่มีพระพุทธสิงหิงค์ขนาดใหญ่ มองเห็นได้เด่นชัดและเป็นสถานที่ที่สามารถถ่ายภาพอ่างเก็บน้ำคลองดินแดงได้อย่างดี 2. มีสันเขื่อนเป็นบริเวณกว้าง เหมาะสำหรับไปถ่ายรูป เดินเล่น ไปปิกนิก ออกกำลังกาย พักผ่อนกับครอบครัว ปั่นจักรยานทั้งในช่วงเช้าและช่วงบ่าย และหากมีฝนตก นักท่องเที่ยวจะสามารถเห็นทะเลหมอกเป็นบริเวณกว้าง เหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง ที่มา จากบทความ “อำเภอของเรา : อำเภอพิปูน” ของกองบรรณาธิการสารนครศรีธรรมราช ๒๕๓๗ ในสารนครศรีธรรมราช ฉบับปีที่ ๒๔ ฉบับที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๓๗ https://www.tungsong.com/Nakorn/Old/Pipoon.html