24 มกราคม, 2567
กินเหนียว-แต่งงานประเพณีแดนใต้
ประวัติ และความเป็นมา
กินเหนียว พจนานุกรมแปลไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน (ถิ่น-ปักษ์ใต้) ก. กินเลี้ยงในงานแต่งงาน.
กินเหนียว เป็นคำเรียกของคนใต้ หมายถึงงาน “แต่งงาน” ได้ลงจากคาน คนใต้เชื่อว่าถ้าได้กินเหนียว หรือนำมาแจกให้แขกในงาน จะมีความกลมเกลียวเหมือนข้าวเหนียว ลูกสาวบ้านไหนได้แต่งงานก็จะมีการชักชวนให้มากินเหนียว และหลังจากกินอาหารคาวในงานเสร็จ เจ้าภาพจะเอาข้าวเหนียวมาแจก ใส่ถ้วย หรือจะใส่กล่องกลับบ้านก็ได้
สำนวนภาษาที่ใช้ในพิธีแต่งงานของทางภาคใต้ 3 สำนวน
-มอบสาดเรียงหมอน,
-กินเหนียว
-พาสวดเหนียวแล่น
เริ่มที่สำนวนแรก คือ มอบสาดเรียงหมอน เป็นพิธีที่จัดเพื่อมอบห้องหอให้คู่บ่าวสาวหลังจากพิธีการแต่งงานเสร็จสิ้น พิธีนี้ญาติทางฝ่ายเจ้าสาวจะหาฤกษ์ที่ดีจริง ๆ ให้คู่บ่าวสาว พึงทราบว่างานแต่งงานนั้นเป็นฤกษ์ดีของการจัดงานแต่งงานก็จริง แต่ใช่ว่าจะเป็นฤกษ์ดีสำหรับพิธีมอบสาดเรียงหมอนเสมอไป ในสมัยก่อนคู่บ่าวสาวหลายคู่หลังเข้าพิธีแต่งงานแล้ว อาจต้องนอนแยกห้องกันเพื่อรอฤกษ์ดีของพิธีนี้ เมื่อได้ฤกษ์ดีแล้ว ญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวจะชวนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเข้าห้อง นำไหว้พระ ประพรมน้ำมนต์ แล้วให้คนที่เป็นที่ยอมรับนับถือกันว่ามีชีวิตคู่สมบูรณ์ ไม่ทะเลาะตบตีกัน มีหน้าที่การงานมั่นคง และมีลูกชายลูกสาวที่เคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่เป็นอันดี มาปูที่นอนให้ จุดประสงค์ก็เพื่อความเป็นมงคลในข้อที่ว่า ทำให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวมีความเจริญรอยตามคนมาปูที่นอนให้นั่นเอง เมื่อปูที่นอนเสร็จจะมีการทำพิธีเชิญตายาย (ผีบรรพบุรุษ) ให้มากินเครื่องเซ่นเป็นการบอกให้รู้ว่ามีลูกหลาน (เจ้าบ่าว) เพิ่มมาอีกคนหนึ่ง
สำนวนที่ 2 กินเหนียว หมายถึง สำรับของหวาน ที่ใช้เลี้ยงแขกในงานแต่งงานสำรับนั้นประกอบด้วยข้าวเหนียว มี ข้าวเหนียวสังขยาเป็นต้น วัฒนธรรมการกินเลี้ยงในงานแต่งงานของคนภาคใต้ในสมัยก่อน เจ้าภาพงานแต่งจะจัด สำรับอาหารคาว ใส่ถาดยกไปวางบนโต๊ะ ส่วนข้าวสวยจะบรรจุใส่ถุงพลาสติกโดยพับปากถุงให้แบ่งตักกันเอง หลังจากรับประทานอาหารคาวเสร็จเรียบร้อย เจ้าภาพจะนำ สำรับของหวาน มาเสริฟต่อ และของหวานที่เป็นเอกลักษณ์ขาดไม่ได้เลยคือ สำรับของหวานที่ประกอบด้วยข้าวเหนียวเช่น ข้าวเหนียวสังขยาข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียนเป็นต้น ทำให้ในกาลต่อมเวลาเชิญใครไปงานแต่งงาน (สมัยก่อนบอกด้วยปากไม่มีบัตรเชิญ) ก็จะใช้สำนวนภาษาว่า เชิญไปงานกินเหนียว คำว่า กินเหนียว เลยกลายเป็นชื่อของงานแต่งงานไปโดยปริยาย
สำนวนที่ 3 พาสวดเหนียวแล่น ด้วยเหตุที่ ข้าวเหนียว คือหัวใจหลักของเมนูของหวานยอดนิยม สวดนึ่งเหนียว (ภาชนะสำหรับใช้นึ่งข้าวเหนียว) จึงสำคัญมาก ถ้าใครขโมยสวดนึ่งเหนียวไป งานแต่งก็แทบจะเรียกได้ว่าล่มไม่เป็นท่า เพราะฉะนั้นจึงกลายเป็นสำนวนต่อมาที่ว่า ถ้าหญิงชายคู่ใดพากันหนีตามกัน โดยไม่จัดงานแต่งให้ถูกต้องตามประเพณีว่า พาสวดเหนียวแล่น เช่น ประโยคที่ว่า แลโด้ ๆ ลูกสาวเรินข้างบ้านฉานพาสวดเหนียวแล่นแล้วหลาว แปลเป็นภาษาไทยกลางว่า ดูสิ ๆ ลูกสาวของบ้านที่อยู่ใกล้บ้านฉันพาสวดเหนียววิ่งอีกแล้ว (แล่น ภาษาใต้แปลว่า วิ่ง)
