24 กันยายน, 2568
วัดแจ้งวรวิหาร
วัดแจ้งรรวิหาร เป็นพระอารามหลวง ขั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งหที่ ๒๓ ถนนราชดำเป็น ตำบลท่าวัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช" สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นวัดโบราณมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๙ นับเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกของคณะมหานิกายเมืองนครศรีธรรมราช ดังประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๓ ตอนที่ ๑๐๒ ลงวันที่ ๑๗,มิถุนายน ๒๕๒๙
พื้นที่และอาณาเขต
วัดแจ้งวรวิหารมีเนื้อที่ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ ๙๘๓๓ เล่ม ๙๙ ๙ หน้า ๓๓ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ ๑๗ ไร่ ๕.๑๐ คารางวา มีกำแพงล้อมรอบบริเวณตูทางเข้าวัดมี ๒ ด้าน คือด้านทิศตะวันตก ซึ่งเป็นหน้าวัด และด้านทิศเหนือ มีอาณา
ทิศเหนือ ติดถนนพัฒนาการ - วิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช
ทิศตะวันออก ติดถนนพัฒนาการ
ทิศใต้ ติดวัดประดู่พัฒนาราม
ทิศตะวันตก ติดถนนราชดำเนิน (ทางหลวงแผ่นดินสายนครศรีธรรมราช - ท่าแพ)
วัดแจ้งวรวิหารมีเนื้อที่ตามโฉนดที่ดิน เลขที่ ๙๘๓๓ เล่ม ๙๙ ๙ หน้า ๓๓ อำเภอเมือง
นครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ประมาณ ๑๗ ไร่ ๕.๑๐ คารางวา มีกำแพงล้อมรอบบริเวณ
ตูทางเข้าวัดมี ๒ ด้าน คือด้านทิศตะวันตก ซึ่งเป็นหน้าวัด และด้านทิศเหนือ มีอาณา
ทิศเหนือ ติดถนนพัฒนาการ - วิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช
ทิศตะวันออก ติดถนนพัฒนาการ
ทิศใต้ ติดวัดประดู่พัฒนาราม
ทิศตะวันตก ติดถนนราชดำเนิน (ทางหลวงแผ่นดินสายนครศรีธรรมราช - ท่าแพ)
นามพระอาราม
พระอาทามแห่งนี้มีนานเรียกกันเป็น อย่างได้แก่ วัดแจ้งรรรวิหาร วัดแจ้ง พระอารามหลาง
และวัดแจ้ง
"วัดแจ้งวรวิหาร" เป็นชื่อที่วัดเรียก ปรากฏหลักฐานที่ซุ้มประตูทางเข้าวัดด้านถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นประตูทางเข้าหลักของวัด" รวมทั้งในเอกสารที่วัดจัดพิมพ์เผยแพร่ เช่น หนังสือที่ระลึกสิริอายุวัฒนมงคล ๘๔ ปี พระเทพปัญญาสุธี Lพร้อม โกวิโท) รองอธิการบดี มหหาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช แต่ในส่วนที่ ๑ มุทิตาพจน์ "เถรของพระธรรมวิมลโมลี เจ้าคณะภาค ๑๖ วัดไตรธรรมาราม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในหนังสือเล่มวเรียกนามพระอารามแห่งนี้ว่า "วัดแจ้ง พระอารามหลวง" เช่นเดียวกับในเอกสารทางราชการส่วนใหญ่ เช่น
ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ในวโรกาสพระลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๓๓ ความว่า "...พระราชวิสุทธิมุนี เป็นพระสุธี ศรีธรรมานุนายก ตรีปิฎกวิภษิต มหาคณิศสร บวรคามวาสี พระราชาคณะชั้นเทพ สถิต ณ วัดแจ้งอารามหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช..." รวมทั้งในใบแต่งตั้งสมณศักดิ์ ก็ใช้คำว่าพระอารามหลวง" เช่นเดียวกันหนังสือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต ๑ ที่ ศธ๐๔๐๖๙/๕๔๙๔ เรื่อง ขออนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบ ประเภทสามัญศึกษา ลงวันที่ ๖ พศษจิกายน ๒๕๕๘ ซึ่งในหนังสือฉบับดังกล่าว นมัสการมายังเจ้าอาวาสวัดแจ้ง พระอารามหลวง อีกทั้งยังยังถึง"หนังสือวัดแจ้ง พระอารามหลวง ที่ ๐๓๙/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๕๕๘" อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในประกาศนายทะเป็นภูนิธิ จังหวังหวัดหวีรรรรมราช เรียง จดทะเป็นแก้ไขข้อบังคับของ "มูลนิธิวิทยาลัยสงฆ์ภาคทักษิณ" ใช้คำว่า "วัดแจ้งวรวิหาร”
อนึ่ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราชมีวัดที่มีชื่อว่า วัดแจ้ง จำนวน ๓ วัด คือ วัดแจ้ง พระอารามหลวง ตำบลท่าวัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วัดแจ้ง ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และวัดแจ้ง ตำบลบ้านเพิ่ง อำเภอปากพนัง
ประวัติและความสำคัญของวัด
วัดแจ้งวรวิหาร เป็นวัดเก่า ทั้งอยู่บอกกำแพพเมืองกางห้านทิศทหนือของคลอของท่าวัง ปรมวัติ
ความเป็นมาในการสร้างวัดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด ในหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม ๕ ของ
กรมการศาสนา และหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม ๒๓ ของสำนักงานพระพุทธศาสนาระบุว่า
"..สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ราว พ.ศ. ๑๘๒๓ ตามประวัติที่เล่าสืบกับกับกัน
มาว่าสร้างพร้อม ๆ กับวัดประดู่พัฒนาราม โดยมีพระมหาเถรอนุรุทธและคณะ
ซึ่งย้ายมาจากเมืองคโสทร หรือจังหวัดยโสธรในปัจจุบัน มาดำเนินการให้วัด
มีความเจริญรุ่งเรืองมาตามลำดับ...."
