13 ตุลาคม, 2568

ตำนานและที่มาของ อำเภอต่างๆ 23 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช

ขนอม ชื่ออำเภอนี้มาจากชื่อเมืองตระนอมที่ปรากฏในตำนานเมืองนครศรีธรรมราช บ้างว่ามาจากชื่อ “บ้านเขาล้อม” แล้วเปลี่ยนเสียงเป็นขนอม ขนอม เคยเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอสิชล ยกฐานะเป็น อำเภอเมื่อ พ.ศ.2502 จุฬาภรณ์ ชื่ออำเภอนี้ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้พระนามสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ อัครราชกุมารี เป็นชื่ออำเภอเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2537 อำเภอจุฬาภรณ์เคยเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอ ร่อนพิบูลย์ เรียกว่าตำบล “สามตำบล” ซึ่งชาวบ้าน หมายถึง “สามวัง” คือวังไสวังฆ้องและวังนา หมอบุญ เล่ากันว่าวังทั้งสามนี้เคยเป็นที่ประทับของ ขุนนางสมัยกรุงศรีอยุธยาครั้งเสียกรุงแก่พม่า พ.ศ.2310 ต่อมายกฐานะบ้าน “สามวัง” เป็น ตำบล “สามตำบล” เดิมอยู่ในเขตอำเภอชะอวด และรวมกับบางตำบลในเขตอำเภอร่อนพิบูลย์จัดตั้ง เป็นอำเภอจุฬาภรณ์ ฉวาง ฉวางมาจาก “ เมืองขวาง ” ปรากฏในทำเนียบขุนนางเมืองนครศรีธรรมราชว่า “ขุนราช เมืองขวาง” การเรียกชื่อเมืองนี้มักเรียกคู่กับเมือง สระ เลยมีชื่อในเอกสารโบราณว่า “เมืองขวางเมือง สระ” ชุมชนบนฝั่งแม่น้ำตาปี (แม่น้ำตาปีเกิดจากเทือกเขาหลวงในนครศรีธรรมราช ) ข้ามฝั่งจากตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออกโดยใช้ภูเขาขวางเป็นเครื่องหมายสำคัญจึงเรียกชุมชนตรงนั้นว่า “เมือง ขวาง” ต่อมาเพี้ยนเสียงเป็นฉวาง ฉวางยกฐานะ เป็นอำเภอเมื่อ พ.ศ.2443 เฉลิมพระเกียรติ อำเภอนี้เกิดจากการรวมตำบลเชียรเขา ตำบล ดอนตรงและตำบลสวนหลวง ของอำเภอเชียรใหญ่ ผนวกกับตำบลทางพูนอำเภอร่อนพิบูลย์จัดตั้งเป็นอำเภอเฉลิมพระเกียรติเมื่อพ.ศ.2539ชื่ออำเภอนี้แสดงถึงพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชซึ่งราษฎรชาวนครศรีธรรมราชล้วนยกย่องเทิดทูน ชะอวด ชื่อนี้มาจากคำว่าเชือกอวด หรือย่านอวด (ย่านหมายถึงเถาวัลย์)ย่านอวดเป็นชื่อเถาวัลย์ชนิดหนึ่งบริเวณนั้นคงมีพันธุ์เถาไม้นี้ชุกชุมชาวบ้านนิยมนำมาผูกมัดสิ่งของแทนเชือกหวาย เพราะ มีความเหนียวแน่นและคงทน ต่อมาคำว่าเชือกอวด เสียงหน้ากร่อนเป็นชะอวด ชะอวดจัดตั้งเป็นอำเภอ เมื่อ พ.