04 มิถุนายน, 2568
อัตลักษณ์ช่างเทริดโนราห์สกุลช่างในภาคใต้
วัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นอัตลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของผู้คนในแต่ละท้องถิ่นนั้นนั้นและสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบ วิถีชีวิตของผู้คนทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้มีลักษณะเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม มีความหลากหลายทางด้าน ภาษา ศาสนา วรรณกรรม สถาปัตยกรรม ดนตรี และศิลปะการแสดงต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอัตลักษณ์ภาคใต้ได้อย่างดี
การแสดงโนราเป็นศิลปะการแสดงที่มีลักษณะเด่นของภาคใต้แสดงกันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะพื้นที่ถิ่นกำเนิดบริเวณลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา เกิดเป็นตำนานเรื่องเล่ามุขปาฐะ ที่มีการเล่าสืบต่อกันมา แสดงแสดงให้เห็นถึงการกำเนิดของโนรา ทำให้เกิดอัตลักษณ์การแสดงของท้องถิ่นทั้งการขับร้องบทกลอน สำเนียงภาษาถิ่นใต้ การพัฒนาการตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่มีการสืบทอดรุ่นสู่รุ่น ทำให้เรื่องเล่าหรือตำนานที่หลากหลาย และในตัวตำนาน ยังมีความแตกต่างกันบ้างสิ่งที่ตัวตำนานกล่าวเหมือนกันคือ เครื่องส่งโนราที่ได้รับพระราชทานจากพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะเชิดโนรา มีอัตลักษณ์ที่เด่นอย่างมาก และเป็นหัวใจหลักของการแสดงรำในตำนานโนราห์ ที่เล่าขานบริเวณที่ราบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ประกอบไปด้วยสองตำนาน ตำนานแรกของวัดเขียนบางแก้ว จังหวัดพัทลุง และตำนานที่สองของจังหวัดสงขลา ในตำนานกล่าวถึงการก่อกำเนิดโนราห์ แต่ทั้งสองตำนานอาจจะมีความแตกต่างอยู่บ้าง แต่ตำนานของพื้นที่จังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา ที่มีลักษณะเหมือนกล่าวว่า พระยาสายฟ้าฟาด ได้ประทานพร้อมมอบด้วยเครื่องทรง ได้แก่ เทริด ทับทรวง สังวาล หางหงส์ กำไรต้นแขน กำไลปลายแขน กำไลมือ ปั้นเหน่ง ชายไหว ชายแครง สนับเพลา“ ให้แก่ขุนศรีศรัทธา จะได้ช่วยว่าการแต่งตัวของโนรา ตามตำนานของจังหวัดพัทลุงและจังหวัดสงขลา มีส่วนประกอบสำคัญคือ “เทริดโนรา”
เทริดโนราปรากฏภาพถ่ายที่บ่งบอกว่าการแต่งตัวของโนราไปทางละครโขนหรืออย่างละครชาตรีปรากฏภาพถ่ายของโนราคล้าย พรหมเมศ หรือโนราคล้ายขี้หนอน ที่การแต่งตัวจะไม่เน้นทรงมากอย่างในปัจจุบัน แต่ในอดีตการแต่งตัวโนราห์ ได้รับอิทธิพลความเป็นมโนราห์ชาตรีที่มีการผสมผสาน จนมาในช่วงยุคหลังได้มีการสร้างสรรค์อัตลักษณ์การแต่งตัวโนราขึ้นมาใหม่ จนกว่าอัตลักษณ์การแต่งตัวอย่างในปัจจุบัน แต่สิ่งที่ไม่เคยปรับเปลี่ยนคือ เทริดโนรา และยังคงรูปแบบเดิม
โนราเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมด้านศิลปะการแสดงท้องถิ่นของภาคใต้ที่มีความโดดเด่น อัตลักษณ์เชิงช่างของแต่ละสกุลช่างโดยเฉพาะในภาคใต้มีการสืบเชื้อสายจากรุ่นสู่รุ่นมาไม่น้อยสี่รุ่นอายุคน โดยเฉพาะในสี่จังหวัดซึ่งเป็นพื้นที่ทางวัฒนธรรมโนราห์สกุลช่างที่มีการสืบทอด ได้แก่ สกุลช่างอ้นอำเภอสทิงพระจังหวัดสงขลา สกุลช่างลุ้นอำเภอนาโยงจังหวัดตรัง สกุลช่างแว็ก อำเภอพิบูลจังหวัดนครศรีธรรมราช และสกุลช่างล่ายอำเภอกงหราจังหวัดพัทลุง
1. สกุลช่างอ้น อำเภอสทิงพระจังหวัดสงขลา
เทริดโนราห์ สกุลช่างอ้น(ไม่ทราบนามสกุล) เป็นสกุลช่างพื้นบ้านดั้งเดิมของจังหวัดสงขลาที่ยังมีการอนุรักษ์รักษาสืบต่อกันถึงสามรุ่นชั่วอายุคน ช่างอ้นเป็นช่างพื้นบ้านบุคคลแรกแรก ช่วงปีพ.ศ. 2460 ของอำเภอสทิงพระจังหวัดสงขลา เป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์เทริดโนราห์ให้มีอัตลักษณ์โดยสมัยก่อนเริ่มแรกจะเป็นการสร้างด้วยมือทั้งหมดและได้มีการถ่ายทอดวิชาการทำเสื้อโนราให้แก่รุ่นที่สองช่างคง (นายคง พรมทอง) ช่วงปีพ.ศ. 2500 เป็นผู้สืบทอดช่วงรุ่นนี้ต่อมาส่งต่อไปถึงรุ่นที่สาม ช่างเจมส์ (นายจตุรงค์จันทระ)
เทริดโนราห์สกุลช่างอ้นจะนิยมทำจากไม้มงคล ซึ่งเป็นไม้ที่หาได้ตามท้องถิ่น หรือบริเวณหมู่บ้าน เช่นไม้แคร์ให้ความเบา ไม้เป็นไม้ที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่นมีความเหนียวของเนื้อไม้ มีการสื่อความหมายคนยกย่องสรรเสริญ และไม้ขนุนมีความคงทนสื่อความหมายว่ามีคนชื่นชอบ ส่วนไม้ไผ่ศรีสุขเป็นไม้ที่ให้ความคงทน เหนียวและขึ้นรูปได้ง่าย ไม้ทองหลางเนื้อไม้มีความคงทน มีส่วนประกอบทั้งหมด6ส่วน
ส่วนที่1 เพดานเซอร์โนราห์จะทำจากไม้แคร์เท่านั้น เพราะมีความเบาหาได้ง่ายตามท้องถิ่นตามหมู่บ้านโดยจะขุดขึ้นเป็นสามชั้น รูปวงกลม เพื่อให้พอเหมาะกับศีรษะผู้สวมใส่
ส่วนที่2 หูเทริด โนราห์ทำจากไม้ทองหลางมีความคงทนต่อการใช้งานง่ายและเนื้อไม้จะมีความแข็งแรงการแกะให้มีรูปทรงโค้งออกจากตัวโครงเทริดโนรา
ส่วนที่3 กระจังทริดโนราห์ มีความทนใช้งานนิยมใช้หนังวัวจะมีความเหนียวและแกะสลักได้ง่ายและพลาสติกเป็นวัสดุที่นำมาทดแทนหนังวัวซึ่งในอดีตจากแกะจากหนังวัวปัจจุบันหันมาใช้พลาสติกแทน
ส่วนที่4 โครงเชิดโนราห์จะใช้ไม้ไผ่ศรีสุขจากการศาลเป็นลายสับฟันปลาเนื่องจากไม้ไผ่เป็นไม้ที่มีกันทุกบ้านเนื้อไม้สามารถนำมาเหลาทำการศาลและขึ้นรูปได้ง่าย
