22 มิถุนายน, 2568

เพลงบอกสร้อย เสียงเสนาะ หรือนายสร้อย ดำแจ่ม ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน-เพลงบอก)

เพลงบอกสร้อย เสียงเสนาะ นายสร้อย คำแจ่ม ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมสาขากีฬาและนันทนาการ นายสร้อย คำแจ่ม เกิดเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๖๘ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นศิลปินเพลงพื้นบ้านภาคใต้ที่คนทั่วไปรู้จักดีในนาม "เพลงบอก สร้อยเสียงเสนาะ" เริ่มว่าเพลงบอกตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี รวมเวลา ๔๗ ปีเศษ ที่นายสร้อยได้ฝึกฝนว่าเพลงบอกด้วยใจรักมีวิญญาณศิลปิน ทำให้ผู้ฟังได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินในความคิดฉับไว เป็นที่ยอมรับประทับใจในศิลปะ การว่าเพลงบอกที่ใช้ชั้นเชิงและปฏิภาณไหวพริบ จนได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันประชันวงทุกครั้ง ชื่อเสียงของนายสร้อย จึงเป็นที่รู้จักและมีผู้สนใจติดต่อไปแสดงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการประเพณี งานสาธารณกุศลและอื่นๆ ทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ปัจจุบันได้มีการบันทึกเสียง เพลงบอกที่นายสร้อยแต่งเองให้เหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทั้งเป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตนมีอัธยาศัยไมตรีต่อคนทั่วไป มีความเสียสละ และได้รับยกย่องว่าเป็น "เพลงบอกชั้นครู" ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ยอมรับนับถือว่าเป็นผู้ที่บำเพ็ญประโยชน์ทั้งด้านสร้างสรรค์และอนุรักษ์ศิลปะ เป็นแบบอย่างสังคม นายสร้อย คำแจ่ม จึงได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ เป็นผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมสาขากีฬาและนันทนาการ
ประวัติ นายสร้อย ดำแจ่ม หรือที่รู้จักกันในนาม “เพลงบอกดอกสร้อย” หรือ “ดอกสร้อยเสียงเสนาะ” เกิดเมื่อ พ.ศ. 2468 ที่บ้านบ่อล้อ อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายแจ้กับนางพั้ว และได้สมรสกับนางกิ้งซุ้น มีบุตรร่วมกัน 4 คน เพลงบอกดอกสร้อยได้มีโอกาสฟังเพลงบอกแล้วเกิดความประทับใจ จึงริเริ่มหัดว่าเพลงบอก ด้วยตนเอง ครั้นเมื่อมีโอกาสได้ร้องโต้กับเพลงบอกเผียน (เพลงบอกที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น) ณ วัดโคกพิกุล แม้จะเอาชนะเพลงบอกเผียนไม่ได้ แต่ก็ได้แสดงฝีปากคมคายในการโต้เพลงบอกจนเป็นที่ประทับใจของผู้ชม หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพลงบอกดอกสร้อยเป็นเพลงบอกที่เลี้ยงชีพด้วยการว่าเพลงบอกตามงานต่าง ๆ โดยมีวิธีการ หาเงิน คือ ว่าเพลงบอกให้กับเจ้าภาพจัดงานแล้วนำรายได้มาแบ่งครึ่งกัน โดยในแต่ละงานเพลงบอกดอกสร้อยสามารถหาเงินได้จำนวนมาก เพราะมีเสียงที่ไพเราะกังวาน มีศิลปะในการจูงใจบริจาคโดย ไม่ต้องบังคับ รวมทั้งมีวิธีการว่าเพลงบอกที่แตกต่างจากเพลงบอกทั่วไป คือ มีการว่ากลอนหนังตะลุงกับโนราสอดแทรกเข้าไป ทำให้เกิดความสนุกสนาน หลากรส และหลายทำนอง เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม ทั้งนี้แม้เพลงบอกดอกสร้อยจะเริ่มเล่นเพลงบอกโดยไม่มีครูสอนโดยตรง แต่ก็ยกย่องครูเพลง- บอกที่ชื่นชอบเป็น “ครู” โดยเฉพาะปานบอดและพระรัตนธัชมุนี (ม่วง) นอกจากนี้ยังมีเพลงบอกเนตร ชลารัตน์ และครูมิตร เกาะแก้ว ที่เพลงบอกสร้อยถือว่ามีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของตน จนสามารถสร้างชื่อเสียงติดปากคนปักษ์ใต้ว่า “ดอกสร้อย เสียงเสนาะ”