สำนวนทางภาคใต้ที่เกี่ยวกับพิธีการแต่งงานทั้ง 3 สำนวนนี้ มีมานานนับ 100 ปี แต่ก็ยังใช้กันอยู่จวบปัจจุบัน เป็นวัฒนธรรมในการใช้ภาษาที่มีความหมายอยู่ในตัวของมันเอง ทุกสำนวนล้วนก่อให้เกิดความเป็นมงคลต่อคู่บ่าวสาวทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำให้เราได้เรียนรู้เรื่องราวของอดีตที่ผ่านกาลเวลามาถึงยุคปัจจุบัน เป็นความจริงที่ว่าอดีตคือกระจกเงาที่ส่องให้เห็นปัจจุบัน การแต่งงานคือจุดเริ่มต้นชีวิตคู่ของคนสองคนที่ต้องอาศัยความเข้าใจกัน ต้องทะนุถนอมน้ำใจต่อกัน มันคือศิลปในการครองคู่อย่างแท้จริง
“กินเหนียว” ประเพณีการกินเหนียวของชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม จะใช้ในหลายโอกาส เช่น แต่งงาน และเข้าสุหนัต คำว่า “กินเหนียว” มิใช่ว่าเจ้าของจะบริการอาหาร
เฉพาะข้าวเหนียวเท่านั้น แต่เป็นการเลี้ยงอาหารธรรมดาทั่วไปนั่นเอง การเข้าสุหนัต - เป็นหลักการของศาสนาอิสลาม อันเกี่ยวเนื่องกับเรื่องความสะอาด คือการขลิบผิวหนังหุ้มส่วน
ปลายอวัยวะเพศชายหรือเรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า “มาโซะยาวี” ซึ่งจะทำแก่เด็กชายที่มีอายุระหว่าง ๒-๑๐ ปีส่วนการจัดเลี้ยงอาหารในวันเข้าสุหนัตถือว่าเป็นประเพณีอย่างหนึ่ง
วันฮารีรายอ วันฮารีรายอ มีอยู่ ๒ วันคือ วันอิฏิลฟิตรี หรือที่เรียกว่า วันฮารีรายอปอซอ เป็นวันเฉลิมฉลองเนื่องจากการสิ้นสุดการถือศีลอด ในเดือนรอมฎอน เป็นการกลับเข้าสู่สภาพเดิมคือ สภาพที่ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องอดน้ำ ฯลฯ อีกต่อไป ซึ่งตรงกับวันที่หนึ่งของเดือนเซาวาล เป็นเดือนที่ ๑๐ ทางจันทรคติ และทางราชการกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ ใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้(ยกเว้นสงขลา) ๑ วัน
วันอิฎิลอัตฮา หรือที่เรียกว่า วันฮารีรายอหัจญี หมายถึงวันเฉลิมฉลองเนื่องในวันเชือดสัตว์พลีเป็นทานบริจาคอาหารแก่คนยากจนและประชาชนทั่วไป ตรงกับวันที่ ๑๐ ของเดือนซุลอิจญะ เป็นเวลาเดียวกับการประกอบพิธีหัจญ์ ณ นครเมกกะของมุสลิมทั่วโลก ดังนั้นชาวไทยมุสลิมจึงนิยมเรียกวันตรุษนี้ว่า วันอีดใหญ่หรือวันรายอหัจญี และทางราชการกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการใน ๔ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ยกเว้นสงขลา)๑ วัน
วันอาซูรอ - อาซูรอ เป็นภาษาอาหรับ หมายถึง วันที่ ๑๐ ของเดือนมุฮัรรอน ซึ่งเป็นเดือนทางศักราชอิสลาม ในสมัย ท่านนบีนุฮ์ ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ยังความเสียหายแก่ทรัพย์สินไร่นาของประชาชนทั่วไป ทำให้เกิดการขาดอาหารบริโภค จึงประกาศให้ผู้ที่มีสิ่งของที่เหลือพอจะรับประทานได้ ให้เอามากองรวมกัน เนื่องจากต่างคนต่างมีของคนละอย่างไม่เหมือนกัน ท่าน นบีนุฮ์ ให้เอาของเหล่านั้นมากวนเข้าด้วยกัน สาวกของท่านก็ได้รับประทานอาหาร โดยทั่วกันและเหมือนกัน ในสมัย ท่าน นบีมูฮัมหมัด (ศ็อล) ได้เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันขณะที่กองทหาร
ของท่านกลับจากการรบที่ บาดัร ปรากฏว่าทหารมีอาหารไม่พอกิน ท่าน นบีมูฮัมหมัด(ศ็อล)
จึงใช้วิธีการของท่าน นบีนุฮห์ โดยให้ทุกคนเอาข้าวของที่รับประทานได้มากวนเข้าด้วยกันแล้วแบ่งกันรับประทานในหมู่ทหาร
ที่มา
-วิโรจน์ คงจันทร์