ศ.2496 เชียรใหญ่ ชื่อนี้มาจากคำว่าต้นเคียนใหญ่หรือตะเคียนใหญ่ซึ่ออยู่ที่บ้านหม่อมรามตำบลบ้านกลางที่ภายหลังเป็นชื่อ “บ้านตะเคียนใหญ่” ที่บ้านหม่อมรามยังสันนิฐานกันว่าเป็นที่ตั้งเมืองพิเชียรเลยเรียกรวมกับบ้านตะเคียนใหญ่กลายเป็น”บ้านพิเชียรตะเคียนใหญ่” ต่อมาเรียกสั้นๆ ว่า “เชียรใหญ่” และเป็นชื่อกิ่งอำเภอเมื่อ พ.ศ.2480 และยกฐานะ เป็นอำเภอเมื่อ พ.ศ.2490 ถ้ำพรรณรา เป็นชื่อถ้ำในภูเขาลูกหนึ่ง สันนิษฐานว่ากร่อน เสียงมาจากถ้ำทองพรรณราย ซึ่งแปลว่าถ้ำมีทองคำ เป็นประกายแพรวพราวสวยงาม ถ้ำพรรณราเคยมี ฐานะเป็นตำบลหนึ่งในอำเภอฉวาง ต่อมาจัดตั้งเป็น กิ่งอำเภอเมื่อ พ.ศ.2533 และอำเภอเมื่อ พ.ศ.2538 ท่าศาลา เป็นอำเภอเก่าแก่ตั้งแต่ พ.ศ.2441 เดิมชื่อ อำเภอกลายเคยตั้งที่ว่าการอำเภอตรงชายทะเลคือปากน้ำท่าสูงที่วัดเตาหม้อและหมู่บ้านศาลาตามลำดับ ชื่อท่าศาลาเพราะริมคลองเล็กๆ สายหนึ่งซึ่งแยกจากคลองท่าสูง ชาวบ้านจึงได้สร้าง ศาลท่าน้ำสำหรับพักร้อนและเป็นที่จอดเรือ เลย เรียกที่ตรงนั้นว่าท่าศาลา หรือเรียกภาษาถิ่นใต้ว่า “ท่าหลา” ทุ่งสง เอกสารโบราณภาคใต้บางฉบับเขียนทุ่งสงเป็น ทุ่งสรง ทำนองเป็นทุ่งมีสระสำหรับอาบน้ำ โดย ทั่วไปเข้าใจว่าทุ่งสงมาจากทุ่งส่งของ (คำว่าส่งชาวใต้ออกเสียงเป็นสง) เพราะบริเวณนั้นมีคลองและ ท่าน้ำใช้เรือส่งสินค้าไปยังตัวเมืองนครศรีธรรมราช ด้านตะวันออก รวมทั้งหัวเมืองฝั่งตะวันตก เช่น ตรังและกระบี่ ฯลฯ ปัจจุบันทุ่งสงเป็นเมืองชุมทาง สำคัญแห่งหนึ่งของภาคใต้ ทุ่งสงยกฐานะเป็นอำเภอ ตั้งแต่ พ.ศ.2440 ทุ่งใหญ่ เดิมเป็นกิ่งอำเภอกุแหระขึ้นกับอำเภอทุ่งสง ต่อมาย้ายที่ว่าการอำเภอไปอยู่ที่ตำบลท่ายางจึงเป็นกิ่งอำเภอท่ายาง ภายหลังทางราชการ เห็นว่าชื่อไปพ้องกับอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี จึงเปลี่ยนเป็นกิ่งอำเภอทุ่งใหญ่เพราะพื้นที่เป็นท้อง ทุ่งกว้างใหญ่ และยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อ พ.ศ.2504 นาบอน ชื่อนี้ปรากฏในทำเนียบข้าราชการเมืองนคร ศรีธรรมราชสมัยรัชกาลที่ 2 แห่ง กรุงรัตนโกสินทร์ เรียกว่า “ที่นาบอน” ต่อมาที่นาบอนเป็นตำบลขึ้นกับอำเภอทุ่งสงทางราชการได้รวมพื้นที่ตำบล นาบอนแลตำบลทุ่งสงขึ้นเป็นกิ่งอำเภอและอำเภอ นาบอนตามลำดับ คำว่า “นาบอน” หมายถึงบริเวณที่นาเต็มไปด้วยต้นบอนซึ่งเห็นเด่นชัดของชาวบ้านที่มาตั้งถิ่นฐาน จึงเรียกท้องที่นั้นว่า “นาบอน” นาบอน จัดตั้งเป็นอำเภอเมื่อ พ.ศ.2524 บางขัน เดิมเป็นชื่อตำบลของอำเภอทุ่งสง พ.