07 กุมภาพันธ์, 2568
ประวัติอำเภอพรหมคีรี
ประวัติอำเภอพรหมคีรี
คำขวัญ : ถิ่นผลไม้ดก น้ำตกสะอาด ธรรมชาติล้ำค่า หลากภูมิปัญญาชาวบ้าน สืบสานวัฒนธรรม.
อำเภอพรหมคีรี เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มีเขตการปกครอง 3 ตำบลคือตำบลพรหมโลก ตำบลบ้านเกาะ และตำบลอินคีรี ในแต่ละตำบลมีหมู่บ้านมากน้อยต่างกันคือตำบลพรหมโลก มี 8 หมู่บ้าน ตำบลบ้านเกาะ มี 6 หมู่บ้าน และตำบลอินคีรี มี 12 หมู่บ้าน
ต่อมาใน พุทธศักราช 2517 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศให้ 3 ตำบลดังกล่าวเป็นกิ่งอำเภอ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 9 สิงหาคม 2517 เรียกว่า “กิ่งอำเภอพรหมคีรี” สังกัดอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มีที่ทำการชั่วคราวอยู่ที่วัดพรหมโลก โดยมี นายสมนึก ฉวีภักดิ์ เป็นปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งคนแรก
พุทธศักราช 2518 นายสมนึก ฉวีภักดิ์ ได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งใหม่ที่จังหวัดสิงห์บุรี และได้แต่งตั้งให้นายประกอบ ดุลย์ไพรี มาเป็นปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอคนต่อไป ครั้นในพ.ศ. 2519 นายประกอบ ดุลย์ไพรี ได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งใหม่ที่อำเภอหัวไทร และได้แต่งตั้งให้นายประภาส อ่อนจันทร์ มาดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอพรหมคีรี
ใน พ.ศ. 2519 ทางกิ่งอำเภอได้ขอขยายเขตการปกครองเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตำบล และได้รับอนุมัติให้ขยายเขตได้ในต้น พ.ศ. 2520 โดยแยกหมู่บ้านจากตำบลอินคีรีหมู่ที่ 7 8 9 10 11 และ 12 ไปตั้งเป็นตำบลใหม่เรียกว่า “ตำบลทอนหงส์” โดยรวมกับพื้นที่ของตำบลโมคลาน และตำบลหัวตะพาน บางส่วนเข้ามาด้วย และได้ขยายหมู่บ้านในเขตพื้นที่ตำบลพรหมโลกเพิ่มขึ้นอีกสองหมู่บ้าน คือหมู่ที่ 9 แยกจากหมู่ที่ 5 เดิม และหมู่ที่ 10 แยกจากหมู่ที่ 6 เดิม ส่วนในตำบลบ้านเกาะก็แยกหมู่บ้านเพิ่มอีกสองหมู่บ้าน คือหมู่ที่ 7 แยกจากหมู่ที่ 3 เดิม และหมู่ที่ 8 แยกจากหมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 4 เดิม ในปีนี้ได้ย้ายที่ทำการกิ่ง มาอยู่ที่ทำการกิ่งอำเภอ ณ หมู่ที่ 9 ตำบลพรหมโลก ถนนสายนคร-นบพิตำ (ทางหลวงหมายเลข 4016)
ต่อมาใน พ.ศ. 2521 นายประภาส อ่อนจันทร์ ได้ถึงแก่กรรมด้วยโรคลมปัจจุบัน ทางราชการได้แต่งตั้งนายนฤชิต พรหมสุทธิ์ มาดำรงตำแหน่งแทน และใน พ.ศ. 2522 นายนฤชิต พรหมสุทธิ์ ได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งใหม่ ณ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และทางราชการได้แต่งตั้งนายไชยยศ สุวรรณฤทธิ์ มาดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอพรหมคีรีต่อไป
ในปีนั้น ได้แยกหมู่บ้านของตำบลบ้านเกาะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งหมู่บ้าน โดยแยกจากหมู่ที่ 4 ตำบลบ้านเกาะ ไปตั้งใหม่อีกหนึ่งหมู่บ้าน เป็นหมู่ที่ 9 ตำบลบ้านเกาะ และในปลาย พ.ศ. 2522 คณะข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พ่อค้า ประชาชน โดยการนำของนายไชยยศ สุวรรณฤทธิ์ ได้จัดสร้างศาลาประชาคมขึ้นหลังหนึ่งราคาประมาณ 200,000 บาทเศษ และโรงรถหลังหนึ่งราคาประมาณ 20,000 บาท โดยไม่ใช้งบประมาณของทางราชการแต่อย่างใด และได้ย้ายที่ทำการสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอพรหมคีรี มาอยู่รวมกัน ณ ที่ว่าการกิ่งอำเภอพรหมคีรี และใน พ.ศ. 2522 ระยะต้นปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดงบประมาณให้ก่อสร้างสำนักงานเกษตรขึ้นหลังหนึ่ง โดยใช้เป็นสำนักงานเกษตรอำเภอโดยเฉพาะ
ในปีพ.ศ.2524 กิ่งอำเภอพรหมคีรีได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอตามพระราชกฤษฎีกา ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาฉบับพิเศษ
ปี พ.ศ. 2536 ได้แยกหมู่บ้านจากตำบลพรหมโลก และตำบลบ้านเกาะ จัดเป็นตำบลใหม่ 1 ตำบล คือ ตำบลนาเรียง
คำว่า”พรหมคีรี”หมายถึง เขาที่สถิต ของพระพรหมเพราะเหตุที่ด้านทิศตะวันตกอของอำเภอเป็นเทือกเขาหลวงที่สลับซับซ้อน เป็นต้นกำเนิดแม่น้ำลำธารทั่วปริมณฑล ชาวบ้านจึงเรียกเทือกเขานั้นว่า “เขาพระพรหม” หรือ “พรหมคีรี”
อำเภอพรหมคีรี ขึ้นกับจังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ทั้งหมด 321,499 ตารางกิโลเมตร ที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่ในเขตตำบลพรหมโลก ห่างจากตัวจังหวัด 21 กิโลเมตร มีทางหลวงหมายเลข 4016
อำเภอพรหมคีรีอุดมไปด้วยพันธุ์ไม้ป่าและไม้ผล เท่าที่ค้นพบแล้วมีมากกว่า 80 วงศ์ มีจำนวนเกินกว่า 240 ชื่อ ดังปรากฏในหนังสือพันธุกรรมพืชผลเขาขุนพนม ซึ่งจัดพิมพ์เผยแพร่ตามโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอท่าศาลาและกิ่งอำเภอนพพิตำ
ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชและอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอฉวาง อำเภอลานสกา และอำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช
อำเภอพรหมคีรี แบ่งเขตการปกครองเป็น 5 ตำบล 37 หมู่บ้าน ได้แก่ ตำบลพรหมโลก ตำบลทอนหงษ์ ตำบลนาเรียง ตำบลบ้านเกาะ และตำบลอินคีรี
ภูมิประเทศ
สภาพภูมิประเทศแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ บริเวณที่ราบเชิงเขา ได้แก่ ตอนบนของพื้นที่ตำบลทอนหงษ์ ตำบลพรหมโลก และตำบลบ้านเกาะบางส่วน อีกส่วนหนึ่งเป็นที่ลุ่ม ได้แก่ บริเวณตอนล่างซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกอยู่ในพื้นที่ของตำบลอินคีรีทั้งหมด ตำบลบ้านเกาะ ตำบลพรหมโลกบางส่วน เป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาตอนกลางของจังหวัดนครศรีธรรมราช สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การทำนา ตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาตอนกลางของจังหวัดนครศรีธรรมราช
สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การทำนาพื้นที่ทางตะวันออกและตะวันตกเป็นที่ราบเชิงเขา โดยมีเทือกเขานครศรีธรรมราชเป็นพืดยาวตลอดแนวเขตตะวันตก เป็นเขตป่าอุดมสมบูรณ์