ส่วนที่ 5 ยอดเชิดโนราห์จะทำจากไม้ยอหรือไม้ขนุนไม้ที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่นปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนนิยมใช้ไม้แคเนื่องจากมีน้ำหนักเบาเป็นวัสดุหาได้ตามท้องถิ่นมีการขุดยอดเทริดรูปทรงยอดชัย
ส่วนที่ 6 การสลักเดือยยอดเทริดโนราห์มีการเชื่อมต่อกับเพดานด้วยการสลักเดือยแบบพื้นบ้านเป็นการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นแทนการใช้ตัวตะปูเข้าเชื่อมและเป็นการถอดออกได้ง่ายเมื่อผู้สวมใส่ต้องการจัดเก็บยอดเทริดโนรา
องค์ประกอบลวดเทริดโนราห์สกุลช่างอ้น
สกุลช่างอ้นจะมีองค์ประกอบของลวดลายตามเทริดโนราส่วนใหญ่ลวดลายมีมาตั้งแต่รุ่นที่สามจนมาถึงปัจจุบัน ลวดลายจะประกอบได้ด้วย 3 ส่วนได้
ส่วนที่ 1 บริเวณยอดเทริด จะมีการขุดลวดรูปทรงลูกแก้วมาลัยสี่ชั้น ปลายจะแกะรูปทรง ปูรณกลศ หรือทรงกลีบบัว ส่วนปลายจะแกะลาย ลูกแก้วมาลัยเผาสามชั้นปลายยอดค่อนข้างแหลม หรือรูปทรงปลายยอดกลม (เม็ดไข่ปลา)
ส่วนที่ 2 กระจังประดับเพดานเทริดโนราห์ จะแกะเป็นลวดลายกระจังโกลน หรือกระจังเจิม สลับลวดลายดอกเล็กลายก้านต่อดอก
ส่วนที่3 โครงเทริดทำจากไม้ไผ่สานเป็นลวดลายรัก หลังจากการหลงรักมีการประดับลวดลายดอกประจำยามทั้งสี่ทิศ รอบรอบโครงเทริดจะแกะเป็นลายอุณาโลม ประดับลวดลายตัวพุด ลาย ประจำยาม ลายแมงดาตามกัน (ไข่ปลาดุก) และ ลายกระรวน ในส่วนท้ายเชิดตรงกลางจะประดับลายดาว และมีการประดับแวว การประดับกระจกสีแบบโบราณ หรืออาจจะมีการประดับปีกแมลงทับ
2. สกุลช่างลุ้น อำเภอนาโยงจังหวัดตรัง
เทริดโนราห์แบบฉบับดั้งเดิมของจังหวัดตรังที่มีอัตลักษณ์การสืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นแรกของช่างลุ้น มาตั้งแต่ช่วงปีพ.ศ. 2480 และได้ถ่ายทอดภูมิปัญญาองค์ความรู้แก่ช่างเทือง (นายประเทือง สัจบุตร) ช่วงปีพ.ศ. 2500 และส่งต่อการสืบทอดไปยังรุ่นที่สามรุ่นปัจจุบัน คือช่างกิ๊ก สัจบุตร ช่วงปีพ.ศ. 2540 ส่วนใหญ่การทำเซอร์จะเน้นการทำเพื่อจัดจำหน่ายและการทำเพื่อนำไปบูชาครูหมอโนราห์ เทริด โนราห์สกุลช่างลุ้น มีอัตลักษณ์ที่ผู้แสดงโนราที่มาจากจังหวัดตรังก็จะต้องสวมใส่เสื้อสกุลช่างลุ้น และสื่อให้เห็นความเป็นเซิร์โนราห์ฉบับเมืองตรังดังที่ช่างเทืองกล่าวมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเทริดโนราห์สกุลช่างลุ้นทำมาจากวัสดุจากไม้เป็นหลักไม่ว่าจะเป็นไม้ขนุนไม้ทองหลางไม้ยไม้สักไม้ไผ่และไม้ช่างมันส่วนใหญ่จะเป็นไม้ที่หาได้ตามท้องถิ่นที่มีมีอยู่มากและบางชนิดไม้ก็มีน้ำหนักเบาไม่หนักศีรษะของผู้สวมใส่ มีส่วนประกอบทั้งแปดส่วนได้แก่
