04 มีนาคม, 2567

พิธีโกนผมไฟ

พิธีโกนผมไฟ
ความเป็นมาของพิธีโกนผมไฟ โกนผมไฟ หรือ พิธีทำขวัญเดือน เป็นพิธีโบราณ คนส่วนใหญ่มีความเชื่อกันว่า ผมของเด็กที่ติดมากับครรภ์มารดานั้น ไม่ค่อยสะอาดนัก จึงต้องโกนทิ้งเพื่อให้ผมขึ้นมาใหม่ แต่จะโกนเมื่อแรกคลอดเลยนั้นก็ไม่สะดวก เนื่องจากยังต้องวุ่นอยู่กับการเลี้ยงดูและจัดหาข้าวของเครื่องใช้ ตัวมารดาเองเพิ่งคลอดบุตรยังไม่ค่อยแข็งแรงนักอีกสาเหตุหนึ่งคือเด็กที่คลอดใหม่ๆ กะโหลกศีรษะยังบอบบาง แม้เมื่อมีอายุครบ ๑ เดือนแล้วก็ยังไม่ค่อยแข็งเท่าไรนัก การทำพิธีโกนผมไฟจึงควรระมัดระวัง และให้ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญโกนผมให้ จะดีกว่าทำกันเอง หรือบ้างก็กล่าวว่า เมื่อทารก คลอดจาก ครรภ์มารดา ครบ 1 เดือน ถือว่าพ้นเขต อันตราย กลายเป็น "ลูกคน" แน่นอน หากโกนผมไฟช้า เชื่อกันว่า จะทำให้เด็กดื้อ ดังนั้นเมื่อครบ 1 เดือน กับ 1 วัน จึงจัดให้มีการทำขวัญ ตั้งชื่อ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ เด็ก ส่วนพิธีโกนผมไฟ จะใหญ่โตมโหฬารอย่างไรนั้น ก็สุดแต่กำลังทรัพย์ ของบิดามารดา หรือ วงศาคณาญาติ การรับขวัญเดือนนั้น บางท้องถิ่นก็มีนิยมนำลูกฟักเขียว สร้อยคอทองคำ กำไลข้อมือข้อเท้า ข้าวสาร น้ำสะอาด มาไว้ใกล้ ๆ เด็กด้วยเพื่อให้เลี้ยงง่ายเชื่อกันว่าฟักนั้นเนื้อเย็นเมื่อเด็กเนื้อเย็นก็จะไม่เจ็บป่วยไข้ง่าย ๆ ที่เหลือก็เป็นเครื่องประดับก็หมายถึงให้พรั่งพร้อมในชีวิตนั่นเอง สมัยก่อน หลักของการโกนผมไฟ ก็คือ นิมนต์พระสงฆ์เจริญ พระพุทธมนต์ เชิญผู้ใหญ่ในพิธี หลั่งน้ำมนต์ ด้วยสังข์ที่ศีรษะเด็ก ระหว่างนั้น พระสงฆ์สวดชะยันโต ปี่พาทย์บรรเลงเพลงอวยชัย จากนั้นมอบเด็ก ให้ผู้อื่น โกนผมไฟต่อ พอเสร็จพิธีโกนผมไฟแล้ว จะมีพิธีเอาเด็กลงอู่สู่เปล ผมไฟ คือผมของเด็กแรกเกิดที่มีมาตั้งแต่อยู่ในท้อง ในการ โกนผมไฟ จะนิยมไปหาพระอาจารย์ที่วัด เพื่อหาฤกษ์ที่นิยมทำกันคือ เดือน 4 – 6 และเดือน 12 ตามความเชื่อของคุณพ่อ คุณแม่ในสมัยก่อน เชื่อว่าจะเป็นมงคลแก่ลูก และครอบครัว โดยมีหลักเกณฑ์ สิ่งที่ต้องเตรียม และพิธีดังนี้ หลักเกณฑ์ในการโกนผมไฟ 1.ถ้าคนในครอบครัวถึงแก่ความตายในปีนั้นจะโกนไม่ได้ ปีถัดไปค่อยดูกันใหม่ 2.ในครอบครัว ถ้าลูกไม่ได้โกนผมไฟ แล้วท้องขึ้นมาอีก ต้องรอจนกว่าจะคลอด และโกนผมไฟพร้อมกัน 3.โกนผมไฟเมื่อไหร่ก็ได้ หรือโกนในวันทำบุญ ไหว้บรรพบุรุษก็ดี 4.ถ้ายังไม่สามารถโกนผมไฟได้ ให้พ่อแม่เก็บรักษาผมเอาไว้ ปล่อยให้ยาว จะมัดจุกหรือถักเปียก็ตามใจ ห้ามโกนทิ้งไปเฉยๆ ถ้ายังไม่ถึงเวลา เพราะตามความเชื่อถือว่าจะเป็นอัปมงคลแก่เด็ก และครอบครัว สิ่งที่ต้องเตรียมการโกนผมไฟ 1.