ต่อมาเมื่อมีการจัดพิมพ์ในหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม ๒๓ ของสำนักงานพระพุทธ
ศาสนาแห่งชาติ ได้ระบุปีสร้างวัดแจ้งอย่างแน่ชัด พร้อมทั้งได้เพิ่มเติมข้อมูลการได้รับพระราชทาน
วิสุงคามสีมา ความว่า
“...ตั้งเมื่อพศ ๑๘๖๓...............นวิสุหามสีมาเมื่อ พ.ศ.๑๘๒๕
เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร..."
นอกจากนี้ ข้อความในซุ้มประตูทางทิศตะวันตกทางเข้าวัดด้านนอกระบุนามวัดว่า "วัดแจ้งวรวิหาร" ส่วนด้านในระบุข้อความว่า "สร้าง พ.ศ. ๓๘๒๓"
ผู้เขียนได้ตรวจสอบเอกสารชั้นต้นที่กล่าวถึงประวัติการก่อสร้างวัดแจ้งแต่ยังไม่พบหลักฐาน
โดยตรง พบแต่ข้อความตอนหนึ่งในตำนานพระธาตุนครศรีธรรมราช ซึ่งผู้เขียนสันนิษฐานว่า อาจจะ
เป็นที่มาของประวัติวัดแจ้งในหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรเล่ม ๕ ความว่า
"..เมื่อศักราช ๑๒๐๐ ปีพระญาจันทภานุเปนเจ้าเมือง พระญาพงษา
สุราเปนพระญาจันทภานุเปนเจ้าเมือง พระญาพงษาสุราเปนพระญาจันทภานุ
ตั้งฝ่ายทักษิณพระมหาธาตุเปนเมืองพระเวียง อยู่มาท้าวศรีธรรรมโศกถึงแก่กรรม
พระยาจันทรภานุผู้น้องเป็นเจ้าเมือง.......
...พระมหาเถรอนุรุทธ์ รื้อญาติโยมมาแต่ยศโสทร สร้างวัดประดู่..""
ศักราช ๑๒๐๐ ในตำนานพระธาตุนครศรีธรรมราช ดังกล่าวนี้ ถ้าเป็นมหาศักราช ตรงกับ
พุทธศักราช ๑๘๒๑ ซึ่งในเนื้อความของตำนานที่กล่าวถึง "พระมหาเถรอนุรุทธ์ รือญาติโยมมาแต่
ยศโสทร สร้างวัดประดู่" ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศักราชในข้างต้น เป็นเพียงแต่เรื่องรวที่อยู่ต่อเนื่องกัน
เท่านั้น ซึ่งสันนิษฐานว่า ผู้เขียนประวัติการสร้างวัดแจ้งบุคคลแรก อาจจะนำเรื่องราวในตำนานพระธาตุ
นครศรีธรรมราชข้างต้นมาใช้ แต่เข้าใจคลวดเคลื่อน จึงระบุว่า วัดแจ้งสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๓ โดย
พระมหาอนุรุทธ์ จากเมือง"ยศโสทร" จังหวัดยโสธรในปัจจุบัน ซึ่งความจริงแล้ว "ยศโสทร" ในตำนาน
พระธาตุนครศรีธรรมราชนั้น หมายถึง เมืองเขมร
อย่างไรก็ดี เป็นที่น่าสังเกตว่า ประวัติวัดประดู่พัฒนาราม ซึ่งอยู่ติดกับวัดแจ้ง ในหนังสือ
ประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม ๒๓ กลับระบุแต่เพียงสั้น ๆ ว่า ".ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๑๕๕ ได้รับพระราชทาน
วิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๑๘๒๐..." ซึ่งยังยังจสอบที่มาของศักราชดังกล่าวไม่พบเช่นเดียวกัน
ประวัติวัดแจ้งวรวิหารเท่าที่สามารถสืบค้นได้เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับตระกูล ณ นคร
ดังปรากฏ ในพงศาวดารเมืองนครศรีธรรมราช ของหลวงอนุสรสิทธิกรรม (บัว ณ นคร) ความว่า
"..คุณซุ่มได้เป็นกรรยาเจ้าพัฒน์ เจ้าพัฒน์นี้เป็นบุตรปลัด มีพี่สาวคน
๑ ชื่อคุณซี คุณฑ์ไม่มีสามี มารดานั้นเรียกว่า คุณหญิง ๆ สร้างวัดประคู่ คุณชี
สร้างวัดแจ้ง ที่อยู่ตำบลท่าวังเดี๋ยวนี้... "
อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าว่า บริเวณที่สร้างวัดเป็นที่ตั้งบ้านเรือนของเจ้าพระยานครศรีธรรมราช
มาแต่เดิม ภายหลังเมื่อได้ย้ายไปตั้งบ้านเมืองในเขตกำแพงเมือง จึงยกที่ดินให้เป็นที่สร้างวัดเหมือนกับ
ที่เจ้าพระยานครศรีธรรมราช (พัฒน์) ยกวังให้เป็นที่สร้างวัดท่าโพธิ์ (ใหม่) "
ส่วนในหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักรเล่ม ๕ กล่าวว่า ครั้นถึง พ.ศ. ๒๙๓๐ วัดแจ้งได้
ทรุดโทรมลงเพราะชาดการบำรุง คุณชีซึ่งเป็นพี่สาวของเจ้าพระยานครพัฒน์ เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช
จึงได้ปฏิสังชรณ์วัดแจ้ง และคุณหญิงมารดาของเจ้าพระยานครพัฒน์ ได้ปฏิสังชรณ์วัดประดู่พัฒนาราม
จึงกล่าวได้ว่า วัดแจ้งและวัดประคู่นั้นเป็นวัดแม่วัดลูกกัน ทั้งยังถือว่าเป็นวัดสำหรับวงศ์ตระกูล ณ นคร
ได้บำรุงเป็นอย่างดีตลอดมา" เช่น ในสมัยรัชกาลที่ ๒ เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (พัฒน์) ได้ปฏิสังขรขรณ์
วัดแจ้ง และวัดประดู่ " และที่วัดแจ้งนี้ ยังเป็นที่เก็บอัฐิของสายตระกูล ณ นคร นับตั้งแต่อัฐิของ
พระเจ้าขัดติยราชนิคม สมมติมไหสวรรย์ พระเจ้านครศรีธรรมราช (หนู) และหม่อมทองเหนี่ยว รวมทั้ง
สายตระกูล ณ นครในสมัยต่อมา อีกด้วย
ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ วัดแจ้งเป็นวัดสำคัญรองจากวัดพระบรมธาตุ (พระมหาธาตุ)
มัยนั้นวัดพระบรมธๆๆเป็นเขตพุทธาวาส ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา โดยมีพระครูกาเป็
พระธาตุทั้ง ๔ ทิศ ได้แก่ พระครูกาเดิมด้านทิศเหนือ พระครูกาแก้วด้านทิศตะวันออก พระครูการามด้าน
ทิศใต้ และพระครูกาชาดด้านทิศตะวันตก ส่วนวัดท่าโพธิ์ก็ยังไม่มีบทบาทความสำคัญเหมือนเช่นทุกวันนี้
วัดแจ้งจึงเป็นวัดที่มีบทบาทสำคัญในสังคมเมืองนครศรีธรรมราชในช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๙ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน "วัดแจ้ง อำเภอเมือง
ตำบลท่าวัง" เป็นโบราณสถานสำหรับชาติ แต่มีได้กำหนดขอบเขตที่ดินโบราณสถาน " ต่อมาใน พ.ศ.ศ.