ส่วนที่ 1 เพดานเทริดโนราห์ จะขุดขึ้นเป็นสี่ชั้นจะใช้ไม้มันช้างเป็นไม้พื้นบ้านหาได้ตามพื้นที่อำเภอนาโยงมีลักษณะเนื้อไม้มีความอ่อนและน้ำหนักเบา
ส่วนที่ 2 ลูกแก้วประยอดเทริดโนราห์ ส่วนประกอบสำคัญระดับบนยอดสุดของยอดเซอร์โนราส่วนใหญ่จะเป็นลูกแก้วหรือลูกแก้วคริสตัล ส่วนที่สามหูเทริดโนราห์สร้างจากไม้ทองหลางหรือไม้ขนุนเนื้อไม้มีความคงทนมีความแข็งแรงหูค่อนข้างมีลักษณะโค้งงอเข้าหาตัวโครงเทริดโนราห์
ส่วนที่ 3 หูเทริดโนราห์ สร้างจากไม้ทองหลางหรือไม้ขนุน หรือไม้ที่มีความคงทน แข็งแรง หูเทริดค่อนข้างมีอัตลักษณ์โค้งงอ เข้าหาตัวโครงเทริดโนรา
ส่วนที่ 4 โครงเทริดโนราห์โครงเสื้อจะนิยมใช้ไม้ไผ่ศรีสุขลำกล้องเดียวเท่านั้นเพราะไม้ไผ่มีความเหนียวและคงทนต่อสภาพพูมิอากาศโดยเป็นการศาลไม้ไผ่เป็นการเวียนมาบรรจบเป็นลายครบรูปทรงกระบอก
ส่วนที่ 5 ยอดเทริดโนราห์ยอดเทริดจะนิยมสร้างจากไม้มันช้าง ไม้ยอ และไม้ขนุน ไม้พวกนี้เนื้อไม้มีความอ่อนและขุดได้ง่ายกว่าไม้สักไม้ทองหลางที่มีความแข็งและมีความเหนียว ปัจจุบันไม้ทองหลางหาได้ยากขึ้นจึงใช้ไม้ที่มีตามท้องถิ่นอำเภอนาโยงอย่างไม้ช้างมัน
ส่วนที่ 6 โครงหน้าเทริดโนราห์ โครงหน้าเทริดโนราห์จะทำเป็นรูปแบบที่เรียกตามศัพท์ช่าง เช่นหน้าโค้ง(หน้าพระ) หน้าหยัก หน้าขอ และหน้าวงศ์เดือน(หน้านาง) และรูปหน้าวงเดือน
ส่วนที่ 7 กระจังเทริดโนราห์ ตัวกระจังโนราจะนิยมใช้หนังวัวมีความทนต่อการใช้งานและแผ่นปะเก็น เป็นวัสดุที่หาง่ายและราคาถูกกว่าตัวหนังวัว
ส่วนที่ 8 การสลักเดือยยอดเทริดโนราห์มีการเชื่อมต่อกับเพดานเทริดการสลักเดือยแบบพื้นบ้านเป็นการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นแทนการใช้ตัวตะปูเข้าเชื่อม
องค์ประกอบลวดเทริดโนราห์สกุลช่างลุ้น
สกุลช่างลุ้นมีองค์ประกอบของลวดลายเทริดโนราห์ ที่มีการทำกันมาตั้งแต่รุ่นเก่าจนถึงปัจจุบัน อาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามความถนัดของตัวช่างบ้าง ลวดลายของช่างในปัจจุบันจะประกอบด้วยทั้งสี่ส่วนได้แก่
ส่วนที่1 ยอดเทริดโนราห์เทริดจะแกะเป็นลายรูมาลัยลูกแก้ว 4 ชั้น ปลายยอดแกะเรียวขึ้นไปขุดเป็นลายมามาลัยเถา ปลาจะแกะตัวกนก เปิดปากยอดไว้สำหรับประดับกระลูกแก้ว
ส่วนที่ 2 กระจังประดับเพดานเทริดโนราห์ กระจังจะแกะเป็นลายกระจังปฏิญาณ ประดับรอบบนเพดานทั้ง4ชั้น ส่วนขอบล่างชั้นแรกจะมีแกะเป็นตัวลายกระจังตาอ้อยติดทับลายกระจังปฏิญาณ
ส่วนที่ 3 ส่วนโครงเทริดจะมีการสานเป็นลายครุบ หลังจากนั้นมีการชันตามโครงมีการประดับดอกประจำยาม 4ทิศ และมีการแกะลายก้านต่อดอก ส่วนบริเวณส่วนตรงกลางจะแกะเป็นลายตีนจุกตู และลายกระจังรวน ส่วนด้านท้ายเทริดโนราห์จะมีการประดับลายดอกดาว
