04 มีนาคม, 2567
ประเพณีชิงเปรต
ประเพณีชิงเปรต
ความสำคัญของประเพณีชิงเปรต
“ชิงเปรต” เป็นประเพณีของภาคใต้ที่กระทำกันในวันสารท เดือน ๑๐ เป็นประเพณีสำคัญที่จัดขึ้นเพื่อทำบุญอุทิศแก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว พระยาอนุมานราชธน ได้กล่าวไว้ในสารานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานว่า การชิงเปรตที่ปฏิบัติกันในประเพณีสารทเดือน ๑๐ นี้ มีลักษณะคล้ายกับการทิ้งกระจาดของจีน แต่การทิ้งกระจาดของจีนมีเป้าหมายตรงกับการตั้งเปรต-ชิงเปรตเพียงบางส่วน เท่านั้น กล่าวคือการทิ้งกระจาดของจีนเป็นการทิ้งทานให้แก่พวกผีไม่มีญาติ ส่วนการชิงเปรตของไทยเป็นการอุทิศส่วนกุศลไปให้ทั้งผี(เปรต) ที่เป็นญาติพี่น้องของตนเอง และที่ไม่มีญาติด้วย นอกจากนี้วิธีการปฏิบัติในการทิ้งกระจาดและการชิงเปรตก็แตกต่างกันด้วย
ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนได้ยืนยันว่าการชิงเปรตไม่เป็นความอัปมงคลแก่ผู้ชิงเปรต แต่อย่างใด ในทางตรงกันข้ามกลับถือว่าเป็นการทำบุญด้วยซ้ำไป เพราะชื่อว่าบุตรหลานของเปรตตนใดชิงได้ เปรตตนนั้นย่อมได้รับส่วนนั้น เพียงแต่ว่าผู้ชิงต้องระมัดระวังในการที่อาหารหรือขนมที่ตั้งเปรตอาจตกหลาน ลงพื้น ซึ่งจะทำให้เกิดความสกปรกและเป็นอันตรายต่อสุขภาพเท่านั้น
พิธีกรรมของประเพณีชิงเปรต
การตั้งเปรต และชิงเปรตจะกระทำกันในวันที่ยกหมรับไปวัด ไม่ว่าจะเป็นวันแรม ๑ ค่ำ หรือ แรม ๑๕ ค่ำ เดือนสิบ ก็ตาม ผู้ตั้งเปรตจะนำอาหารอีกส่วนหนึ่งไปเพื่อการตั้งเปรตด้วย อาหารที่ใช้ตั้งเปรตนี้ส่วนมากเป็นอาหารที่บรรพบุรุษที่เป็นเปรตชอบอย่างละ นิดอย่างละหน่อย ขนมที่ไม่ขาดคือ ขนมลา ขนมพอง ขนมบ้า ขนมดีซำ นอกจากขนมดังกล่าวแล้ว ยังมีของแห้งที่ใช้เป็นเสบียงกรังก็จัดฝากไปด้วย เช่น ข้าวสาร หอม กระเทียม พริก เกลือ กะปิ น้ำตาล น้ำปลา กล้วย อ้อย มะพร้าว ด้าย เข็มเย็บผ้า ธูปเทียน นำลงจัดในหมรับ โดยเอาของแห้งรองก้นและอยู่ภายใน ส่วนขนมทั้งหลายอยู่ชั้นนอก ปิดคลุมด้วยผืนลาทำเป็นรูปเจดีย์ยอดแหลม หรือรูปอื่นแล้วแต่การประดิษฐ์ของผู้จัด ส่วนภาชนะที่ใช้ แต่เดิมนิยมใช้กระเชอหรือถาด นำหมรับที่จัดแล้วไปวัด รวมกันตั้งไว้บน “ร้านเปรต” ซึ่งสร้างไว้กลางวัดยกเสาสูง ต่อมาในระยะหลัง ๆ ร้านเปรตทำเป็นศาลา หลังคามุงจากหรือมุงกระเบื้องแล้วแต่ฐานะของวัด บางถิ่นจึงเรียก “หลาเปรต” บนร้านเปรตจะมีสายสิญจน์วงล้อมไว้รอบและต่อยาวไปจนถึงพระสงฆ์ที่นั่งอยู่ใน วิหารที่เป็นที่ทำพิธีกรรม โดยสวดบังสุกุลอัฐิหรือกระดาษเขียนชื่อของผู้ตาย ซึ่งบุตรหลายนำมารวมกันในพิธีต่อหน้าพระสงฆ์ บุตรหลานจะกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญไปยังเปรตชนที่เป็นบรรพบุรุษ เมื่อเสร็จพิธีแล้ว เก็บสายสิญจน์ ขนมต่าง ๆ จะถูกแบ่งออกส่วนหนึ่ง พร้อมกับของแห้งไว้ถวายพระ อีกส่วนหนึ่งให้เปรตชนที่พอมีกำลังเข้ามาเสพได้ ในขณะเดียวกันผู้ที่มาร่วมทำบุญทั้งหนุ่มสาว เฒ่าแก่ และโดยเฉพาะเด็ก ๆ จะเข้าไปรุมกันแย่งขนมที่ตั้งเปรตด้วยความสนุกสนาน เชื่อกันว่า การแย่งขนมเปรตที่ผ่าการทำพิธีแล้วนี้จะได้กุศลแรง เป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว และยังเชื่อกันต่อไปว่าขนมเหล่านี้ถ้านำไปหว่านในสวนในนา จะทำให้พืชผลอุดมสมบูรณ์เพิ่มผลผลิตสูง โดยเฉพาะขนมเทียน บางแห่งนำไปติดไว้ตามต้นไม้ผลเพื่อให้มีผลดก หลังจากนั้น ก็มักมีผู้ใจบุญโปรยทาน โดยใช้เหรียญสตางค์โดยไปที่ละมากเหรียญ ตรงไปยังฝูงชน ที่เรียกว่า “หว่านกำพรึก” แย่งกันอย่างนุกสนาน