๒๕๔๗ จึงได้ประกาศพื้นที่โบราณสถานประมาณ ๑ งาน ๕๕ ตารางวา โบราณสถาน คือ เก๋งจีน"
โบราณสถาน สถานที่ และสิ่งสำคัญภายในวัด
เมื่อครั้งพระเทพปัญญาสุธี (พร้อม โกวิโท) มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแจ้ง วัดอยู่ในสภาพ
ชำรุดทรุดโทรม อาคารสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในวัดในปัจจุบันส่วนใหญ่ก่อสร้างขึ้นใหม่ มีเพียงแต่เก๋ง
จีนเท่านั้นที่สร้างมาตั้งแต่ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ส่วนพระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิเจ้าอาวาส
หอกลองและหอระฆัง สร้างขึ้นในช่วงที่พระเทพปัญญาสุธี (พร้อม โกวิโท) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส
ดังมีรายละเอียดดังนี้
เก๋งจีน เก๋งจีนเป็นอาคารก่ออิฐอีกปูนมุงกระเบื้อง หันหน้าไปทางทิด้ หน้าต่างหรือ
ช่องระบายอากาศเป็นรูปวงกลม ภายในวงกลมทำเป็นซี่กรง ประตูทางเข้าเป็นเครื่องไม้แกะลายฉลุ
เป็นลายจีนส่งมาจากเมืองจีน ด้านหน้าเก๋งมีซุ้มลายปูนปั้น ๒ ซุ้ม
ภายในเก๋งจีนมี "บัว"" ลักษณะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ๒ องค์ โดยบัวองค์ตะวันออกเป็นที่บรรจุอัฐิของพระเจ้าขัตติยราชนิคม สมมติมไหสวรรย์ พระเจ้านครศรีธรรมราช (หนู) และบัวองค์ตะวันตกบรรจุอัฐิหม่อมทองเหนี่ยว ชายาเจ้าพระยานครศรีธรรมราช (หนู) ซึ่งบัวบรรจุอัฐิฐินี้สร้างโดยเจ้าพระยานครพัฒน์ บุตรเขย และคุณหญิงชุ่ม บุตรี ดังปรากฏในพงศาวดารเมืองนครศรีธรรมราชของหลวงอนุสรสิทธิกรรม (บัว ณ นคร) ความว่า
"...เจ้านครก็ถึงอนิจกรรมที่กรุงเทพฯ เจ้าพระยานครพัฒน์ กับ
 	คุณหญิงชุ่มได้เก็บอัฐิเจ้านครกับอัฐิหม่อมทองเหนี่ยวมาก่อเจดีย์ทำดีย์กบรรงให้
วัดแจ้งเมืองนคร..." **
บัวทั้งสององค์นี้ เป็นบัวที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ลักษณะบัว เป็นฐาน ๓ ชั้น
ย่อมุมไม้สิบสอง สูงประมาณ ๒ เมตรเศษ บัวก่ออิฐถือปูน โดยใช้ปูนขาวผสมน้ำอ้อย เรียกว่า ปูนเพชร
ตกแต่งผิวนอกปูนฉาบด้วยลายปูนปั้นเป็นรูปกระจัง ติดกระจกสี การปิดทองลาย ปิดลงบนเนื้อปูน ไม่ได้
ลงรักก่อน จึงไม่ค่อยคงทนเท่าที่ควร พื้นทาสีแดงชาด ส่วนยอดเป็นรูปดอกบัวตูมมีก้านดอก สีแดงกลีบ
ดอกบัวปิดทองและประดับกระจกสี เพื่อให้เป็นที่สังเกตระหว่างบัวบรรจุฐิของผู้ชายกับบัวบรรจุอัติ
ง โดยบัวบรรจุอัฐิของผู้ชายทำเป็นเจดีย์ทรงระฆังย่อมุมไม้สิบสอง เครื่องยอดเป็นบัวกลุ่มเถาและเครื่องยอดส่วนบัวบรรจุอัฐิผู้หญิงยอดทำเป็นรูปดอกบัว
	ต่อมาใน พ.ศ. ๒๕๑๕ กฎมศิลปากรได้จัดงบประมาณ ๗๐,๐๐๐.- บาท ให้แก่หน่วยศิลปากรที่
นครศรีธรรมราช เพื่อบูรณะโบราณสถาน เก๋งจีนวัดแจ้ง ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนศรศรีธรธรรมราช
หวัดนครศรีธรรมราช แล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๑๖
อนึ่ง ในบริเวณเก๋งจีน เป็นที่ตั้งของเจดีย์บรรจุอัฐิของสายตระกูลที่มีความเกี่ยวข้องกับ
วัดแจ้ง เช่น ตระกูล ณ นคร ตระกูลภู่รัตนโอภาและสายสัมพันธ์ ตระกูลปานเผาะและสายสัมพันธ์ ตระกูล
ธนาวุฒิและสายสัมพันธ์ ตระกูลนิชานนท์ ตระกูลเลาหวณิช เป็นต้น
พระอุโบสถ ตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกเลือเหนือของวัด สร้างเมื่อ พ.640
เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๖ ห้อง มีกำแพงแก้วล้อมรอบ หันหน้าไปทางทิศตะวันตก มีหน้าต่าง
ด้านช้างด้านละ ๖ บาน โดยด้านในปิดกระจก ส่วนด้านนอกเป็นเหล็กดัดรูปจักร ซุ้มหน้าต่างเป็นซุ้ม
