15 ตุลาคม, 2568

การทอดกฐินในประเทศไทย

กฐิน (บาลี: กฐิน) เป็นศัพท์ในพระวินัยปิฎกเถรวาท เป็นชื่อเรียกผ้าไตรจีวรที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือนแล้ว สามารถรับมานุ่งห่มได้ โดยคำว่าการทอดกฐิน หรือการกรานกฐิน จัดเป็นสังฆกรรมประเภทหนึ่งตามพระวินัยบัญญัติเถรวาทที่มีกำหนดเวลา คือพระสงฆ์สามารถกระทำสังฆกรรมนี้ได้นับแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เท่านั้น โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญคือสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ และอนุเคราะห์ภิกษุผู้ทรงคุณที่มีจีวรชำรุด1 ดังนั้นกฐินจึงจัดเป็นเรื่องเกี่ยวกับสังฆกรรมของพระสงฆ์โดยจำเพาะ ซึ่งนอกจากในพระวินัยฝ่ายเถรวาทแล้ว กฐินยังมีในฝ่ายมหายานบางนิกายอีกด้วย แต่จะมีข้อกำหนดแตกต่างจากพระวินัยเถรวาท
กฐิน มีทั้งหมด 4 ประเภท 1. กฐินหลวง หมายถึง เป็นพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพุทธมามกะและเอกอัครพุทธศาสนูปถัมภก พระองค์จะเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินด้วยพระองค์เอง หรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระราชินี พระราชโอรส พระราชธิดา เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ รวมทั้งพระกฐินที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบรมวงศานุวงศ์ ราชสกุล องคมนตรี หรือผู้ที่ทรงพระราชดำริเห็นสมควรให้เสด็จฯ แทนพระองค์นำไปถวายยังพระอารามหลวงสำคัญ 18 พระอาราม ที่สงวนไว้ไม่ให้มีการขอพระราชทาน ได้แก่ กฐินหลวงในปัจจุบันมีเพียง 18 วัดเท่านั้น ได้แก่ ในกรุงเทพมหานคร วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดราชโอรสารามราชวรวิหาร วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร วัดโสมนัสราชวรวิหาร ต่างจังหวัด วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
2. กฐินต้น หมายถึง กฐินที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินวัดที่ไม่ได้เป็นวัดหลวง และไม่ได้เสด็จไปอย่างเป็นทางการ หรืออย่างเป็นพระราชพิธี แต่เป็นการบำเพ็ญพระราชกุศลส่วนพระองค์เอง
3. กฐินพระราชทาน เป็นพระกฐินที่มี ผ้าพระกฐิน บริขาร และบริวารกฐิน เป็นของหลวง แต่เปิดโอกาสให้ส่วนราชการ องค์กร หรือบุคคลที่สมควร ขอรับพระราชทานอัญเชิญไปถวายยังพระอารามหลวงต่างๆ นอกจากพระอารามหลวงสำคัญ 16 แห่งข้างต้น พระอารามดังกล่าวรัฐบาลโดยกรมการศาสนาเป็นผู้จัดหาผ้าพระกฐิน และบริวารพระกฐิน (ปัจจุบันมีจำนวน 265 พระอาราม มีรายชื่อตามบัญชีพระอารามหลวง) ซึ่งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ สมาคม บริษัทห้างร้าน และบุคคลทั่วไป จะต้องยื่นความจำนงขอพระราชทานผ่านไปยังกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม และเมื่อถึงกำหนดกฐินกาลก็ติดต่อขอรับ ผ้าพระกฐินและบริวารพระกฐินจาก กองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา เพื่อนำไปทอดกฐิน