09 ตุลาคม, 2568
ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านหัตถศิลป์ของชาวนครศรีธรรมราช
ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านหัตถศิลป์ของชาวนครศรีธรรมราช
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรม
โอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินเลียบมมณฑลปักษ์ได้
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๒ ได้พระราชนิพนธ์จดหมายเหตุบรรยายสภาพบ้านเมืองนครศรีธรรมราช ความตอน
หนึ่งได้ทรงกล่าวถึงงานหัตถศิลป์ของเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งถือเป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่นไว้ดังนี้
...สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์
ทรงนำข้าราชการและราษฎรในอาณาเขตเมืองนครศรีธรรมราชให้จัดสิ่งของต่างๆ
ซึ่งเป็นของทำในพื้นเมือง...มาแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์ ในบริเวณตำหนักนี้ด้วย
	จากพระราชนิพนธ์ข้างต้นพบว่า งานหัตถศิลป์ที่ได้รับการนำเสนอให้เป็นจดเด่นของ
เมืองนครศรีธรรมราช ได้แก่ งานเครื่องถม เครื่องโลหะ เครื่องดินเผา เครื่องจักสาน และเครื่องหอ
ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันงานหัตศิลป์เหล่านี้ถือได้ว่าเป็นเครื่องบ่งชี้อัตลักษณ์ของเมืองนศรศรีธรรมราช
ซึ่งชาวนครศรีธรรมราชยังคงสืบทอดและรักษามรดงูทางภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเหล่านี้ไว้สืบมาจนถึง
ทุกวันนี้
เครื่องถมถือเป็นงานหัตถศิลป์โดดเด่นของเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งสืบทอดการทำมาแต่โบราณ ปรากฏให้เห็นในเครื่องใช้ต่าง ๆอาทิ แหวน สร้อยคอ กำไล ขัน พาน ถาดด้วยความนิยมในเครื่องถมทำให้ในปัจจุบันเมือง
นครศรีธรรมราชยังมีการเรียนการสอนการทำหัตถกรรมประเภทนี้ และสามารถซื้อหางานเครื่องถมเมืองนครได้ที่ถนนท่าช้างหลังสนามหน้าเมือง บริเวณหน้าวัดพระมหาธาตุ และบริเวณตลาดท่าวัง
เครื่องโลหะอาจจำแนกได้เป็น๒ ประเภทได้แก่ เครื่องเงิน และเครื่องทองเหลืองสำหรับเครื่องเงินเมืองนครนั้นเป็นหัตถกรรมที่โดดเด่นสืบเชื้อสายสกุลช่างทองเหลืองมาจากชาวไทรบุรีที่ถูกกวาดต้อนเข้ามาสมัยเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (น้อย) โดยตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณหน้าเมือง ปัจจุบันพบการทำเครื่องเงินในสองลักษณะ คือ เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทของใช้ ของตกแต่ง ของขวัญของชำร่วย และเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องประดับเงินประเภทแหวน กำไลข้อมือ สายสร้อย ต่างหู จี้ห้อยคอ
	ในส่วนของเครื่องทองเหลืองนั้นพบว่าช่างฝีมือส่วนใหญ่เป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามสันนิษฐานว่าเป็นช่างที่เข้ามาสมัยเมืองนครศรีธรรมราชเรืองอำนาจ เพื่อทำอาวุธยุทโธปกรณ์ในราชการสงคราม เมื่อสิ้นสุดภาวะ