ลักษณะภูมิอากาศ
มีมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดผ่าน จึงมี 2 ฤดู ในรอบปีหนึ่ง ๆ คือ ฤดูร้อนกับฤดูฝน ฝนตกหนักระหว่างเดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนมกราคม อากาศร้อนจัดในเดือนมีนาคมและเมษายน
แหล่งน้ำ
ลำคลองมีแม่น้ำ 4 สาย คือ
คลองปลายอวน ต้นน้ำอยู่ในตำบลพรหมโลก ไหลผ่าน ตำบลพรหมโลก ตำบลอินคีรี และตำบลบ้านเกาะ ไหลลงสู่ทะเลที่ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
คลองนอกท่า ต้นน้ำอยู่ในท้องที่ตำบลพรหมโลก ไหลผ่านตำบลพรหมโลก ตำบลบ้านเกาะและตำบลอินคีรี ไหลลงสู่ทะเลที่ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
คลองในเขียวต้นน้ำเกิดจากน้ำตาในเขียว ตำบลทอนหงษ์ ไหลผ่านตำบลทอนหงษ์ ตำบลอินคีรี ไหลลงสู่ทะเลที่ปากน้ำปากพยิง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
คอลงชุมขลิง ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาในท้องที่ตำบลทอนหงษ์ ไหลผ่านตำบลทอนหงษ์ ตำบลอินคีรี อำเภอพรหมคีรีตำบลดอนตะโก อำเภอท่าศาลา ไหลลงสู่ทะเล ในเขตอำเภอท่าศาลา
สถานที่ท่องเที่ยว
น้ำตกปลายน้ำ
น้ำตกปลายน้ำ น้ำตกกลางป่าในหมู่บ้านที่น่ารักอย่างบ้านในหมง ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช สามารถเดินทางโดยรถยนต์ไปตามทางหลวงหมายเลข 4016 นครศรีฯพรหมคีรี กิโลเมตรที่ 17 หรือผ่านที่ทำการสำนักงานเทศบาลตำบลพรหมคีรี ไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีทางแยกเลี้ยวซ้าย “บ้านในหมง” จากทางแยกจนถึงน้ำตก ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร และการเดินเท้าไปอีก 3 กิโลเมตร แต่ปัจจุบันรถจักยานยนต์สามารถขึ้นถึงน้ำตกได้เลย น้ำตกปลายน้ำในการขับขี่นั้นต้องในความชำนาญของคนในพื้นที่ เพราะทางจะมีความลาดชัน น้ำตกปลายน้ำเป็นน้ำตกที่มีความสวยงามแห่งหนึ่ง มีล้านหินกว้าง มีต้นน้ำจากเทือกเขาหลวง ไหลลงสู่ แผ่นหินชั้นด้วยกัน ได้แก่ หนานวังราง, หนานน้ำคุ้ง,หนานตาชู และวังหน้าท่าสวนวัด น้ำตกแห่งนี้มีลักษณะเด่นโดยเฉพาะ “หนานน้ำคุ้ง”เป็นหนานที่สวยงาน น้ำตกปลายน้ำมีความอุดสมบูรณ์เป็นอย่างมากมีฝูงปลาน้อยใหญ่มากมาย
น้ำตกเคียนโพรง
ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลพรหมโลก อ.พรหมคีรี อยู่เชิงเขาหลวงใกล้น้ำตกพรหมโลก ระยะทางจากทางหลวง 4016 ไปตามเส้นทางบ้านปลายอวนล่าง ถึงสนามกีฬาเทศบาลตำบลพรหมคีรี ระยะทางประมาณ 4กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าผ่าน สวนผลไม้ของชาวบ้าน ผ่านป่าโบราณ รพยะทางประมาณ1.8 กิโลเมตร ก็ถึงน้ำตกเคียนโพรง
น้ำตกพรหมโลก
ตั้งอยู่ เขตตำบลพรหมโลก ห่างจากตัวจังหวัดนครศรีธรรมราชประมาณ 25 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่สวยงามมาก ต้นกำเนิดจากเทือกเขานครศรีธรรมราชดไหลผ่านบนแผ่นหินถึง 9 ชั้น