ศ.2527 มีการจัดตั้งกิ่งอำเภอบางขัน โดยการรวมตำบลบาง ขัน ตำบลลำนาว และตำบลวังหิน และยกฐานะขึ้น เป็นอำเภอบางขัน พ.ศ.2535 คำว่า “บางขัน” เป็นชื่อลำห้วยสายหนึ่งที่ไหลผ่านหมู่บ้าน และมีต้นขันขึ้นชุกชุมในบริเวณนั้น ปากพนัง บางท่านบอกว่าพนังเป็นชื่อแม่น้ำ คือแม่น้ำ พนัง ชุมชนที่ตั้งอยู่ที่ปากน้ำจึงเรียกว่า “ปากพนัง” หรือ “ปากน้ำพนัง” ชื่อนี้ใช้มาตั้งแต่เดิมจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ บางท่านบอกว่า ชุมชนท่าเรือแห่งนี้อยู่ที่ปาก แม่น้ำ มีแหลมตะลุมพุกเป็นพนังหรือเป็นที่กั้นน้ำ จึงชื่อว่าปากพนัง ปากพนังเดิมชื่ออำเภอ “เบี้ยซัด” ตั้งอยู่บน ฝั่งปากน้ำพนัง คำว่าเบี้ยซัด หมายถึงที่คลื่นซัดเอาเปลือกหอยหรือเบี้ยหอยจากท้างทะเลขึ้นสู่หาด เบี้ยหอยสมัยโบราณใช้เป็นเงินตราแลกเปลี่ยน ที่ฝั่ง เบี้ยซัดนี้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเก็บเบี้ยหอยส่งเมือง หลวงโดยมี “นายที่เบี้ยซัด” ถือศักดินา 800 เป็น หัวหน้าควบคุม ปัจจุบันมีผู้ใช้นามสกุล “วงศ์เบี้ย สัจจ์” คงมาจากกลุ่มผู้ตั้งรกรากเดิมที่ปากพนังและ เกี่ยวข้องกับเบี้ยซัดดังกล่าว อำเภอเบี้ยซัดรวมแขวงหรือหัวเมืองสี่แห่งเข้า ด้วยกันคือ เมืองพนัง เมืองพิเชียร ที่เบี้ยซัดและที่ตรงรวมตั้งชื่อเป็นอำเภอขึ้นเมื่อ พ ศ 2440 c]tเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอปากพนังเมื่อ พ.ศ.2445 เพื่อให้ ตรงกับชื่อที่ตั้งตัวอำเภอ อำเภอปากพะนังมีแหลมตะลุมพุก เคยโดนวาตภัยครั้งใหญ่ พ.ศ.2505 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,000 คน คำว่าตะลุมพุกเป็นชื่อปลาน้ำเค็มวางไข่ ในน้ำจืด ชาวบ้านเรียก “ปลาหลุมพุก” เนื่องจาก บริเวณแหลมแห่งนี้มีปลาตะลุมพุกชุม ชาวบ้านเลย เรียกว่า “แหลมชุมพุก” ต่อมากลายเป็นชื่อแหลม ตะลุมพุก อีกประการหนึ่งปลายแหลมมีลักษณะงอ งุ้ม คล้ายไม้ท่อนขนาดใหญ่ เรียกไม้ตะลุมพุก มักใช้ ตำข้าว จึงชื่อแหลมตะลุมพุก พรหมคีรี เกิดขึ้นจากการรวมท้องที่ 3 ตำบล ทางทิศตะวันตกของอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช คือ ตำบลพรหมโลก ตำบลอินคีรี และตำบลเกาะ โดยตั้งชื่อว่ากิ่งอำเภอพรหมคีรี เมื่อ พ.ศ.2517 และ เป็นอำเภอเมื่อ พ.ศ.2524 พรหมคีรีมาจากคำแรก ของชื่อตำบลพรหมโลก รวมกับคำสุดท้ายของชื่อ ตำบลอินคีรี พรหมคีรี หมายถึงภูเขาในแดนพรหม หรือภูเขาสูงจรดแดนพรหม พระพรหม เดิมมีฐานะเป็นตำบลทางใต้ของอำเภอเมืองชื่อนครศรีธรรมราช โดยการรวมตำบลนาพรุ ตำบลนา สาร ตำบลท้ายสำเภา และตำบลช้างซ้ายขึ้นเป็นกิ่ง อำเภอพระพรหม พ.