ส่วนที่ 4 หูเซอร์จะมีการแกะเป็นตัวโอมทั้ง 2 ข้าง
3.สกุลช่างแว็ก อำเภอพิบูลจังหวัดนครศรีธรรมราช
เสื้อโนราสกุลช่างแว็ก ได้รับมาจากทรงเครื่องพระพุทธรูปศิลปะอยุธยาตอนต้น หรือที่เรียกกันว่า ส่งเครื่องน้อยเมืองนคร แบบอย่างสกุลช่างนครศรีธรรมราช โดยอาจจะยึดตามรูปแบบพระพุทธรูปเพราะในระยะเริ่มแรกของสกุลช่างแว็ก อำเภอพรหมคีรี (ทวดแว็ก ไม่ทราบนามสกุล ) เป็นผู้ริเริ่มในช่วงปีพ.ศ. 2435 ทวดแว็กซ์ได้เรียนรู้มาจากครูอีกท่านหนึ่ง แต่ปัจจุบันก็ไม่สามารถสืบทราบที่มาที่ไปชื่อครูผู้สอนท่านนั้นได้แล้ว ได้มีการทำเทริดโนราห์ วัสดุจากไม้ และการสร้างด้วยเหล็กทองแดงและทองเหลือง ตลอดจนมีการประดับประดาดอกไม้ไหว ซึ่งได้รับพระพุทธรูปสกุลช่างเมืองนคร ที่ได้รับการถ่ายทอดจากศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ตอนต้นในยุคเริ่มแรกซึ่งจะเรียกว่า พระพุทธรูปทรงเครื่อง”จักรพรรดิต้น“ ได้มีการถ่ายทอดความรู้การทำเทริดโนราไปยังรุ่นที่สอง ส่วนใหญ่ช่วงแรกจะนิยมสร้างเพื่อแจกจ่ายให้กับนายโรง หรือโนราใหญ่เพียงเท่านั้น โดยในแต่ละยอดจะมีลักษณะต่างกัน ขึ้นอยู่กับศีรษะของผู้สวมใส่ และผู้ต้องการนำไปใส่การแสดงพื้นบ้านอย่างมโนราห์ ทวดแว็กซ์ก็ได้มีการถ่ายทอดวิชาการทำเทริดโนราห์ให้สิทธิ์คนต่อไปคือ ตาน้อม (นายน้อม ไม่ทราบนามสกุล( บ้านทุ่งใหญ่ ช่วงปีพ.ศ. 2460 ได้มีการอนุรักษ์รูปแบบการทำเทริดโนราห์อย่างต้นฉบับแบบสกุลช่างเมืองนครศรีธรรมราช อาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปบ้าง ขึ้นอยู่กับความถนัดของช่างในแต่ละคน และได้มีการถ่ายทอดการทำเทริดโนราห์ไปยังรุ่นที่สาม คือ มโนราห์อำนาจศิลป์อำเภอฉวาง ช่วงปีพ.ศ. 2500 ก็ยังคงรูปแบบยึดตามตำราแต่ต้นฉบับมีการสร้างจากเหล็กเป็นหลัก แต่อาจจะไม่ได้สร้างจากทองเหลืองและทองแดงที่มีราคาค่อนข้างสูงในปัจจุบัน และได้มีการถ่ายทอดมาสู่รุ่นที่สี่ ช่วงปีพ.ศ. 2540 ให้แก่นายอานัส ริยาพันธ์ ดังนี้
ส่วนที่ 1 โครงเทริดโนราห์ ช่างจะทำการศาลจากไม้ไผ่ศรีสุขเท่านั้น เป็นไม้ที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่น และมีความเชื่อว่าไม้ศรีสุขคือไม้มงคล ให้ความร่มเย็นเป็น มีการสารขึ้นรูปทรงกระบอกศาลเป็นลวดลายตอกเล็กและลายตอกใหญ่ ส่วนโครงสร้างโนรารุ่นสาม จะทำโครงสร้างจากเหล็กเป็นส่วนใหญ่มีความคงทนมากกว่าไม้ และยืดอายุการใช้งานได้ดี
ส่วนที่ 2 ยอดแซดโนราห์จะขุดจากไม้ขนุนหรือไม้ทองหลางก็ได้ นำไม้สองชนิดนี้เพราะมีความคงทนและเนื้อไม้สามารถขุดแกะรูปทรงได้ง่าย รูปทรงยอดเชิดมีการเรียกว่าส่งยอดชายส่งนครศรีธรรมราช