น้ำตกพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี สามารถเดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 4016 (นครศรีธรรมราช - พรหมคีรี) ประมาณ 18 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 4132 (พรหมคีรี - พรหมโลก) อีกประมาณ 4 กิโลเมตร น้ำตกพรหมโลกเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงาม มีชั้นน้ำตกประมาณ 50 ชั้นเปิดบริการให้ท่องเที่ยว ได้เพียง 4 ชั้น คือ หนานวังน้ำวน หนานวังไม้ปัก หนานวังหัวบัว และหนานวังอ้ายแล ในปี พ.ศ. 2502 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จประพาสน้ำตกแห่งนี้ และทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร" และ "สก" ไว้ที่หน้าผาน้ำตกชั้น ที่ 1 (หนานวังน้ำวน)
น้ำตกในเขียว
อยู่ในเขตอำเภอทอนหงษ์ ห่างจากตัวจังหวัดนครศรีธรรมราช 25 กิโลเมตร ต้นน้ำเกิดจากภูเขาในเทือกเขานครศรีธรรมราช เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาหลวง
น้ำตกอ้ายเขียว หรือน้ำตกในเขียว อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 45 กิโลเมตร ตั้งอยู่เส้นทางเดียวกับทางไปน้ำตกพรหมโลก ในท้องที่หมู่ที่ 5 ตำบลทอนหงส์ อำเภอพรหมคีรี น้ำตกอ้ายเขียวมีที่มาจากทุเรียนบ้านในละแวกนั้นที่มีชื่อว่า "อ้ายเขียว" ชาวบ้านจึงให้ชื่อน้ำตกแห่งนี้ว่า "น้ำตกอ้ายเขียว" เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีธรรมชาติงดงาม เกิดจากคลองในเขียว ซึ่งมีความยาวของลำน้ำประมาณ 100 ชั้น ไหลลงมาจากหน้าผาสูงลดระดับตามความลาดเอียงของภูเขา ทางอุทยานแห่งชาติ อนุญาตให้ท่องเที่ยวได้เพียง 9 ชั้น คือ หนานช่องไทร หนานบังใบ หนานไม้ไผ่ หนานเสือผ่าน หนานบุปผาสวรรค์ หนานหินกอง หนานหัวช้าง หนานไทรกวาดลาน และหนานฝาแฝด
น้ำตกวังลุง
น้ำตกวังลุง หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า "น้ำตกสองรัก"เกิดจากการบรรจบกันของธารน้ำสองสายที่ไหลผ่านโขดหิน ก่อเกิดเป็นสายน้ำใสสะอาดที่ไหลลงสู่แอ่งน้ำธรรมชาติ นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบยังโอบล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่นานาพันธุ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายจากชีวิตในเมืองใหญ่ มาสัมผัสกับความสงบของธรรมชาติอย่างแท้จริง
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาเขาขุนพนม
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาเขาขุนพนม ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามดำริของนายสัมพันธ์ ทองสมัคร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2535-2538 เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2536 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ.2537 กิจกรรมหลักของศูนย์คือ การจัดนิทรรศการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น ด้านธรณีวิทยา ดาราศาสตร์ พฤษศาสตร์ เป็นต้น นอกจากนี้มีรถนิทรรศการเคลื่อนที่ การจัดกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมเป็นต้น ศูนย์ดังกล่าวอยู่บริเวณขุนเขาพนม อำเภอพรหมคีรี
พระตำหนักเมืองนคร