ศ.2517 และเป็นอำเภอเมื่อ พ.ศ.2540 ชื่อพระพรหมเป็นชื่อวัดเก่าแก่มีอายุกว่า 500 ปี นี้มีโบราณวัตถุมากมายเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์ที่สำคัญคือเทวรูปพระพรหม ชาวบ้านมี ความภูมิใจถึงกับนำมาเป็นชื่อวัดและเป็นชื่ออำเภอ ดังกล่าว พิปูน เคยเป็นหัวเมืองใหญ่ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เรียกว่า “หัวเมืองพิปูน” ต่อมาเป็นตำบลในเขต การปกครองของอำเภอฉวาง จากนั้นรวมตำบล พิปูนและตำบลกะทูนเพื่อยกฐานะเป็นอำเภอพิปูน เมื่อ พ.ศ.2515 คำว่า พิปูน มาจาก ทุ่งปูน หรือ ที่ปูนหมายถึงทุ่งที่ทำปูนขาว โดยการนำหินปูนมาเผาให้สุกเมื่อเย็นลงก็ได้ปูนขาวมาใช้ในการก่อสร้าง ส่วนชื่อตำบลกะทูนเล่ากันว่าสมัยก่อน ชาวบ้านตำบลนี้นิยมทูนของบนศีรษะ ต่อมาเติมคำ ว่า กะ นำหน้า เมื่อ พ.ศ.2440 พระยาสุขุมนัยวินิต ข้าหลวงเทศาภิบาล มณฑลนครศรีธรรมราชออก คำสั่งไว้ในรายงานสำมะโนครัวราษฎรนครศรีธรรมราช คือห้ามชาวกะทูน ทูนของเข้าไปในบริเวณชุมชน เพราะบางคนทำให้พื้นถนนสกปรกจากสิ่งของตกหล่น ชาวกะทูนเลยเลิกหรือไม่นิยมทูนของมา ตั้งแต่บัดนั้น ร่อนพิบูลย์ เดิมมีฐานะเป็นหมู่บ้านชื่อ “บ้านร่อน”หมายถึงชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพร่อนเร่ สินแร่ สำคัญคือ ดีบุก วุลแฟรม และพลวง เป็นต้น ต่อมา ตั้งเป็นตำบลชื่อ “ที่ร่อน” และยกฐานะเป็นอำเภอ (พ.ศ.2447) ชื่อ “ร่อนพิบูลย์” หมายถึงท้องถิ่นมี การร่อนแร่ได้ผลอุดมสมบูรณ์ ลานสกา เกิดขึ้นจากการรวมตำบลลานสกา ตำบลขุน ทะเล ตำบลท่าดี และตำบลเขาแก้ว ตั้งขึ้น เป็น กิ่งอำเภอเขาแก้ว ต่อมามีการยุบตำบลเขาแก้วรวม กับตำบลลานสกา จากนั้นเปลี่ยนชื่อเป็นกิ่งอำเภอ ลานสกา เมื่อ พ.ศ.2454 และยกฐานะเป็นอำเภอ ลานสกาเมื่อ พ.ศ.2500 คำว่าลานสกา บางท่านบอกว่า หมายถึงลาน ที่มีฝูงกามารวมพวกกันเป็นประจำ และเล่าต่อไปถึง สมัยพระเจ้าศรีธรรมโศกราชมาสร้างเมืองที่หาดทรายแก้ว ช่วงนั้นเกิดโรคห่า ผู้คนอพยพมาตั้งเมือง ชั่วคราวในเขตลานสกา ซึ่งบริเวณใกล้เคียงกันนั้นมี ฝูงกาบินมากินศพที่เกิดจากโรคห่า เดิมเรียกที่ตรง นั้นว่า “ลานกา” แล้วเพี้ยนเสียงเป็น “ลานสกา” สิชล ตำนานนครศรีธรรมราชกล่าวถึงพระพนมวัง มาเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช พร้อมกับรับสั่งให้ หลานชายชื่อเชียงแสนออกถางป่าเป็นทุ่งนา และ เรียกว่า “นาตระชล” และ “นากลาง” เพื่อเป็นที่ สะสมเสบียงแก่กองทัพนครศรีธรรมราช ต่อมาทุ่งนา ดังกล่าวกลายเป็นชุมชนเรียกรวมกันว่า “ที่สิชล” จนกระทั่ง พ.