2.การศึกษา สำเร็จการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดสระโพธิ์ อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อมาได้ฝากตัวเป็นศิษย์ท่านเจ้าคุณธรรมราชมุนี วัดหน้าพระบรมธาตุ และได้ศึกษาต่อชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ แต่เรียนได้เพียงชั้นมัธยมปีที่ ๔ ก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ จึงกลับไปอยู่บ้านและหมดโอกาสเรียนต่อ จากนั้นจึงได้บรรพชาเมื่ออายุ ๑๘ ปี ณ วัดโพธิ์ อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ได้ ๔ ปี ก็ลาสิกขาบทออกมามีครอบครัว ในเรื่องความสนใจเพลงบอกนั้น เริ่มจากเมื่อครั้งนายสร้อยอยู่หน้าวัดพระบรมธาตุ เจ้าคุณธรรมราชมุนี ได้รับเพลงบอกปานบอดมาเล่นหลายครั้ง นายสร้อยฟังแล้วประทับใจพยายามจดจำบทกลอน เที่ยวว่าเลียนแบบกับพวกเด็กวัด ครั้นริหัดนานเข้าก็เกิดรักชอบและร้องเล่นโดยปริยายออกเที่ยวว่าสนุกไปตามงานต่าง ๆ จนกระทั่งนายแก้ว กำนันตำบลทรายขาว อำเภอเชียรใหญ่ ได้ขอร้องให้ว่าเพลงบอกโต้กับเพลงบอกเผียน เป็นการแก้ขัดในงานศพท่านพระครูนิโครธ วัดโคกพิกุล โดยมีเพลงบอกปานบอดเป็นประธาน การโต้คราวนั้นนับเป็นครั้งแรก แม้จะเอาชนะเพลงบอกเผียนไม่ได้ แต่ก็มิได้เพลี่ยงพล้ำ ทั้งยังแสดงฝีปากได้คมคายหลายตอน จากนั้นมานายสร้อยก็เริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้น ได้ออกโต้เพลงบอกฝีปากดีหลายคน เพลงบอกสร้อย ได้ออกโรงว่าเพลงบอกมาตั้งแต่อายุ ๑๗ ปีโดยมีงานสืบเนื่องต่อกันมาอย่างไม่ขาดตอน มีการรับงานว่าเพลงบอกในงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานบวชนาค งานศพ งานรื่นเริง งานเทศกาล งานประชันขันแข่ง งานกุศล งานสาธารณประโยชน์ ฯลฯ
ตลอดระยะเวลากว่า ๕๐ ปี ที่เพลงบอกสร้อยได้ออกโรงว่าเพลงบอก ได้แสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์และเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนทั่วภาคใต้ กรุงเทพมหานคร และมาเลเซีย โดยเฉพาะในภาคใต้ เมื่อมีการประชันเพลงบอกขึ้นเมื่อใด รางวัลชนะเลิศมักจะเป็นของเพลงบอกสร้อยเมื่อนั้น นักเลงเพลงบอกน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักศิลปินผู้นี้ ในการว่าเพลงบอกทุกครั้ง เพลงบอกสร้อยได้มีการแทรกกลอนหนังตะลุง โนรา เข้าไปด้วย ทำให้มีหลากรสหลายทำนอง เมื่อประกอบเข้ากับสติปัญญา และไหวพริบในการหยิบเอเรื่องราวมาผสมผสานเข้ากับเนื้อหา ทำให้ท่านมีชื่อเสียงติดปากคนปักษ์ใต้ว่า "ดอกสร้อย เสียงเสนาะ" เพลงบอกดอกสร้อย นับได้ว่าเป็นเพลงบอกคณะแรกและคณะเดียว นับแต่อดีตที่สามารถเลี้ยงชีพได้ด้วยการว่าเพลงบอก วิธีการก็คือ ว่าเพลงบอกหาเงินให้กับเจ้างานแล้วแบ่งรายได้เป็นของคณะเพลงบอกร้อยละ ๔๐ และดูเหมือนว่าเจ้าภาพจำนวนไม่น้อยที่เรียกหาโดยยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว ทั้งนี้เพราะทุกงานนั้นเพลงบอกสร้อยจะทำเงินได้มาก ด้วยมีเสียงไพเราะกังวาล มีศิลปะในการจูงใจ ชวนให้บริจาคโดยมิต้องบังคับ
รางวัล พ.ศ.2520: ได้รับถ้วยรางวัลชนะเลิศจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ธานินทร์ กรัยวิเชียรในการแข่งขันประชันเพลงบอก ณ แหลมสนอ่อน จังหวัดสงขลา พ.ศ.2534: ผู้มีผลงานดีเด่นทางด้านวัฒนธรรมและศิลปะการแสดง จากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2538: ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงพื้นบ้านเพลงบอก โดยได้รับรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พลงบอกสร้อย เสียงเสนาะ หรือนายสร้อย ดำแจ่ม ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน-เพลงบอก) เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๘ ที่มา -วารสารทักษิณคดี ปีที่๖ ฉบับที่๒ โดย สาวิตรี สัตยายุทย์ -เรียบเรียงโดยสรุปจากเรื่อง “สร้อย ดำแจ่ม” (หน้า 7807-7808). ในสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคใต้ เล่มที่ 16. (2542). มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์. กรุงเทพฯ. - https://naamchoop.com