ส่วนที่ 3 หูเทริดโนราห์ส่วนใหญ่แกะจากไม้ทองหลางมันมีความคงทนต่อการใช้งานและต้องตัดแต่งเหลาให้งขึ้นและด้ามให้มีความคงทนด้วยไม้ไผ่หรืออาจจะทำจากเหล็กก็ได้ขึ้นอยู่กับความชอบและความถนัดของช่าง
ส่วนที่ 4 เพดานเสริฐจะขุดจากไม้ขนุน เพราะความเบา เนื้อไม้มีความอ่อนไม่แข็ง ในอดีตใช้วิธีการขุด ปัจจุบันใช้วิธีการกลึง เพื่อย่นระยะเวลาการทำงานของช่าง
ส่วนที่5 กระจังประดับเพดานเซิดโนราห์รุ่นแรกจะนิยมใช้หนังวัวและหนังควายในปัจจุบันหนังวัวและหนังควายค่อนข้างหายาก จึงมีการปรับเปลี่ยนมาใช้พลาสติกแทน เพราะมีความคงทนยืดอายุการใช้งานได้อย่างมาก ปัจจุบันจะไม่ใช้งานหนังวัวเพราะหากยังใช้หนังวัวหรือหนังควาย หากเกิดการโดนน้ำจะอยู่ทรง อาจจะพองได้ ในส่วนของการประดับกระจังต้องตอกติดด้วยตะปูเพื่อยึดกับเพดานเส
ส่วนที่6 ฐานโครงหน้าเซิดโนราห์ทำจากไม้หรืออาจทำมาจากเหล็กขึ้นเป็นรูปทรงมีหลายรูปแบบเช่นหน้าหยักไรผม และหน้ากากไม่มีไรผม การสร้างเสื้อจะทำเพียงรูปส่งตัวพระ หรืออาจจะมีการทำโครงหน้ารูปทรงฐานสิงห์
ส่วนที่7 ท้ายเซิร์โนราห์ทำเป็นรูปทรงสะท้อนอัตลักษณ์ของเมืองนครจะมีชื่อเรียกสองแบบคือ รูปทรงท้ายแมงดา และรูปทรงท้ายกรมธรรมดา
ส่วนที่ 8 ดอกไม้ไหวประดับบนตัวเพดานเชิดโนราห์ทั้งสามชั้นก้านดอกไม้ไหว ทำจากสปริงทองเหลือง หรือเหล็ก สวนดอกไม้ไว้จะทำจากแผ่นปะเก็นหรือหนังวัว
องค์ประกิบเทริดโนราห์สกุลช่างแว๊ก
ลวดลายเทริดโนราสกุลช่างแว๊ก มีลวดลายที่ละเอียดและมีความซับซ้อนค่อนข้างมากและเป็นสกุลช่างที่มีการสืบทอดกันมายาว ลวดลายที่ปรากฏในตัวเทริด ล้วนเป็นลวดลายแบบดั้งเดิมทั้งหมด ลวดลายเทริดโนราห์สกุลช่างแว๊ก ประกอบการทั้งหมด 4 ส่วนได้แก่
ส่วนที่ 1 ยอดเทริดโนราห์ มีลักษณะแกะเป็นรูปทรงหน้ากระดานซ้อนชั้น 4 ชั้น ส่วนปลายแกะเป็นรูปทรงลายบัวถลา รองรับปรียอด ก่อนถึงส่วนยอด ส่วนปลายยอด จะแกะรูปทรงลายมาลัยลูกแก้ว ยอดจะแกะเป็นยอดเม็ดหรือยอดชัยทรงเมืองนครศรีธรรมราช
ส่วนที่ 2 โครงเทริด จะเป็นลวดลายตอกเล็กและตอกใหญ่ หลังจากนั้นลงรัก ลงชัน ระดับลาย ตัวพุด หลายตัวรักร้อย หรือลายก้านต่อดอก ลายกระจังรวน ลายตัวตาเข้าพอง และลายดอกประจำยามทั้ง4 ทิศ
ส่วนที่ 3 กระจังประดับเพดานเทริดโนราห์ แกะเป็นลายกระจ่างใบเทศ สลับลวดลายกระจังตาอ้อย
ส่วนที่ 4 การประดับประดาดอกไม้ไหวลายกนก เป็นลวดลายกระจังใบเทศ ซึ่งอาจจะได้รับอิทธิพลศิลปะพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิราช แบบอย่างหัวโขนในศิลปะรัตนโกสินทร์ตอนต้น
4. สกุลช่างล่าย จังหวัดพัทลุง