สงครามช่างดังกล่าวจึงเลิกทำอาวุธและโคธงการส่งเสธิมอาชีพได้พัฒนาเป็นการทำเครื่องทองเหลืองเพื่อใช้ ในชีวิตประจำวัน เช่น ปิ่นโตพร้อมช่างหล่อทองเหลืองฝา กาน้ำชา ถาดฉลุ"" ซึ่งบริเวณที่มีการขุมขนหลังวัดพระมหาธาตุสนับสนุนโดย เทศบาลนคอนครศธีธรรมราชทำเครื่องทองเหลืองโดดเด่นของเมืองนครศรีธรรมราชอยู่บริเวณชุมชนมุสลิมหลังวัดพระมหาธาตุ (ชุมขนสวนมะพร้าว)  อย่างไรก็ดี การผลิตเครื่องทองเหลืองเมืองนครค่อนข้างซบเชาเนื่องจากการแพร่หลายทองเหลืองจากกรุงเทพฯ ที่มีราคาถูกกว่า ดังนั้นช่างทองเหลืองตั้งเดิมดังเช่น ตระกูลพันธุ์ต้อหล้าซึ่งเป็นตระกูลเดียวที่ยังคงสืบทอดการทำเครื่องทองเหลืองจะผลิตตามสั่งลูกค้าเท่านั้น เช่น กระบอกชนมจีนหมาก ระฆัง ขันน้ำมนต์" โดยมีเครื่องทองเหลืองที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิตชาวนครในปัจจุบัน  ได้แก่ กระบอกขนมจีน ซึ่งสัมพันธ์กับวัฒนธรรมการกินของท้องถิ่น และชันนำมนต์ ซึ่งคนห้องถิ่นเชื่อว่าการทำน้ำมนต์ในเมืองปักษ์ใต้นิยมใช้ชันน้ำมนต์ที่ผลิตในท้องถิ่นเท่านั้น
	เครื่องดินเผา พบมากที่หมู่บ้านมะยิง ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอท่าศาศาลา ใกล้กับวัดโมคลาน เป็นการปั้นหม้อด้วยมือจากดินเหนียวซึ่งยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมไว้ หม้อที่ปั้นมีรูปทรงใหญ่และหนาดลายน้อย ได้แก่ กระถางต้นไม้ โอ่ง หม้อดิน นอกจากนี้ได้แก่ที่แหล่งผลิตเครื่องปั้น ซึ่งแต่เดิมผลิตเฉพาะกระถางต้นไม้และอิฐเท่านั้น ปัจจุบันมีการปรับปรุงคุณภาพและเพิ่มเติมรูปแบบให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น
เครื่องจักสาน ซึ่งปรากฏให้เห็นทั้งในเมืองนครศรีธรรมราชและพื้นที่ต่าง ๆ ในภาคใต้ ได้แก่ จักสานย่านลิเภา ซึ่งเป็นงานฝีมือที่มีมานานกว่า ๑๐๐๐ ปี โดยนำมาทำเป็นข้าวของเครื่องใช้แหนหวายเช่น กระเป๋าถือ กระเป้าสะพาย กล่องยาเส้น ปั้นชา ตะกร้า กล่องใส่แว่นตา โดยแหล่งผลิตหัตถกรรมประเภทนี้อยู่ที่บ้านหมน ตำบลท่าเรือ ส่วนครื่องจักสานอีกประเภทหนึ่งคือ หัตถกรรมจากกระจุดซึ่งนิยมนำมาทอเป็นเสื่อ และเครื่องใช้ในบ้านเรือนโดยเฉพาะกระบุง ตะกร้า กระเป้า
	เครื่องทอ ในที่นี้หมายถึงผ้ายกเมืองนครซึ่งได้สืบทอดรูปแบบและได้รับการยกย่องว่ามีรูปแบบสวยงามมาแต่โบราณโดยได้พัฒนารูปแบบการทอและการประดิษฐ์ลวดลายให้มีความสลับชับช้อนด้วยความพิถีพิถันประกอบกับวัสดุสูงค่ามีราคาที่นำมาทอ ทำให้ผ้ายกเมืองนครเป็นประณีตศิลป์ชั้นเยี่ยม กระทั่งแพร่หลายจากผ้าสำหรับเจ้าเมืองมาสู่ราชสำนักที่กรุงเทพฯ ซึ่งต่อมามีการคัดแปลงเป็นผ้าสำหรับคหบดี ตลอดจนสามัญขนทั่วไปไปใช้นุ่งสำหรับงานพิธีการคัญต่าง ๆ
การศึกษาสภาพสังคมและวัฒนธรรมเมืองนครศรีธรรมราชทำให้เห็นว่าพื้นที่ดังกล่าวเกิดจาก การหลอมรวมของวัฒนธรรมที่หลากหลายซึ่งวัฒนธรรมเหล่านั้นได้ปรากฎออกมาให้เห็นในรูปวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น ทั้งด้านคติความเชื่อ ประเพณี การละเล่น อาหาร เครื่องใช่ไม้สอยประจำวันการประกอบอาชีพ สิ่งเหล่านี้ล้วนบ่งบอกถึงอัตลักษณ์ของเมืองนครศรีธรรมราช ด้วยเหตุนี้การทำความเข้าใจมิติทางวัฒนธรรม จึงจำเป็นต้องศึกษาอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดมโนทัศน์ต่อสังคมและวัฒนธรรมเมืองนครศรีธรรมราชเด่นชัดขึ้น ซึ่งสิ่งนี้จะนำมาซึ่งการตระหนักในคุณค่าของมรดกทางภูมิปัญญาและหวงแหนในมรดกนี้สืบไป
ที่มา ปกิณกศิลปวัฒนธรรม เล่ม 22 นครศรีธรรมราช กรมศิลปากรพิมพิ์เผยแพร่ พุทธศักราช 2559 (ภาพประกอบจากอินเทอเน็ต)