รูปมงกุฎ พระเทพปัญญาสุธี (พร้อม โกวิโท) ให้ข้อมูลว่า พระอุโบสถหลังใหม่นี้สร้างบนพระอุโบสถ
หลังเก่าซึ่งเป็นมหาอุด
หลังคาพระอุโบสผงเป็นหลังคาช้อน ๒ ขั้น มุงกระเบื้องสีต้ม ประดับต่อพัา ใบระกา และ
หางหงส์ หน้าบันพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย ประดับด้วยลายก้านขด ถัดลงมา
ทำเป็นปูนปั้นนูนสูงรูปเทวดาเหาะ ๒ องค์ มือข้างหนึ่งถือดอกบัว จากนั้นลงมาจึงทำเป็นบัวหัวเสา
และเป็นผนังอาคารแบ่งออกเป็น ๓ ช่อง โดย ๒ ช่องด้านข้างเป็นประตูทางเข้าพระอุโบสถ ส่วน
ช่องกลางมีขนาดใหญ่กว่าช่องประตูทางเข้า ๒ เท่า ซุ้มประตูทางเข้าพระอุโบสเป็นรูปราหูอมจันทร์
บริเวณช่องกลางเจาะช่องเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปลีลา อยู่ภายได้ซุ้มรูปมงกุฎ ถัดออกไปทางด้าน
ทั้งสองของซุ้มพระพุทธรูปลีลา เป็นประตูทางเข้าพระอุโบสถ ซึ่งมี ๒ ประตู พระอุโบสถมีประตูทางเข้า
เฉพาะต้านหน้า ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระอุโบสถ ลักษณะเป็นประตูด้านข้าง ๒ ประตู ส่วนด้วนด้าน
หลังของพระอุโบสถไม่มีประตู แต่ไม่ได้ก่อเป็นผนังทึบ โดยทำเป็นช่องหน้าต่างเหล็กตัดเป็นรูปเทพนม
๒ ช่อง ซึ่งอยู่ด้านหลังพระประธาน
ใบเสมา  ตั้งอยู่บนฐานบัว ถัดขึ้นไปทำเป็นรูปดอกบัวบาน  ใบเสมา เป็นเสมาคู่  ประดิษฐานอยู่ภายในดอกบัว
ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธสิหิงค์เป็นพระประธาน ประดิษฐานอยู่ภายใต้ฉัตร ๓ ชั้น
ส่วนผนังหุ้มกลอง ด้านตรงข้ามพระประธานทำเป็นแจกันครึ่งใบขนาดใหญ่ภายในมีดอกบัว ๙ ดอก
มีข้อความผู้สร้างว่า "ขออุทิศส่วนบุญให้ ภ.ญ..ภัทรพร ตันตยาภรณ์ จาก สุวีนย์ ตันตยาภรณ์, ญาติพี่น้อง
๖ สิงหาคม ๒๕๑๗ " ซึ่ง พ.ศ. ๒๕๕๑๗ ในจารึกนี้ เป็นปีที่ ภ.ญ. ภัทรพร ตันตยาภรณ์ เสียชีวิต ไม่ใช่
ปีสร้างแจกัน ส่วนบนเพดานทำเป็นดาวเพดานดวงใหญ่ล้อมรอบด้วยดวงเล็ก ๘ ดวง
ศาลาการเปรียญ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกเอียงได้ของวัด เป็นอาทอนกร็ตเสร็มเหล็ก
6 ชั้น หันหน้าไปทางทิศเหนือ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๑ โดยพันตรี จวง ปานจินดา เพื่ออุทิศให้บุตรชาย
ชื่อนายจุมพล ซึ่งสือชีวิตจากตุบัติเหตุก่อนที่จะอุประอุประยทั้งชื่อศากาการาปยบา"
หลังคาทรงไทยประยุกต์ มีบันไดทางขึ้น ๒ ข้าง จากด้านนอกบริเวณด้านหน้าอาคาร โดยทำเป็นมุข
ยื่นออกมาตรงกลางของศาลา ชั้นล่างใช้สวดมนด์ และทำบุญญในวันพระ
หอฉัน เป็นศาลาอเนกประสงค์ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงได้ขอะวัด เป็นอาคาร
มเหล็ก ๒ ชั้น หันหน้าไปทางทิศตะวันตก สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๓ หลังควทรงไทยบ
ฟ้า ใบระกา และหางหงส์ มีบันไดทางขึ้นจากด้านนอกอาคารบริเวณด้านหน้าทั้ง ๒ ด้าน
กุฏิหั้ว อุดมพันธ์ บ.ม. ตั้งอยู่ติดกับพอฉัน เป็นอาคอนกรีดเทิมเหล็ก ๒ ชั้น ทันหน้า
ทางทิศตะวันตก หลังคาทรงไทยประยุกต์ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๖๙ เคยใช้เป็นสำนักงานเจ้าคณะภาค
กุฏิเจ้าธาวาส ตั้งอยู่ในแนวเดียวกับทอฉัน เป็นอาคาหอนกร็มเหล็ก ๒ ชั้น ทันหน้า
ทางทิศตะวันตก หลังคาทรงไทยประยุกต์ มีเฉลียงล้อมรอบ สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๓
กุฏศรีธีรพงศ์ ตั้งอยู่ด้านหลังโรเรียนสามัญวัดแจ้ง คิดกันกันพงท้วนหนือของวัด เป็นอาคาคาร
คอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น หันหน้าไปทางทิศตะวันออก สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยพระครูสิริรัตน
วราภรณ์ (พิษณุ ป.ธ. ๔, น.ธ. เอก, พธ.บ.)