การชิงเปรตจะมีระยะเวลาในการจัด ดังนี้
ครั้งแรก วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ เรียกว่า วันรับเปรต
ครั้งที่สอง วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ เรียกว่า วันส่งเปรต
ตามความเชื่อที่ว่าพญายมจะปล่อยดวงวิญญาณของบุคคลที่ล่วงลับไปแล้วมาพบลูกหลานในวันแรม ๑ค่ำ เดือน ๑๐ และต้องกลับไปเมืองนรกอีกครั้งในวันแรม๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐
สาระของประเพณีชิงเปรต
การทำบุญวันสารท เดือน ๑๐ กำหนดทำ ๒ ครั้ง คือ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ และวันแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๑๐ โดยเชื่อว่า วันแรม ๑ ค่ำ เป็นวันที่ยมบาลปล่อยให้เปรต หรือเปตชนขึ้นมาเยี่ยมลูกหลาน ๆ ก็จะทำบุญเลี้ยงต้อนรับ เมื่อถึงวันแรม ๑๕ ค่ำ ก็ถือว่าเป็นวันที่ปู่ย่าตายาย ต้องกลับยมโลก ลูกหลานก็ทำบุญเลี้ยงส่งอีกครั้งหนึ่ง
๑.การจัดหมฺรับและยกหมฺรับ
เริ่มขึ้นในวันก่อนวันงาน ในวันแรม 13 ค่ำ เรียกกันว่า วันจ่าย เพื่อจับจ่ายซื้ออาหารแห้ง พืชผักที่เก็บไว้ได้นาน ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน และขนมที่เป็นสัญลักษณ์ของสารทเดือนสิบ โดยจัดเตรียมไว้สำหรับใส่หมฺรับ และสำหรับนำไปมอบให้ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ
ขนม ๕ อย่างที่ขาดไม่ได้ในประเพณีสารทเดือนสิบ ประกอบด้วย
ขนมพอง เป็นสัญลักษณ์แทน เรือ แพ ที่บรรพบุรุษใช้ข้ามมาจากโลกหลังความตาย
ขนมลา สัญลักษณ์แทนความหมายของ แพรพรรณ เครื่องนุ่งห่ม
ขนมบ้า สัญลักษณ์แทนความหมายของ ลูกสะบ้า สำหรับใช้เล่นต้อนรับวันสงกรานต์
ขนมดีซำ สัญลักษณ์แทนความหมายของ เงิน เบี้ย สำหรับใช้สอย
ขนมกง หรือ ขนมไข่ปลา สัญลักษณ์แทนความหมายของ เครื่องประดับ
๒. การฉลองหมฺรับและการบังสุกุล
วันแรม ๑๕ ค่ำ ซึ่งเป็นวันสารทเรียกว่า วันหลองหมฺรับ มีการทำบุญเลี้ยงพระและบังสุุกุล การทำบุญวันนี้เป็นการส่งบรรพบุรุษและญาติพี่น้องให้กลับไปยังโลกแห่งความตาย
๓. การตั้งเปรตและการชิงเปรต
เสร็จจากการฉลองหมฺรับและถวายภัตตาหารแล้ว ก็จะนำขนมบางส่วนไปวางไว้ตามบริเวณวัด กำแพงวัด หรือโคนต้นไม้ เรียกว่า ตั้งเปรต เพื่อแผ่ส่วนกุศล ให้เป็นทานแก่ผู้ล่วงลับที่ไม่มีญาติหรือญาติไม่ได้มาร่วมทำบุญได้
บางวัดนิยมสร้างร้านขึ้นเพื่อสะดวกแก่การตั้งเปรต เรียกว่า หลาเปรต หรือ ศาลาเปรต เมื่อตั้งขนม ผลไม้ และและเงินทำบุญเสร็จแล้ว ก็จะนำสายสิญจน์ที่ได้บังสุกุลแล้ว มาผูกเพื่อแผ่ส่วนกุศลด้วย
การชิงเปรต จะเริ่มหลังการตั้งเปรต ทั้งผู้ใหญ่และเด็กจะวิ่งกันเข้าไปแย่งขนมกันอย่างคึกคัก เพราะความเชื่อว่า ของที่เหลือจากการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ หากได้ไปกินก็จะได้กุศลแรงเป็นสิริมงคล
วัดบางแห่งสร้างหลาเปรตไว้สูง โดยมีเสาเพียงเสาเดียวที่เกลาจนลื่นและชโลมด้วยน้ำมัน ถือว่าเป็นประเพณีที่สร้างความสนุกสนานเป็นอย่างยิ่ง
ที่มาประเพณีไทย ประเพณีชิงเปรต : http://region7.prd.go.th
https://thethaiger.com/th/news/667505/