ศ.2440 เปลี่ยนเป็นอำเภอสิชล บางท่านอธิบายว่า “สิชล” น่าจะมาจากคำว่า “ศรีชล” หมายถึงน้ำใสสะอาดเพราะเป็นน้ำมาจาก พื้นทราย และบางท่านอธิบายว่า “สิชล” น่าจะมา จาก “สุชน” หมายถึงคนดี หัวไทร เดิมมีฐานะเป็นตำบลชื่อ“ ที่เขาพังไกร ” ต่อมายกฐานะเป็นอำเภอเขาพังไกร ภายหลังย้ายที่ ว่าการอำเภอมาอยู่ที่ตำบลหัวไทร และเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอหัวไทร เมื่อ พ.ศ.2467 ต่อมาลดฐานะเป็น กิ่งอำเภอขึ้นกับอำเภอปากพนัง จนกระทั่ง พ.ศ. 2481 ได้ยกฐานะเป็นอำเภอมาจนทุกวันนี้ คำว่า “หัวไทร” หมายถึงบริเวณต้นน้ำ หรือ เหนือท่าน้ำมต้นไทรใหญ่เป็นที่หมายสำคัญ นบพิตำ เดิมเป็นชื่อหมู่บ้านและตำบลริมเทือกเขาหลวงหรือเทือกเขานครศรีธรรมราช ต่อมาได้รวมตำบลนพพิตำ ตำบล กรุงชิง ตำบลกะหรอ และ ตำบลนาเหรง ของเขตอำเภอท่าศาลา รวมเป็นกิ่ง อำเภอนบพิตำและจัดตั้งเป็นอำเภอเมื่อ พ.ศ.2538 คำว่านบพิตำ หมายถึงทำนบกั้นน้ำอยู่ในที่ ต่ำ บางท่านอธิบายคำนบพิตำ มาจากภาษาทมิฬว่า “ทำนบติรำ” คือทำนบ หมายถึงที่กั้นน้ำ ติรำหมาย ถึงฝั่งน้ำ ช้างกลาง เดิมเป็นตำบลของอำเภอฉวาง ต่อมาทาง ราชการเห็นว่าตำบลนี้อยู่ห่างไกลตัวอำเภอจึงรวม ตำบลช้างกลาง ตำบลหลักช้าง และตำบลสวนขันขึ้นเป็นกิ่งอำเภอช้างกลาง ใน พ.ศ.2539 คำว่าช้างกลางเป็นแหล่งเตรียมจัดช้างให้แก่ กองทัพยามศึกสงคราม ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กรม คือ กรมช้างกลาง กรมช้างขวา และกรมช้างซ้าย ที่ตั้ง ของกรมช้างกลางของนครศรีธรรมราชอยู่ที่บริเวณ กิ่งอำเภอช้างกลางนี่เอง ที่ตั้งกรมช้างขวาอยู่ที่บ้าน ช้างขวา อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และกรมช้างซ้ายอยู่ที่บ้านช้างซ้าย อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนจบชื่อบ้านนามเมืองของนครศรีธรรมราช ผู้เขียนขอยกตัวอย่างชื่อตำบลหรือหมู่บ้านในเขต อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ดังนี้ บ้านศาลามีชัย เป็นที่ตั้งศาลาสำหรับฉลอง ชัยชนะครั้งเจ้าพระยานคร (น้อย) ยกทัพไปรบกับ มุสลิมที่ไทรบุรี หรือรัฐเคดาห์ บ้านหัวอิฐ เคยเป็นที่ตั้งเตาเผาอิฐเพื่อสร้าง กำแพงเมืองนครศรีธรรมราชตรงบริเวณสะพาน นครน้อยปัจจุบัน บ้านหัวอิฐวันนี้เป็นตลาดกลาง ผลิตผลการเกษตรแห่งภาคใต้