ศาลาพระครูสิริรัตนวราภรณ์ (พิษณุ ป.ธ. ๔ , น.ธ. เอก, พธ.บ.) ตั้งอยู่ด้านหลังโรงเรียน
สามัญวัดแจ้ง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กชั้นเดียว สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๕๕ หันหน้าไปทางทิศ
ตะวันออก อยู่ด้านหลังมหาวิทยาลัยสงฆ์ภาคทักษิณ ข้างในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย
ที่หน้าบันเป็นรูปพระพรหม ใต้รูปพระพรหมเป็นชื่อ "ศาลาพระครูสิริรัตนวราภรณ์ (พิษณุ ป.ธ. ๔,
น.ธ. เอก, พธ.บ.) สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๕"
หอระฆัง อยู่ในกลุ่มเจดีย์ที่บรรจุฐี สร้างเมื่อ พ.ศ.ศ. ๒๙๗ เป็นอาคาร ชั้น ชั้นล่าง
แรวนกระดึงสำรัด ส่วนชั้นขนมชานกรหลัง มีอันโดเหล็กใช้สำหรับขึ้นลงลากขึ้นล่างขึ้นชั้นมีชัดทาย
"สกุลอรรถวิภาคย์โพศาล อุทิศให้กูเมือง ย่าหุ่น พ่อแจ้ง แม่เจิ้ม เมษายน ๒๕๑๗
อนุสาวรีย์พระราชธรรมเวที (เรือง วุตฺฌิมาณแตร) ตั้งอยู่ด้านหน้าหยรรนัง เป็นผู้ก่ดตั้ง
วิทยาลัยสงฆ์ภาคทักษิณ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาศม พ.ศ.ศ. ๒๕๑๓
ซุ้มประตูหน้าวัด ด้านบนซุ้มทำเป็นทรงไทยประยุกต์ ประกอบด้วยช่อฟ้า ใบระกา และ
หางหงส์ ภายในช้มด้านหน้า ด้านบนเป็นรูปธรรมจักร และด้านล่างมีข้อความว่า "วัดแจ้งวรวิหาร"
ส่วนหน้าบันด้านในมีข้อความ "สร้าง พ.ศ. ๑๘๒๓"
ซุ้มประตูทางด้านทิศเหนือ ชื่อประตูพระวิษณุ ภายในซุ้มประตูทำเป็นรูปราหูอมจันทร์
ถัดลงมามีข้อความ "ประตูวิษณุ" และถัดลงมามีข้อความว่า "วัดแจ้ง" บรรทัดล่างต่อมา ระบุชื่อผู้ออก
ทุนทรัพย์ในการก่อสร้างคือ "นายบู้ชุ-นางสมทรง สร้าง พ.ศ. ๒๕๓๐" (ด้านนอก)
	นอกจากนี้ กายในบริเวนวัด ยังฎีของพระภิกษุสงษสงฆ์ สมแยกจำนวนหนึ่ง ซึ่งคนึ่ง ซึ่งคย์รังเ
มื่อครั้งเป็นที่ตั้งวิทยาลัยสงฆ์ภาคทักษิณ ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ยังตั้งอยู่ที่วัดแจ้งวรวิหาร ต่อมาเมื่อมหาวิทยาลัยสงฆ์ๆ ได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่
หมู่ที่ ๕ ตำบลมะม่วงสองต้น อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อาคารเหล่านี้ส่วนหนึ่งจึงไม่ได้ใช้งาน อยู่ใน
สภาพชำรุดทรุดโทรม ได้แก่แก่ อาคารติดแนวกำแพงวัดด้วนทิศตะวันออก ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังกุฏิเจ้าอาวาส
ลำดับเจ้าอาวาส
เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอาวาสวัดแจ้งวรวิหาร พระอารามหลวง ได้จากคำสัมภาษณ์
จากพระเทพปัญญาสุธี (พร้อม โกวิโท) ทราบแค่เพียงว่า ก่อน พ.ศ.๒๕๐๐๐ มีพ่อท่านคล้าย เป็นเจ้าอาวาส
ซึ่งท่านมีความรู้เรื่องยารักษาโรค หลังจากนั้นจึงเป็นเป็นพ่อท่านมุย และพ่อท่านวัน หรือพระสมุห์วัน
ภายหลังได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดอื่น วัดแจ้งจึงไม่มีเจ้าอาวาส จนกระทั่งใน พ.ศ. ๒๕๒๓ พระมหวพร้อม
โกวิโท จึงได้มาจำพรรษาที่วัดแจ้ง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดแจ้ง ต่อมาได้รับ
การแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสในปีเดียวกัน และได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแจ้งจงจนถึงปัจจุบัน
ประวัติเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
พระเทพปัญญางปี นามเติม พร้อม แก้อง เกิดเมื่อวันจันท์ที่ ๔ ขึ้น ๔ ค่ำเดือน ๗ ปิ
มะมีย ครรกับวันที่ ๖๖๕ พฤษภาคน พเศ. ๒และ อน บ้านเศรที่ บ้านควรนครับ หมู่ที่ ๔ ๙เศฤทธิ์ที่ง
อักเภรชะอาด จังหวัคนครที่ธรรรมราร โฮมบิดาชื่อ สิน แก้วทอง โยมมาชื่อ เล่น มกัน มห็น
เศษช่วย อาชีพทำนา มีพี่น้อง ๘ คน ท่านเป็นคนที่ ๕
บรรพชาและอุปสมบท
บรรพราเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พบศ. ๒๕๘๒๐ พระครูสุทิศรรรรรสสรขาบ สุริคโค) เจ็คนะ
ตำบลบ้านเนิน อำนภอเชื่อใหญ่ จังหวัดนควศรีรรรราธ เป็นพระไามาย์ บรรพระที่วัหายเ
(ควนยาว) สมัยนั้นพระครูสุวรณธรรมรังสี อดีตเจ้าคณะอำเภอชะอวด เป็นเจ้าอาวาส หลังจากนั้น
เดินทางกลับไปเรียนภาษาบาลีที่วัดดูหาฮวรรค์ อำเภอเมืองทัพลุง จังหวัดทัทลุง
เมื่ออายุ ๒๓ ปี ครบอุปอุปลบท ตามเมาพร้อม แก้วทอง กลับจากพัทรูปอุปอุปชมบท ผ
วัดควนยาว วัดเดิมที่บรรพชา เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๔๔๔๕ โดยมี พระศรีธรรมราชมุนี (หมุ่น อิสสโร)
อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช และอดีตเจ้าอาวาสวัดหน้าพระบรมธาตุ เป็นพระอุปัชฌาย์ และ
พระมหาผล จนทโชโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ มีฉายาว่า "โกวิโท" หมายถึง ผู้ฉลาด หรือ ผู้มีความรู้
วิทยฐานะ
หลังจากเด็กขายพร้อม แก้วทอง จบการศึกษาระดับดับประโรคประระรมแล้ว พรรมหางางเจนท.จโล
ได้จักชวนไปเรียนการพระาดีที่วัดดูหาสารรค์ จับหรัศทัศทัทลุง พลลองเรียนภาษาษาเวษาบาฏิเวลมาา
๓ เดือน เป็นที่พอใจของคนเองและครูอาจารย์จึงได้ตัดสินใจบรรพชาเป็นสามเณรที่บ้านเกิด และได้
ศึกษาตามลำดับดังนี้
พ.ศ. ๒๔๙๐ สอบได้นักธรรมชั้นตรี
พ.ศ. ๒๔๙๑ สอบได้นักธรรมชั้นโท
พ.ศ.๒๔๙๒ สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยค (ป.ธ.๓)
พ.ศ. ๒๔๙๓ สอบได้นักธรรมชั้นเอก
สอบได้เปรียญธรรม ๔ ประโยค (ป.ธ. ๔)
พ.ศ.๖๔๙๔ สอบได้เปรียฎธรรรม ๕ ประโยค (ป.5. ๕)(ขนะเป็นสามเสามแนว)
พ.ศ. ๒๔๙๕ สอบได้เปรียญธรรม ๖ประโยค (ป.ธ. ๖) สำนักเรียนวัดดูหาสวรรรค์ จังหวัดพัทลุง
พ.ศ.๒๔๙๖ สอบได้เปรียญธรรม ๗ ประโยค (ป.ธ. ๗) สำนักเรียนวัดประยุรวงศาวาส
พ.ศ.๒๔๙๗ สอบได้เปรียญธรรม ๘ ประโยค (ป.ธ. ๘) สำนักเรียนวัดประยุรวงศาวาส
พ.ศ.๒๕๐๐ สอบได้มั้ธยมศึกษาตอนปลาย (ม. ๘)
พ.ศ.๒๕๐๒ สอบได้ประกาศนียบัตรประโยคครูพิเศษมูล(พ)
พ.ศ. ๒๕๐๓ สอบได้ประกาศนียบัตรประโยคครูพิเศษประถม (พ.ป.)
พ.ศ. ๒๕๐๕ จบปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) มหาจุหารุหารนรารราราชายาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์
พ.ศ. ๒๕๐๗ สอบได้ประกาศนียบัตรประโยครูพิเศษมัธยม (พ.ม.)"