ณ พระอารามที่ขอรับพระราชทานไว้ เมื่อทอดถวายเรียบร้อยแล้วผู้ขอรับพระราชทานจะต้องจัดทำบัญชีรายงานถวายพระราชกุศลในการถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ส่งไปยัง กรมการศาสนา เพื่อจะได้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐิน ส่งไปยัง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อแจ้งให้สำนักราชเลขาธิการนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายพระราชกุศลในการที่หน่วยงาน องค์กร หรือบุคคลทั่วไป อัญเชิญผ้าพระกฐินไปถวาย ณ อารามนั้น
4 กฐินราษฎร์ คือกฐินที่ราษฏรหรือประชาชนทั่วไปที่มีจิตศรัทธาจัดถวายผ้ากฐิน และเครื่องกฐินไปถวายยังวัดราษฎร์ต่าง ๆ โดยอาจแบ่งออกเป็นจุลกฐิน และมหากฐิน (กฐินสามัคคี) ในปัจจุบันกฐินราษฎร์ จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ มีเจ้าภาพแค่คนเดียว และมีเจ้าภาพร่วมกันหลายคนหรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า "กฐินสามัคคี" ผู้เป็นประธานหรือเจ้าภาพในการทอดกฐินจะให้ความสำคัญกับการรวบรวม (เรี่ยไร) เงินและสิ่งของเพื่อเข้าประกอบเป็นบริวารกฐินมากกว่า เพราะวัดสามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาได้ และเนื่องจากการถวายผ้ากฐินเป็นกาลทาน จึงทำให้ประเพณีการทอดกฐินเป็นงานสำคัญประจำปีของวัดต่าง ๆ โดยทั่วไปในประเทศไทย ในกรณีที่เป็นกฐินสามัคคี เนื่องจากกฐินสามัคคีเป็นกฐินที่มีเจ้าภาพร่วมกันหลายคน หลายวัดจึงใช้วิธีผาติกรรมผ้าไตรของวัดผืนหนึ่ง โดยจะตกลงกำหนดให้ผ้าผืนนี้เท่านั้นเป็นผ้าที่ใช้ทอดกฐิน โดยบริวารกฐินทั้งหมด จะเป็นราคาของผ้าผืนนี้ ให้ผู้ทำบุญทุกคนเป็นเจ้าของผ้าผืนนี้ร่วมกัน บริวารกฐินทั้งหมดก็จะนำเข้าเป็นของวัดต่อไป โดยหลายวัดมักจะแจ้งล่วงหน้าว่าบริวารกฐินที่ได้มาทางวัดจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร โดยปกติจะนำไป สร้าง ซ่อมแซม ต่อเติม เสนาสนะสิ่งก่อสร้างภายในวัด เพื่อให้เป็นวิหารทานซึ่งเป็นสังฆทาน เป็นการสร้างกุศลให้แก่ผู้ทำบุญในเทศกาลกฐินเพิ่มขึ้นอีกต่อหนึ่ง นอกจากถวายผ้ากฐิน อีกทั้งกฐินสามัคคีจัดเป็นปัตตานุโมทนามัย คือบุญที่เกิดจากการแบ่งส่วนบุญและชักชวนกันทำบุญร่วมบุญกัน ย่อมได้อานิสงส์คือมีกัลยาณมิตรและบริวารที่จริงใจมากมาย ส่วนในกรณีที่มีเจ้าภาพคนเดียว ไม่ใช่กฐินสามัคคี นิยมให้เเจ้งวัตถุประสงค์ว่าบริวารกฐินจะถวายเข้าวัดเท่าใด ถวายพระเท่าใด ถวายสามเณรเท่าใด เนื่องจากถ้าเจ้าภาพไม่แจ้งอย่างชัดเจน จะถือว่าบริวารกฐินจะตกแก่สงฆ์และสงฆ์จะแบ่งบริวารกฐินเท่าๆกันตามจำนวนพระภิกษุที่อยู่จำพรรษาในวัดนั้นนั่นเอง ซึ่งพระภิกษุที่ได้รับแต่ล่ะรูปจะเก็บบริวารกฐินไว้เอง หรือตกลงมอบให้แก่วัดก็ได้ ตามความสมัครใจ หรือตามมติที่ได้ตกลงกันไว้ในที่ประชุมสงฆ์ ซึ่งกฐินพระราชทาน มักจะใช้ธรรมเนียมนี้เช่นกัน คือจะแจ้งอย่างชัดเจน ก่อนการทอดผ้า ที่มาสืบค้นข้อมูล : https://th.wikipedia.org www.dmcr.go.th www.m-culture.go.th