หาฤกษ์ โดยให้พระอาจารย์คำนวณหาวันให้ 2.นิมนต์พระจำนวน 5 รูป หรือ 8 รูป ตามศรัทธา 3.เชิญญาติมิตร 4.จัดหาเครื่องใช้ในพิธีโกนผมไฟ คือ หม้อทะนน 2 ใบ, ขมิ้น, ป่อย, กระแจะ, น้ำอบ, มีดพร้า, ขวานถาก และเสียม ถ้าโกนผมเด็ก 2 คนก็ให้เพิ่มจำนวน และเตรียมสำหรับแมวอีก 1 ที่ด้วย 5.จัดหาเครื่องสังเวยสู่ขวัญเด็ก อย่างละ 3 ที่ ถ้าเด็ก 2 คน เพิ่มอีก 1 เท่า มีดังนี้ -กล้วยสุก 3 หวี แบ่งใส่จาน 3 ใบ -มะพร้าวอ่อน 3 ผล แบ่งใส่จาน 3 ใบ -หมากพลู 3 จานๆ ละ 3 พลูซ้อนกัน หมากวางตรงกลาง -ขนม ข้าวสุก ข้าวเหนียว 3 จาน วางข้าวสุกก่อน วางข้าวเหนียวบน วางขนมไว้บนสุด (ขนมจำพวกรูปกุ้ง ปู ปลา) และปักเทียนจานละ 1 เล่ม -สำรับกับข้าว 3 สำรับๆ ละ 7 ถ้วย แกงที่ต้องมีคือ แกงฟักเขียว แกงฟักทอง แกงขี้เหล็ก แกงลูกชิ้นปลา และแกงอย่างอื่นอีก 3 อย่าง ให้ครบ 7 อย่างเป็นใช้ได้ -น้ำบริสุทธิ์ 1 ขัน -ทำไม้คันเบ็ด ลักษณะคล้ายไม้เรียวปลายผูกเชือก ปลายเชือกผูกแหวนทอง มีหัวพลอยหรือเพชรห้อยไว้ -เครื่องบูชาขวัญ หมอขวัญ (บูชาครู)1 พาน ประกอบด้วย ธูป เทียน ดอกไม้ และเงิน 12 บาท -ปลาย่าง ตัวขนาดพอประมาณ 3 ตัว วางบนจานขนมทั้ง 3 จานๆ ละ 1 ตัว การโกนผมไฟทำได้ 2 แบบ โดยพิจารณาตามฐานะของแต่ละครอบครัว 1. แบบประหยัด เป็นพิธีง่ายๆ ระหว่างเครือญาติใกล้ชิด และหมอตำแย (คนทำคลอด) เมื่อได้ฤกษ์ดีแล้ว จัดหาเสื่อหรือลำแพน ปูที่ลานหน้าบ้าน ตั้งหม้อทะนนใบใหญ่ 2 ใบบนเสื่อ ใบแรกบรรจุน้ำใสบริสุทธิ์ และจัดหามีดพร้า ขวานถาก เสียม วางรวมกันไว้ข้างๆ หม้อน้ำ นอกจากนี้ มีกระบวยตักน้ำ พานที่ตั้งน้ำอบและกระแจะ เมื่อพร้อมแล้ว ลงมือโกนผมไฟเด็ก เมื่อโกนเสร็จแล้ว พ่อแม่ตักน้ำใส่หม้อใบแรก (น้ำผสม ขมิ้น ใบส้มปล่อย และกระแจะ) รดหัวลูกจนทั่วตัว แล้วค่อยตักน้ำบริสุทธิ์ในหม้อใบที่ 2 อาบชำระล้างให้สะอาด แล้วทาตัวเด็กด้วยแป้งกระแจะและน้ำอบ เป็นอันเสร็จพิธี จากนั้นแม่ของเด็กต้องตักน้ำจากหม้อใบแรก และใบที่ 2 รดให้พ่อของเด็ก ที่ฝ่ามือทั้งสอง พร้อมทั้งทาแป้งกระแจะ น้ำอบ ต่อมารดหมอตำแย และญาติผู้ใหญ่ โดยต้องรดให้ราดลงบนกองมีด พร้า ขวานถาก และเสียม ทุกครั้งจนเสร็จพิธี 2. แบบงานใหญ่ เมื่อได้วันฤกษ์ดีแล้ว เชิญญาติมิตรมาร่วมงาน และช่วยกันเตรียมของกินของใช้ ในวันงาน ตั้งแต่วันสุกดิบ (วันสุกดิบ คือ วันก่อนวันพิธีโกนผมไฟ 1 วัน ส่วนวันพิธีโกนผมไฟ เรียกว่า วันงาน) ในวันก่อนที่พระสงฆ์จะมาถึงบ้าน ต้องจัดปูเสื่อ หรือลำแพนที่ลานหน้าบ้าน และเตรียมของใช้ เช่นเดียวกัประหยัดให้พร้อม จากนั้นเริ่มพิธี พ่อแม่เด็กต้องนั่งในพิธี พระภิกษุสงฆ์เจริญพุทธมนต์ ในวงสายสิญจน์จนจบ จากนั้นพ่อแม่นำตัวเด็กเข้าไปให้พระสงฆ์องค์ประธานตัดผม และพระสงฆ์ทั้งหลาย เจริญชยันโตพร้อมกันจนกว่าจะเสร็จพิธี เมื่อเสร็จพิธีแล้ว พ่อแม่และญาติถวายภัตตาหาร แด่พระภิกษุต่อไป ที่สำคัญการโกนผมไฟนี้ ต้องโกนก่อนเวลาเที่ยงวันเสมอ ในระหว่างที่พระภิกษุกำลังฉันภัตตาหารอยู่นั้น หมอขวัญจะเริ่มทำการสู่ขวัญเด็ก ในสถานที่ที่เตรียมไว้ และเครื่องสังเวยสู่ขวัญเด็กที่เตรียมไว้ หมอขวัญเริ่มพิธี โดยให้เด็กถือแหวนที่ผูกเชือกไว้ที่ปลายคันเบ็ด แหวนที่หัวพลอยหรือเพชรนั้นไว้ แล้วสวดเรียกขวัญ พอจบตอนหนึ่ง ก็ทำพิธีตกเบ็ดเครื่องสังเวยนั้นครั้งหนึ่ง จนครบ 7 ครั้ง ในครั้งสุดท้าย หมอขวัญจะร้อง โห่ โฮ ฮิ้ว บรรดาญาติทั้งหลายจะขานรับพร้อมกัน ด้วยคำว่า สาธุ 3 ครั้ง เป็นอันเสร็จพิธีสู่ขวัญเด็ก และบรรดาญาติทั้งหลาย จะมอบสิ่งของหรือเงินทองเครื่องเซ่น ของกินของใช้ต่างๆ แก่เด็ก เป็นการรับขวัญด้วย เมื่อพระภิกษุฉันเสร็จ พ่อแม่และญาติทั้งหลายกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแก่เด็ก บรรพบุรุษและสัตว์ทั้งหลาย เจ้ากรรม นายเวร เป็นอันเสร็จพิธีโกนผมตามประเพณี หลังจากนั้น เจ้าภาพเลี้ยงอาหารแก่บรรดาญาติ ที่มาร่วมงานแล้วแยกย้ายกลับบ้าน แต่ในปัจจุบัน พิธีรีตองเหล่านี้นับวันยิ่งหายากเต็มที เพราะไม่ว่าด้วยสาเหตุของเวลาที่จำกัด บวกกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนใหญ่เลยโกนผมไฟกันเอง ซึ่งจะง่ายขึ้นถ้าโกนในช่วงที่เด็กกำลังหลับอยู่ อุปกรณ์ในการโกนผมไฟนั้นมี ใบมีดโกน กรรไกร หวี ใบบอน หรือ ใบบัว 1 ใบ (ไว้ลองเส้นผม) และดอกอัญชัน กานพลู ตามธรรมเนียมปฏิบัติ เมื่อโกนผมเสร็จแล้ว เส้นผมที่ไว้บนใบบอน หรือใบบัว ผู้ใหญ่จะเอาไปลอยน้ำ หรือไว้ในต้นไม้ที่สูง โดยที่เก็บส่วนหนึ่งใส่กล่องไว้พอเป็นพิธี แล้วไปวางในเตียงของเด็ก หรือไว้ใกล้ตัวเด็ก เพราะโบราณเชื่อกันว่า เด็กจะไม่งอแง ถ้ามีเส้นผมของเขาอยู่ใกล้ตัว คล้ายว่าเด็กจะหวงของ ๆเขามาก แต่ไม่สามารถสื่อสารกับเราได้ ขั้นตอนสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ นำดอกอัญชัน โดยขยี้ให้สีของดอกไม้ออกมา แล้วนำมาทาที่ศีรษะของเด็ก เพื่อที่ว่าผมที่ขึ้นใหม่จะได้ดกดำมากกว่าเดิม นอกจากโกนผมไฟแล้ว คิ้วของเด็กก็ต้องโกนด้วยเช่นกัน ดังนั้น คนโบราณจึงนิยมนำ ก้านพลูมาเขียนคิ้วเพื่อให้คิ้วที่ขึ้นมาสวยงามได้รูป
ที่มา http://www.manager.co.th/Family/ViewNews. aspx?NewsID=9510000094504 คณะราชครู ประเพณีและพิธีสำคัญของไทย กรุงเทพมหานคร เสริมวิทย์บรรณาคาร, 2516 : theluckyname.com, mahamongkol.com, maerakluke.com, thaichildcare.com, dooroek.com