เทริดโนราห์สกุลช่างล่าย เป็นสกุลช่างพื้นบ้านของจังหวัดพัทลุง ที่มีการสืบทอดกันมาหมายถึง สาม รุ่นอายุคน ในรุ่นแรกริเริ่มการทำเสื่อโนราคือ นายล่าย หนูยก โดยการการศึกษาการทำเสื้อโนราและมีประสบการณ์การทำเสื้อประมาณ 50 ถึง 60 ปี ช่าง ล่าย เดิมเป็นโนราใหญ่หรือหัวหน้าคณะโนราในจังหวัดพัทลุง โดยได้มีการเรียนรู้การทำเสื้อโนราจาก “ ตาเพ็ง” ไม่ทราบนามสกุล ที่วัดท่าแคเมื่อพ.ศ. 2537 โดยตาเพ็งทำให้ดูเป็นตัวอย่างโดยได้รับการฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ และภายหลังได้ส่งต่อการทำเสื้อโนราให้กับนายพััน เลือน จันทร์ เป็นผู้สืบทอดมาเป็นรุ่นที่สอง ช่วงปีพ.ศ. 2545 ได้มีการทำเทริดโนราห์เพื่อจัดจำหน่ายเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนั้นได้มีการส่งต่อไปยังรุ่นที่สาม นายเสริมศักดิ์ เลื่อนจันทร์ ประมาณปีพ.ศ. 2550 และได้มีการสร้างอัตลักษณ์ความเป็นเทริดโนราห์ตามแบบฉบับของเมืองลุง การสร้างเทริดโนราสักหนึ่งยอดก็จะมีการใช้วัสดุที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่นโดยเฉพาะไม้ทอง ไม้ยอ และไม้ขนุน ช่างจะนิยมใช้ไม้เนื้ออ่อนง่ายต่อการสร้าง และจะน้ำหนักเบาเพื่อความสะดวกสบายแก่ผู้สวมใส่ จะมีส่วนประกอบเจ็ดส่วน
ส่วนที่1 ยอดเสริฐโนราห์จากขุดจากไม้ขนุนหรือไม้ยอ เนื่องจากเป็นไม้ที่หาได้ง่ายตามท้องถิ่นและเป็นไม้เนื้ออ่อนขุดยอดเสิดโนราเป็นรูปทรงดอกบัว
ส่วนที่ 2 หูเซิดแกะด้วยไม้ทองหลางเนื้อไม้มีความคงทนต่อการใช้งาน
ส่วนที่ 3 ส่วนเพดานเสริฐจะขุดด้วยไม้ขนุนหรือไม้สักไม้ทั้งสองชนิดมีความเบานำมาขุดจะกดทับศีรษะผู้สวมใส่ การขุดจะเป็นสามชั้น เพดานจะมีการเชื่อมด้วยวิธีแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เรียกว่าการสลักเดือย
ส่วนที่ 4 โครงเซอร์จะนำไม้ไผ่ศรีสุข ไม้ไผ่เป็นไม้เนื้ออ่อนง่ายต่อการนำมาศาลขึ้นรูปมาศาลเป็นรูปทรงกระบอก
ส่วนที่ 5 กระจังประดับเพดานเทริด จะใช้พลาสติกแทนการใช้หนังวัว พลาสติกมีความคงทนต่อการใช้งานอย่างมาก
ส่วนที่ 6 การเขียนสีบริเวณโครงเทริด ศัพท์ทางช่างจะเรียกเรียกว่า “ การเขียนศิลป์”
ส่วนที่ 7 รูปโครงหน้าของเชิดโนราห์จะมีหลากหลาย หน้าพระ และหน้านาง หน้านางเมขลา
องค์ประกอบลวดลายเทริดสกุลช่างล่าย พัทลุง
ลวดลายเซโนราห์สกุลช่างล่าย ถือเป็นลวดลายแบบดั้งเดิมตั้งแต่รุ่นแรก จนมาถึงรุ่นที่3 ปัจจุบันตัวลายเทริด โนราสกุลช่างล่าย ประกอบกันทั้งหมด 3 ส่วนได้แก่
ส่วนที่ 1 ยอดเทริดโนราห์ ยอดเทริดส่วนยอดจะแกะเป็นรูปทรงมาลัยลูกแก้ว ซ้อนชั้น ด้วยบัวฝาละมี ปลายยอดแกะเป็นก้านรองรับบัวอกไก่ ปลายยอดจะแกะยอดกลม หรืออาจจะเป็นรูปทรงดอกบัว