พ.ศ. ๒๕๑๑ สำเร็จกาศกษาษาเริญญาศิลปศารมหาบัณฑิต (Waster of of Ats)
สาชา ศาสนาและปรัชญาอินเตีย (Indan Philosophy & Religion)
มหาวิทยาลัยบาณารัส ฮินดู (BANARAS HINDU UNIVERSITY)
เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย
ผลงานสำคัญ
นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๓๓ เป็นต้นเมา เมื่อพระเทพปัญญาตุปี (พร้อม โกวีไห) ให้มาจำพรรษา พรรษา เเเเ
วัดแจ้ง และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส จากวัดที่เคยรกร้าง วัดแจ้งได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
นับตั้งแต่การปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ภายในวัด และก่อสร้างอาคารเสนาสนะต่างๆ พัฒนาการศึกษาของสงฆ์
ฐานเป็นไทยาเขตขอมหาทิทยาเขมเหาอหกรมราช้าข้าภัย ค่อมาใช้ใช้ที่ต้องไปยังเป็นมาลให้เ
ปัจจุบัน แต่วัดแจ้งก็ยังคงมีบทบาทสำคัญในด้านการศึกษา โดยเป็นผู้ใด้รับอนุญาตให้จัดตั้ง
การกุศลของวัด คือโรงเรียนสามัญศึกษาวัดแจ้ง ผลงานของพระเทพปัญญาสุธี (พร้อม โกวีโท) แบ่ง
ออกได้ดังนี้
งานการปกครอง
พ.ศ.๒๕๕๑๒ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กรุงเทหมหานคร
พ.ศ. ๒๕๑๓ เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแจ้ง
อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
๒๕๑๓ เป็นเจ้าอาวาสวัดแจ้งอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศ
พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. ๒๕๑๖ เป็นรองเจ้าคณะภาค ๑๖
พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นพระอุปัชฌาย์
พ.ศ. ๒๕๒๙ เป็นเจ้าอาวาสวัดแจ้ง พระอารามหลวง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
จังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. ๒๕๓๐ - ๒๕๓๓ เป็นเจ้าคณะภาค ๑๖
งานการศึกษา
พ.ศ.๒๔๔๙๓ เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม วัดราษฎร์บำรุง อำเภอระโนด จังหวัดสงชลา
พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็นครูสอนในสำนักคูหาสวรรค์ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัดพัทลุง
พ.ศ.๒๔๔๙๖ ครูสอนพระปริย์ติธรรม วัดประธุรวงศาวาส กรุงเทพมหามคร
เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมสนามหลวง และประโยคบาลีสนามหลวง
พ.ศ. ๒๕๐๑ เป็นกรรมการจัดตั้ง สอน-อบรมศีลรรม โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (แห่งแรกในประเทศไทย)
พ.ศ. ๒๕๐๒ เป็นอาจารย์ใหญ่สำนักเรียน วัดประยุรวงศาวาส กรุงเทพมหานคร
๒๕๐๓ เป็นกรรมการอบรมศีลธรรมแก่เด็กและเยาวชน กองจริยศึกษา กรมการ
กระทรวงศึกษาธิการ
ฟศ.๒๕๐๔ เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลการณราชวิทยาสัย
พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นกรรมการ และสอนบาลีภาศพิเศษสำหรับประชาชน มหาวิทยาลัย
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นกรรมการหน่วยวิจัยทางพระพุทธศาสนา กรมการศาสนา
กระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ. ๒๕๑๐ เป็นพระธรรมทูตสายที่ ๘ เป็นวิทยากร มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พ.ศ ๒๕๑๑ เป็นหัวหน้ากองเผยแผ่ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พ.ศ. ๒๕๑๓ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตศึกษาวิทยาลัยสงฆ์ภาคทักษิณ อำเภอเมือง
      นครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ.๒๕๑๓ เป็นครูสอนโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดหน้าพระบรมธาตุ อำเภอเมือง
นครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช
ผลงานด้านการศึกษาของพระทพปัญญาสุรี (พร้อม โกวีโทวีโท) เป็นที่ประจักษ์ชัดของสังคม
พระคุณเจ้าได้รับรางวัลต่างๆ เป็นจำนวนมาก เช่น กระหรวงศึกษาธิการถวายเกียรติบัตรใน
ที่เป็นครู่ใหญ่โรงเรียนผู้ใหญ่(ภิกษุสามเณร) ที่จัดการได้ดีเด่น  ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๕ สมเด็จพระสังฆราช
มอบประกาศนียบัตรยกย่องในฐานะเจ้าสำนักเรียนคณะจังหวัดนครศรีธรรมราชว่าเป็นสำนักเรียน
ตัวอย่าง ตั้งแต่วันที่ ๒ กรกฎกคน พบศ. จะtยะ กอรทุนครระทันขนขนมอบโสงทรงาวสันทรที่นาน่างาง
ผู้อำนวยการโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เมื่อวันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๗
ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
หลังจากการฝึกเทศน์จากสำนักวัตประยุรวงศาวาส และสภาธรรมกถึก วัดห
วิมลมังคลารามพอสมควรแล้ว พระเทพปัญญาสุธี (พร้อม โกวิโท)ได้แสดงธรรมแก่พุทธบริษัท ข้าราชการ
นักเรียน นิสิตและนักศึกษาโดยลำดับ โดยเฉพาะชาวนครศรีธรรมราชและพุทธศาสนิกชนทั่วไปศรัทธา
เชื่อถือในธรรมกถาของพระเดขพระคุณกันทั่วถ้วนในเทศกาลและวันสำคัญๆ พระเดชพระคุณจะได้รับ
อาราธนาให้บรรยายธรรมทางวิทยุและโทรทัศน์เป็นประจำในตำแหน่งหัวหน้าสถานศึกษาของของสงฆ์
ท่านเจ้าคุณพระเทพปัญญาสุธี (พร้อม โกวิโท) มีโครงการให้นิสิตและนักเรียนออกแสดงธรรมทุกวัด
ในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยพระคุณเจ้าเป็นประธานโครงการ