พระตำหนักเมืองนคร ตั้งอยู่ท่ามกลางความร่มรื่นของสวนผลไม้ ในตำบลบ้านเกาะ อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช เดิมเป็นสวนผลไม้เก่าแก่ของตระกูล “ทองสมัคร” ต่อมาได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินและร่วมกับกรมอาชีวศึกษาก่อสร้างพระตำหนักที่ประทับ เพื่อเป็นที่ประทับในระหว่างเสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 40 พรรษา
พระตำหนักเมืองนครจึงเป็นสถานที่อันทรงคุณค่าและเป็นที่เคารพสักการะของชาวนครศรีธรรมราชและคนไทยทั่วไป นอกจากนี้ ด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามและบรรยากาศที่ร่มรื่น พระตำหนักเมืองนครยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความสงบและความงามของธรรมชาติ
พระตำหนักเมืองนคร เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2537 และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2541 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพระตำหนักแทนพระองค์เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2541
รูปแบบอาคารเป็นอาคารทรงไทยประยุกต์แบบภาคใต้ อันเป็นการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมไทยภาคกลางและภาคใต้เข้าด้วยกันอย่างลงตัว บริเวณโดยรอบร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งไม้ผลและไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ ที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี
ตั้งอยู่ในบริเวณสวนร่มเมือง ที่ด้านหลังเขาขุนพนม หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอพรหมคีรี เริ่มก่อสร้างเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2537 แล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2541
พระเจ้าตากสิน วัดเขาขุนพนม
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มีตำนานของชาวนครศรีธรรมราชเล่าว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมิได้ถูกสำเร็จโทษ แต่ทรงผนวชและลงเรือเสด็จไปประทับที่ถ้ำวัดเขาขุนพนม เมืองนครศรีธรรมราชดังที่เคยตั้งพระทัยไว้ ตามประวัติเชื่อกันว่า เขาขุนพนม เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชภายหลังจากสิ้น รัชกาลของพระองค์ มีผู้สันนิษฐานว่าพระเจ้าตากสินทรงมิได้ถูกประหารชีวิต อย่างที่พงศาวดารกล่าวอ้าง แต่ ได้ทรงสับเปลี่ยนพระองค์กับพระญาติหรือทหารคนสนิท แล้วเสด็จมายังนครศรีธรรมราช มีการเตรียมการ โดยมีการสร้างป้อมปราการ ทำเชิงเทิน ป้อมวงกลมตามชะง่อนผาเพื่อให้พระเจ้าตากสินได้ประทับเมื่อทรงผนวชเจริญวิปัน สนากรรมกรรมฐาน ณ วัดเขาขุนพนมจนเสด็จสวรรคต แต่บางกระแสกล่าวว่าเขาขุนพรม สร้างโดยพระยาตรังภูมาภิบาลเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช
สำหรับพักตากอากาศที่เขาขุนพนมจึงมีการสร้าง ป้อมปราการคอยป้องกันอย่างแน่นหนา ความสำคัญต่อชุมชน ชาวเขาขุนพนมมีความเชื่อเรื่องพระเจ้าตากสินมหาราช เสด็จหนีมาประทับที่เขาขุนพนม จึงได้ร่วมมือ กันสร้างพระตำหนักสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บริเวณชะง่อนหินเชิงเขา ซึ่งเป็นบริเวณที่เชื่อว่าพระองค์ ประทับขณะผนวชอยู่ ประชาชนที่ยังระลึกถึงวีรกรรม และความกล้าหาญในการกู้เอกราชชาติไทยในสมัยเสีย กรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ได้ร่วมกันสร้างพระบรมสาทิสลักษณ์ ทั้งในเพศบรรชิต และชุดฉลองพระองค์นักรบ แล้วอัญเชิญมาไว้ในศาลให้ผู้คนที่ศรัทธาได้มากราบไหว้ ปัจจุบันจึงมีประชาชน จากทั่วสารทิศมาเขาขุนพนม อยู่เสมอเพื่อตามรอย พระเจ้าตากสินมหาราชลักษณะทางสถาปัตยกรรมเขาขุนพนมมี ลักษณะเป็นภูเขาหินปูนลูกโดดเตี้ย ๆ มีต้นไม้ปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น บนภูเขามีถ้ำหินปูน ที่มีโพรงหินงอกหินย้อน ลักษณะของภูเขาวางตัวอยู่ในแถบเหนือ-ใต้ มีความยาวประมาณ ๗๕๐ เมตร กว้างตามแนวทางทิศตะวันออก-ตะวันตก ประมาณ ๕๐๐ เมตร สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ ๔๓ เมตร ส่วนยอดเขาสูง จากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ ๑๖๕ เมตร ทางทิศใต้ของภูเขาเป็นทางลาดชัน ทางทิศเหนือเป็นไหล่เขา ทางทิศตะวันตกเป็นสวนมังคุดและสวนยางพารา ทางทิศตะวันตกเป็นโรงเรียนและวัดเขาขุนพนม เขาขุนพนมมีจุดเด่นอยู่ที่วัดเขาขุนพนมซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของเขาขุนพนม ประวัติการก่อสร้างไม่ปรากฏ แต่หลักฐานประเภทโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ สามารถบ่งนี้ได้ว่า วัดเขาขุนพนมน่าจะสร้างขึ้นในตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
ที่วัดเขาขุนพนม แห่งนี้มีการร่วมสร้างอนุสาวรีย์ของ พระองค์ท่าน แสดงออกซึ่งศรัทธาของคนเมืองคอนที่มีต่อพระองค์ และดูเหมือนเป็นการตอกย้ำริ้วรอยของประวัติศาสตร์ที่แม้นไม่มีการจารึกเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ฝังรากลึกอยู่ในตำนานการบอกเล่าของชาวนครศรีฯ อสันนิษฐานที่ว่าพระเจ้าตากสินมหาราชทรงพำนัก ณ ตำหนักบนเขาขุนพนม มีการสร้างวัด และโบสถ์มหาอุตรหลังพระองค์สิ้นพระชนม์ ณ วัดเขาขุนพนม อ.พรหมคีรี จ. นครศรีธรรมราช
บทความของ อ.ชวลิต อังวิทยาธร นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นนครศรีธรรมราช ผู้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลในเรื่องดังกล่าวได้อธิบายว่า การตามรอยสมเด็จพระเจ้าตากสินนั้นเกิดขึ้นจาก บทความเพลงร้องเรือ สถานที่ วัตถุโบราณ และโบราณสถานที่ยังเหลือร่องรอยให้ปรากฏ รวมถึงมุมมองการบอกเล่ากล่าวกันมาจากบรรพบุรุษมากกว่า 200 ปี บทความร้องเรือที่ว่ามานั้นมีดังนี้
“ฮาเหอ ว่าแป๊ะหนวดยาวเราสิ้นทุกข์ เอาศพใส่โลงดีบุกค้างไว้ในดอนดง ลูกเจ้าจอมหม่อมปลัดถือฉัตรธง เอาศพไปค้างไว้ในดอนดง ค่อยปลงศพบนเมรุใหญ่ เหอ”
ส่วนคำอธิบายถอดความว่าไว้นั้นคือ แป๊ะหนวดยาว นั้นอาจหมายถึงสมเด็จพระเจ้าตากสิน เมื่อทรงสิ้นพระชนม์ในพระตำหนักเขาขุนพนม (ดอนดง) โดยสันนิษฐานว่า ในระยะเวลาดังกล่าวพระองค์ทรงพำนัก ณ ตำหนักบนเขาขุนพนม มีการสร้างวัด และโบสถ์มหาอุตรหลังพระองค์สิ้นพระชนม์ เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจทางศาสนา และเก็บพระบรมศพ และใช้ซึ่งภายในถ้ำโดยมีร่องรอยหลักฐานสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยกรุงธนบุรีปรากฏอยู่ ก่อนจะมีการปลงพระศพพร้อมกับศพของเจ้าพระยานคร (หนู) ที่เมรุใหญ่สนามหน้าเมือง ซึ่งปรากฏเป็นพระวิหารสูงในปัจจุบัน
ความสัมพันธ์ของเมืองนครศรีธรรมราชกับกรุงธนบุรี เรื่องการยกทัพมาปราบชุมนุมพระยานครศรีธรรมราช (หนู) ซึ่งพระเจ้าตากสินทรงยกทัพทางเรือมาด้วยพระองค์เอง ขึ้นฝั่งที่หน้า “วัดท่าโพธิ์” จนปรากฏชื่อ “ถนนตากสิน” ในระหว่างการกรีธาทัพในครั้งนี้ทรงเลื่อมใสศรัทธาต่อองค์พระบรมธาตุ เข้านมัสการและปฏิบัติธรรม รวมทั้งปฏิสังขรณ์ วิหารทับเกษตรรวมองค์พระบรมธาตุ ทำให้ชาวนครเรียกทางเดินบริเวณนี้ว่า “ทางเดินเจ้าตาก” รวมถึงเจดีย์หิน ภายในบริเวณวัดพระบรมธาตุวรมหาวิหาร ที่ชาวนครเรียกว่า “เจดีย์เจ้าเมือง”
วัดเขาปูน
วัดเขาปูนตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2320 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2508 ผู้สร้างวัดคือ พระแก้ว บนยอดเขามี เจดีย์พระธาตุชัยมณีศรีฆะโลก (เขาปูน) ภายในมีภาพเขียนเล่าประวัติการสร้างวัด ภายในเจดีย์ยังมีรูปปั้นพระแก้วประดิษฐาน
ด้านบนมีสำนักปฏิบัติธรรมและพระบรมราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินและหอระฆัง และรูปของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)
โบราณวัตถุที่พบบนยอดเขาปูน ได้แก่ เศษภาชนะดินเผาเนื้อหยาบตกแต่งผิวด้วยลายกดประทับลายเชือกทาบเป็นชิ้นส่วนขาของภาชนะที่มีลักษณะคล้ายเป็นหม้อสามขา เศษภาชนะดินเผาเคลือบเขียนลายสีน้ำเงินบนพื้นขาวและเขียนสีหลายสีบนพื้นขาวเป็นลักษณะของชาม (เครื่องถ้วยอันนัม) โบราณวัตถุที่ทำด้วยหินมีลักษณะคล้ายเป็นหินลับ 6 เหลี่ยมทำจากหินทราย โบราณวัตถุที่พบในถ้ำถ้วย ได้แก่ เศษภาชนะดินเผาเคลือบเขียนลายสีน้ำเงินบนพื้นขาวมีลักษณะเป็นจานเชิงและชาม สันนิษฐานว่าเป็นภาชนะเคลือบของอันนัม (เครื่องถ้วยเวียดนาม) และเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ชิง
วัดเขาปูนไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่แสวงบุญสำหรับชาวพุทธเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและต้องการสัมผัสกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนานของจังหวัดนครศรีธรรมราช การเดินทางมาเยือนวัดเขาปูน จะทำให้ท่านได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติ ความสงบสุขทางจิตใจ และความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง หากท่านมีโอกาสได้มาเยือนจังหวัดนครศรีธรรมราช อย่าลืมแวะมาสัมผัสประสบการณ์อันน่าประทับใจที่วัดเขาปูนแห่งนี้
-----------------------------------------
สืบค้น
https://nakhonsistation.com
https://www.tungsong.com/Nakorn/Old/Promkere.html
https://www.facebook.com/WelcomePromkiri
https://www.mokkalana.com
https://iok2u.com/variety/travel-thailand/travel-nakhonsithammarat-phromkhiri-muangnakhon