ส่วนที่2 โครงเทริด จะนำไม้ไผ่สีสุกมาสานเป็นรูปทรงกระบอกลวดลายขัด หลังจากนั้นได้มีทาลงรักติดลวดลายดอกประจำยามทั้ง 4 ทิศ มีการประดับลวดลายรอบโครงเทริดโนราห์ ที่เรียกว่า “ลวดลายหยดน้ำค้าง “ หรือลายกระจังตาอ้อย ลวดลายบริเวณโครงเทริด ศัพท์ทางช่างจะเรียกว่า “ การเขียนศิลป์” ด้านท้ายโนราจะมีการประดับดอกลายดาว
ส่วนที่ 3 ส่วนกระจังประดับเพดานเทริด จะแกะเป็นลวดลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ขอบด้านล่างของเพดานเทริด จะการประดับลายกระจังตาอ้อย สลับกับกระจังทรงพุ่มเข้าบิน
อัตลักษณ์เทริดโนราห์ ซึ่งมีรูปแบบการวิวัฒนาการสันนิษฐานว่า อาจจะได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะสมัยอยุธยา ซึ่งหัวเมืองทางภาคใต้ส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งขึ้นตรงกับกรุงศรีอยุธยา อาจจะได้รับอิทธิพลผ่าน การ เมือง ศาสนา ภาษา และการแสดงพื้นบ้าน เพราะเนื่องจากเทริดโนรา มีลักษณะยอดเตี้ย ซึ่งคล้ายกับเครื่องทรงพระพุทธรูปสมัยอยุธยาตอนกลาง หรือลักษณะคล้ายกับพระพุทธรูปทรงเครื่อง วัดหน้าพระเมรุ ซึ่งได้รับอิทธิพลผ่านทางศาสนา ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นศาสนาพุทธ และศาสนาพราหมณ์ ที่มีศูนย์กลางความเจริญอยู่ทั่วภาคใต้ ส่งผ่านลงมา เนื่องจากภาคใต้พบพระพระพุทธรูปทรงเครื่องมโนราห์ ที่เก่าแก่หลายแห่ง เช่นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ วัดกาหลอำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา ซึ่งแต่งเครื่องส่งคล้ายกับพระประธานวัดหน้า พระเมรุ ผสมผสานกับเครื่องแต่งกายอย่างมโนราห์มีอายุการก่อสร้างที่ใกล้เคียงกัน
อัตลักษณ์เทริดโนราห์ของสกุลช่างภาคใต้มีความโดดเด่นที่แตกต่างกันดังนี้ สกุลช่างอ้นจังหวัดสงขลา โดดเด่นด้านการตกแต่งโครงเทริดด้วยการปั้นลายตัวพุด ลายตัวผมเทริด และ ลายแมงดาตามกัน สกุลช่างลุ้นจังหวัดตรัง โดดเด่นด้านการทำเพดานเทริด 4 ชั้น และการแต้มสีเป็นลายตีนจุกตูบริเวณโครงเทริด สกุลช่างแว็กจังหวัดนครศรีธรรมราช โดดเด่นในการใช้ไม้รักทำยอดเทริด เพราะมีความเชื่อว่าจะมีคนรักคนหลง เพดานเทริด ประดับดอกไม้ไหว โครงเทริดตกแต่งด้วยการปั้นลายรักร้อย ลายตาข้าวพอง และส่วนหน้าเทริด ทำเป็นรูปทรงเรียกว่า หยักไรผม ส่วนสกุลช่างล่าย จังหวัดพัทลุง โดดเด่นในการใช้ไม้มงคล ประเภทไม้ขนุนและไม้ยอ ทำเพดานเทริด ส่วนยอดเทริด ใช้วิธีการขุดเป็นรูปดอกบัว โครงเทริด ตกแต่งด้วยการปั้นลายหยดน้ำค้าง และแต้มสีแดง ซึ่งภาษาช่างเรียกว่าการเขียนศิลป์
ที่มาสืบค้นข้อมูล https://so02.tci-thaijo.org/index.php/HUSOTSU/article/view/261789/181807
ภาพ Cr: gmibfmi'o8i By.โสตถิ์ศิลป์