นอกจากนี้ เกือบทุกปักษ์ของแต่ละเดือนคณะสงฆ์และทางราชการอาราธนาให้พระเทพ
ปัญญาสุธี (พร้อม โกวิโท)ไปบรรยายให้พระสงฆ์ ข้าราชการและพ่อค้าประชาชนรับฟังอยู่เป็นประจำ
งานด้านสาธารณูปการ
สภาพวัดแจ้งวรวิหารในช่วงที่พระเทพปัญญาสุธี (พร้อมโกวิโท) ได้รับการแต่งตั้งให้รัก
เจ้าอาวาสอยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม อยู่ในสภาพเกือบรกร้าง อาคารเสนาสนะภายในวัดที่เห็นอยู่ใน
ปัจจุบันแข็นเป็นของใหม่ทั้งหมด นับตั้งแต่พระอโบสถ ศาลาการเปรียญ ๒ ชั้น ๑ หลัง กฏิเจ้าอาวาส ๒ ชั้น
๑ หลังกุฎิสำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖ สองชั้น ๑ หลัง กุฏิสำนักงานเลขานุการเจ้าคณะภาค ๑๖ สองชั้น
๑ หลัง กฏิแถว ๒ ขั้น จำนวน ๘๐ หลัง และอาคารเรียน ๓ ชั้น ๓๐ ห้องเรียน ๓ หลัง กับหอกลอง
หอระฆัง หอกระจายข่าว อย่างละ ๑ หอ
สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๕๑๕ ทรงพระกรุณภูโปรดพระราพทานสัญญาบัครทั้งนั้วรมที่ในในโอกากพราชทธรรราชพิธี
ฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๑๕ ให้เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ "พระศรีธีรพงศ์"
นับว่าเป็นพระราชาคณะรูปแรกของวัดแจ้ง คนทั้งหลายมักเรียกท่านเจ้าคุณพระศรีธีรพงศ์ใ
"ท่านเจ้าคุณวัดแจ้ง"
พ.ศ. ๒๕๒๔ ทรงพระกรุณกโประระรารพานสัญญาบัตรทั้งนั้นธนที่ใบโบโอการธกพหพราทราชทรี
เฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๒๔ ให้เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ "พระราชวิสุทธิมุนี""
พ.ศ. ๒๕๓๓ ทรงพระกรุณภูโปรดพระรารพานสัญญาบัตรทั้งทั้งสมคนในโลการพระระกะระรายพิธี
เฉริมพระชนมพรรษา วันที่ ๕ ธันวาคน ๒๕๓ ให้รับพระราชาคณะชั้นเทพที่ "พระเทพปัญญาสุธี""
การศึกษาภายในวัด
ภายในวัดแจ้งรรวิหารป็นที่ตั้งของโรเรียนหนัญศึกษกษกชวัง ชื่อรุ่บวิตระวัดทางทิตะวันตา
เฉียงเหนือของวัด มีพื้นที่ ๓ ไร่ ๑ งาน ๒๑ ตารางวา อาคารเรียนเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๓ ชั้น
เดิมเป็นที่ตั้งของ "วิทยามัยลาคาหรือรรมราย" ก่อดี้โดยหรือรรรณราชานี  เถิง วุพลัฐานเทขา"
เปิดเรียนเมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ จนกระทั่งพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ
ราชวิทยาลัย วิทยาเขตนศรศรีธรรมราชในปัจจุบัน
โรงเรียนสามัญศึกษาวัดแจ้งจัดการเรียนการสอนในลักษณะโรงเรียนการกุศลของวัด สังกัด
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน เปิดจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับมัยยมศึกษาตอนต้น และ
มัธยมศึกษาตอนปลาย โดยมีพระเทพปัญญาสุธี (พร้อม โกวิโท) เจ้าอาวาสวัดแจ้ง พระอารามหลวง
ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์ภาศทักษิณ "
โรงเรียนแห่งนี้มีประวัติดวณเป็นมายาวนานกว่า ๔๐ ปี นับทั้งแต่ พเศ. ๒๕ พระเทพ
ปัญญาสซี (พร้อม โกโท) มื่อครั้งป็นทรมหาพร้อม โทโทวีไท ล้าหกทารให โค้รอกรรมาทการมาาทาาา
กระทรวงศึกษาธิการ จัดตั้งโรงเรียนพระบริย์ติธรรมแผนกสามัญ และได้รับอนุญาตตามใบอนุญาต
กรมการศาสนาที่ ๘/๒๕๑๕ ภายใต้ชื่อว่า "โรงเรียนสาธิดศึกษา วิทยาลัยสงฆ์ภาคทักษิณ" โดยมี
พระมหาพร้อม โกวิโท เป็นผู้จัดการและครูใหญ่ ซึ่งพระคุณเจ้าเป็นผู้บริหารโรงเรียนมาจนถึงปัจจุบัน"
	ปัจจุบันวัดแจ้งวรวิหาร ได้เปิดการจัดการศึกษาโดยไม่คิดมูลค่าให้กับพระภิกษุ สามเณร และ
นักเรียนชาย หญิง มีครู ๑๗ รูป/คน นักสียมทั้งสิ้น ๑๕๖ รูป/คน ประกอบด้วยหลักสูตร
๑. ระดับมั้ธยมศึกษาปีที่ ๑ - ๖ ตามหลัครมกนกลากาการศึกษาขึ้นขึ้นขึ้นฐาน พ.ศ.๒๕๕๑
๒. ระดับธรรมศึกษะขั้นตรีถึงขั้นเอก ของนักถือนชายหญิง คานหลักสูตรธรรมสนามหลวง
๓. แผนกบาลี ขั้นบาลีโวยากรณ์ ถึง ป.ธ. ๙ ตามหลักสูตรธรรมสนามหลาง
๔. ระดับธรรมศึกษาขั้นตรี ถึงชั้นเอก ของพระภิกษุ สามเณร ตามหลักสูตรธรรมสนามหลวง
นอกจากนี้ วัดแจ้งยังมีโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์อีกด้วย
ฌาปนสถาน
ตั้งอยู่บริเวณด้านตะวันตกเฉียงใต้ภายในบริเวณวัด อาคารฌาปนกิจหลังปัจจุบัน ได้แก่ เมรุ
พร้อมศาลาประกอบพิธี ซึ่งพระเทพปัญญาสุธี (พร้อม โกวิโท) เป็นผู้สร้างค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
๙,๐๐๐,๐๐๐.- บาท
เทศกาลและงานประเพณีของวัด
ปัจจุบัน วัดแจ้งวรวิหารเป็นศูนย์กลางชุมที่สำที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองนศรศรีรรมราช
ทางวัดได้จัดพิธีกรรมในวันสำคัญ หรือเทศกาลตามประเพณีนิยมที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ได้แก่
วันธรรมสวนะ (วันพระ)วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูขาวันเข้าพรรษาเทศกาลสารทเตือน ๑๐
วันออกพรรษา เทศกาลทอดกฐิน รวมทั้งในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของ
พระเทพปัญญาสุธี (พร้อม โกวิโท) ร่วมกันจัดงานเพื่อแสดงมุทิตาจิตแต่ท่านเจ้าคุณเป็นประจำทุกปิ
นอกจากนี้ สายตระกูล ณ นคร ได้จัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ
เป็นประจำสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน














