20 มิถุนายน, 2567

จักสานย่านลิเภา

“จักสานย่านลิเภา” เป็นงานหัตถกรรมจักสานประเภทหนึ่งที่สานหรือถักด้วย “ย่านลิเภา”ย่านลิเภา หรือ ลิเภา เป็นพืชตระกูลเฟิร์น หรือ เถาวัลย์ชนิดหนึ่ง เป็นเฟิร์นที่ทอดเลื้อยพาดพันกับต้นไม้อื่นยาวได้หลายเมตร บางชนิดเลื้อยปีนป่ายไปได้ยาวถึง 5 เมตร แต่โดยทั่วไปยาวราว 1–2 เมตร กระจายพันธุ์อยู่ในป่าละเมาะ ดิบชื้น ในเขตร้อนและกึ่งร้อนทั่วโลก จำนวนลิเภาที่ค้นพบในโลกมีอยู่ประมาณ 34 ชนิด ส่วนในประเทศไทยมีการค้นพบอยู่ประมาณ 7 ชนิด พบมากในป่าภาคใต้ของไทย (ภาษาท้องถิ่นภาคใต้เรียกเถาไม้เลื้อยว่า “ย่าน”) ลำต้นเมื่อแก่จะมีสีดำและเป็นมัน แหล่งที่พบย่านลิเภามาก เช่น ที่จังหวัด นครศรีธรรมราช สตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ย่านลิเภา ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่ยอดเยี่ยม ด้วยเพราะว่าเป็นพืชที่มีลักษณะพิเศษ นั่นคือมีความเหนียวทนรวมถึง มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถคงทนอยู่ได้นับเป็นร้อยปีโดยที่จะไม่มีตัวแมลงมากัดกินเลย บรรพบุรุษไทยในอดีตจึง นำมาสานเป็นภาชนะข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านต่าง ๆ หลายชนิดเช่น เชี่ยนหมาก พาน กระเป๋าถือ กระเป๋าหมาก หมวก กล่องใส่ยาเส้น ปั้นชา ขันดอกไม้ธูปเทียน เป็นต้น เส้นลิเภาเมื่อนำมาจักสานขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ จึงยิ่งทำให้ชิ้นงานดูแปลกตา มีความ เป็นเอกลักษณ์แตกต่างออกไปจากชิ้นงานจักสานประเภทอื่นผลิตภัณฑ์ย่านลิเภา เป็นงานหัตถกรรมเครื่องจักสาน พื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์พิเศษของภาคใต้เป็นงานสืบทอดจากบรรพบุรุษหลายร้อยปีมาแล้ว สันนิษฐานว่าเริ่มทำกันมาตั้งแต่ สมัยกรุงศรีอยุธยา ถือเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านตั้งแต่สมัยเจ้าพระยานครศรีธรรมราช ที่นิยมทำกันมากในสำนักของ เจ้าพระยาเมืองนครศรีธรรมราชกล่าวกันว่า เจ้าเมืองนครได้เคยนำถวายเจ้านายในกรุงเทพมหานคร แต่ยังไม่เป็นที่แพร่หลายนักจนกระทั่ง ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ครั้งที่ดำรงตำแหน่งพระยาสุขุมนัยวิปัตสมุนเทศาภิบาลมณฑลนครศรีธรรมราชได้ฟื้นฟูส่งเสริม จนงานจักสานย่านลิเภาเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ชนชั้นสูงในกรุงเทพมหานคร และได้รับความนิยมมากในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยเพราะมีเจ้านายฝ่ายในและขุนนางชอบสั่งทำกระเป๋าย่านลิเภาจากนครศรีธรรมราชกันมาก ในสมัยโบราณนั้นภาชนะที่ชาวนครโบราณทำด้วย ย่านลิเภานั้น มีตั้งแต่กระเซอ กล่องยาเส้น พานเชี่ยนหมาก ปั้นชา กล่อง ขันดอกไม้ธูปเทียน และเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของชาวบ้าน แต่ปัจจุบัน มีการนำย่านลิเภามาทำเป็น ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ เหมาะสมที่จะใช้งานตามยุคสมัย เพื่อใช้สอยในชีวิตประจำวัน เช่น กระเป๋า และเครื่องใช้ต่าง ๆ มีการพัฒนารูปแบบทำเป็นกระเป๋าถือ หรือกระเป๋าถือที่ประกอบถมเงินหรือถมทอง จนกลายเป็นสินค้าหัตถกรรมที่เชิดหน้าชูตาอย่างหนึ่งของชาวนครศรีธรรมราชมาจนถึงในปัจจุบันนี้จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็น แหล่งผลิตงานหัตถกรรม “จักสานย่านลิเภา” ที่มีชื่อเสียง มีกลุ่มคนมีทักษะฝีมือในการทำงานจักสานย่านลิเภาอยู่มาก จึงมีกลุ่มจักสานย่านลิเภาเกิดขึ้นในจังหวัดนครศรีธรรมราชหลากหลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ล้วนสร้างสรรค์ผลงานจักสาน ย่านลิเภา ที่มีเอกลักษณ์และความงดงาม โดดเด่นเฉพาะกลุ่มกันไป จนทำให้เครื่องจักสานย่านลิเภา ถือเป็นงานฝีมือชั้น เยี่ยมของชาวภาคใต้ที่ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช มีความภาคภูมิใจไม่แพ้งานเครื่องถมเมืองนครเช่นเดียวกัน เพราะ ความโดดเด่นนี้เองทำให้งานจักสานย่านลิเภา กลายเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นงานหัตถกรรม ที่สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้แก่ชาวบ้าน รวมทั้งยังส่งผลให้เศรษฐกิจของภูมิภาคดีขึ้นอีกด้วย การสร้างชิ้นงานด้านหัตถกรรมจักสานนั้นจะต้องใช้ความประณีต ความละเอียดอ่อน และ ความอดทนเป็นอย่างมาก ในขั้นตอนการสาน เนื่องจากต้องค่อย ๆ ถักทอ เรียงร้อยเส้นย่านลิเภาทีละเส้น ๆ แม้จะใช้เวลาค่อนข้างนานในการสร้างสรรค์ ผลงาน แต่ก็ได้ผลงานที่มีเอกลักษณ์คงความเป็นงานหัตถกรรมได้อย่างน่าสนใจ ประกอบกับปัจจุบันมีการสร้างสรรค์ขึ้นรูปงานจักสานย่านลิเภาเป็นรูปทรงต่าง ๆ ผสมผสานกับเครื่องถมเมืองนคร ทั้งถมเงิน และถมทองมีลวดลายที่วิจิตรงดงามทำให้ ผลงานยิ่งมีคุณค่า มีค่ามีราคามากยิ่งขึ้นเอกลักษณ์ของการใช้ย่านลิเภาในสมัยก่อนนั้นมีการนำย่านลิเภาไปใช้เป็นของใช้ประเภทต่าง ๆ เช่น ถาดใส่ผลไม้ถาดสำหรับใส่อาหารไปวัด นำมาเป็นกล่องสำหรับใส่ยาเส้นหรือทำเป็นเชี่ยนหมากเก็บเอาไว้ใช้ในบ้าน เป็นต้นการเลือกย่านลิเภาสำหรับใช้จักสานนั้นเป็นเอกลักษณ์ทีสำคัญอีกประการหนึ่ง โดยย่านลิเภาส�ำหรับใช้ในงานจักสานนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือ 1. ย่านลิเภาดำ มีลักษณะเส้นที่สั้นและมีสีค่อนข้างดำ 2. ย่านลิเภาน้ำตาล มีลักษณะเส้นที่ยาว การเลือกเส้นย่านลิเภาให้มีความเหมาะสมสำหรับทำงานจักสานนั้นต้องมีความเหนียวและทน ด้านในควรมีสีน้ำตาลเข้ม ด้านนอกมีสีที่เขียวเข้ม ส่วนลิเภาอ่อนนั้นจะไม่นำมาใช้ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นน้อย เมื่อดึงเส้นลิเภาในขั้นตอนการถักหรือสานจะขาดและสีไม่สวย ทักษะเชิงช่างที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการทำผลิตภัณฑ์ย่านลิเภา คือ การขึ้นรูปโครงหวายให้ได้ขนาดตามรูปทรงที่ได้มีการออกแบบไว้ และต้องมีความพิถีพิถันในกรรมวิธีการเลียดเส้นหวาย และเส้นลิเภา เพื่อให้มีขนาดเล็กที่สุด เมื่อนำไปสานหรือถักแล้วรอยต่อของเส้นลิเภาที่สานจะมีความกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันถึงจะได้ชิ้นงานที่มีความสวยงาม อีกหนึ่งเอกลักษณ์สำคัญนั่นก็คือการสร้างสรรค์ลวดลายงานหัตถกรรมแต่ละชิ้นจะมีคุณค่า หรือมูลค่ามากน้อยแตกต่างกัน ส่วนหนึ่งนั้นก็มาจากการสร้างลายบนตัวผลงานนั้น ๆ ด้วย ช่างผู้สร้างสรรค์ผลงานเองนอกจากจะพัฒนาฝีมือของตัวเองแล้ว ยังต้องหมั่นฝึกฝน และ ใช้ความคิดสร้างสรรค์ สร้างลวดลายการสานที่แปลกใหม่ เพื่อให้งานที่ได้ออกมานั้นดูมีความทันสมัย ลายที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันล้วนเป็นลายที่ถูกสร้างและพัฒนาขึ้นมาจากลวดลายในอดีต ได้แก่ ลายพิมพ์ทอง ลาย เม็ดแตง ลายมัดหมี่ ลายเม็ดมะยม ลายดาวกระจาย เป็นต้น เครื่องจักสานย่านลิเภา จัดว่าเป็นงานฝีมือชั้นเยี่ยมของชาวภาคใต้ โดยเฉพาะที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ถือเป็น แหล่งที่มีชื่อเสียง ในงานหัตถกรรมชนิดนี้มากที่สุด มีกำเนิดจากการจักสานย่านลิเภา เป็นข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้าน ที่มี เอกลักษณ์สืบทอดจากบรรพบุรุษหลายร้อยปี มีความรู้ความสามารถที่จะให้ย่านลิเภามาจักสานเป็นเครื่องใช้ต่างๆ ได้ มากมายหลายชนิด เช่น เชี่ยนหมาก พาน กระเป๋าหมากเป็นต้น นับเป็นความงดงามอย่างมีคุณค่า ยิ่งเมื่อผ่านการ จักสานอย่างประณีตด้วยความอุตสาหะและตั้งอกตั้งใจแล้วเครื่องจักสานย่านลิเภาจะทรงความงามทัดเทียมกับงาน ประณีตศิลป์ประเภทอื่นๆ ทีเดียว การจักสานย่านลิเภากลายเป็นที่รู้จักของคนเมืองหลวง เมื่อเจ้านายจากหัวเมืองใต้ นำ ขึ้นมาถวายในราชสำนักและเผยแพร่ในหมู่เจ้านาย มาตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แล้วแพร่หลายจากนครศรีธรรมราช เข้ามาในกรุงเทพฯ สมัยรัชกาลที่ 2 สืบเนื่องต่อกันมาและได้รับความนิยมมากในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเจ้านายฝ่ายในและ ขุนนางชอบสั่งทำกระเป๋าย่านลิเภาจากนครศรีธรรมราชกันมากศิลปะการประดิษฐ์ตกแต่งย่านลิเภาได้พัฒนาขึ้นในระดับสูง มีการตกแต่กระเป๋าหมากย่านลิเภาด้วยโลหะหรือวัสดุมีค่าเช่น ทองคำ นาก เงิน และ งาช้าง ต่อมาในปี พ.ศ. 2513 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการอนุรักษ์ และพัฒนางานจักสานย่านลิเภาให้เป็นอาชีพเสริมแก่ราษฏรในเขตภาคใต้ ทรงมีพระราชดำริให้สอนการสานย่านลิเภาใน โครงการศิลปาชีพ และได้ทรงแนะนำและพัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อย ๆ มีการพัฒนารูปแบบจนสวยงาม ทรงรับซื้อผลิตภัณฑ์ ย่านลิเภาให้มูลนิธิศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และนำออกจำหน่าย เป็นที่นิยมอย่างมากทั้งใน ระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับประเทศ นอกจากผลิตภัณฑ์จากย่านลิเภาจะแสดงให้เห็นถึงฝีมืออันประณีต และ สวยงาม ของช่างผู้สร้างงานแล้วนั้น ก็ยังสร้างความภูมิใจให้แก่ผู้ที่ได้ครอบครองอีกด้วย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงห่วงใยในการนำย่านลิเภามาเป็นวัตถุดิบในงานศิลปาชีพเป็นจำนวนมาก จึงพระราชทานพระราชดำริให้ราษฎรภาค ใต้ปลูกย่านลิเภาคืนธรรมชาติ เพื่ออนุรักษ์ย่านลิเภาไม่ให้สูญพันธุ์ เมื่อเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับที่ทักษิณราชนิเวศน์ เพื่อเยี่ยมราษฎร ก็เสด็จพระราชดำเนินไปทดอดพระเนตร พื้นที่ที่ย่านลิเภาขึ้นเองตามธรรมชาติ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 งานหัตถกรรมย่านลิเภาถูกพัฒนาจนกลายเป็นที่นิยม และเป็นที่ยอมรับในกลุ่มคนชั้นสูงเรื่อยมาย่านลิเภานั้นมีความคล้ายคลึงกับเถาวัลย์ จะมีความเหนียว ทนทาน และ มีอายุการใช้งานเป็นร้อยๆ ปี ดังเช่นการขุดพบเครื่องจักสานย่านลิเภาเป็นจำนวนมากในแถบเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งงานที่พบทุกชิ้นยังอยู่ในสภาพดี มีความคงทนมากกว่าการใช้ผักตบชวา หรือหวาย ย่านลิเภาเขา คล้ายกับต้นหวาย ลำต้นใหญ่ มักใช้มัดสิ่งของย่านลิเภาหยอง ใบหยิก ลำต้นเล็ก ไม่นิยมนำมาแปรรูป ย่านลิเภาที่ขึ้นอยู่ตามป่าละเมาะหรือชายป่า ลำต้นเรียวงาม เปลือกเหนียวมี 2 แบบ คือ ลำต้นสีดำ และลำต้นสีน้ำตาล โดยทั่วไปลำต้นสีน้ำตาลจะมีความยาวและลำต้นที่โตกว่า และจะมีคุณสมบัติที่เหนียวกว่า การปอก เพื่อเอาเปลือกมาทำย่านลิเภาการชักเลียด เพื่อให้ได้ขนาดย่านลิเภาที่เท่ากันการขูด เพื่อให้ย่านลิเภามีความมันและเหนียวการสาน นำไปขัดกับโครงเพื่อขึ้นลาย ลิเภา มี 2 ชนิด คือ สีน้ำตาลและสีดำลาน มีสีขาวใช้ประกอบในการทำลวดลายหวาย ใช้ประกอบเป็นหูหิ้วหรือขอบโครงไม้ไผ่ ใช้ทำซี่กระเป๋า ซึ่งจะใช้เป็นเส้นยึดให้เกิดลวดลายไม้เนื้ออ่อน ใช้ขึ้นรูปทรงกระเป๋าหรือผลิตภัณฑ์มีด ใช้ในการขูดเส้นลิเภาเพื่อให้ได้ตามความต้องการเหล็กแหลมหรือเข็ม ใช้เจาะรูที่โครงกระเป๋าเพื่อเสียบไม้ไผ่ และช่วยในการจัดลายแผ่นโลหะเจาะรู้ ใช้ในการขูดเกลาให้ย่านลิเภาและไม้ไผ่ที่ใช้ในการทำผลิตภัณฑ์ มีขนาดเท่ากันปลอกนิ้ว ทำด้วยผ้าหนาๆ ใช้สวมนิ้วเวลาขูดย่านลิเภากาวลาเท็กซ์ ใช้ทาส้นลิเภาให้ยึดติดกับโครงแบบที่จะทำหรือใช้ยึดส่วนประกอบของกระเป๋าน้ำยาเคลือบเงา ใช้ในการเคลือบเงาผลิตภัณฑ์ให้ลายเด่นชัดและคงทนมากขึ้น ขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ จักสาน ย่านลิเภาย่านลิเภาถูกนำมาดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบต่าง ๆด้วยคุณสมบัติของย่านลิเภาที่มีลำต้นเหนียว และทนทาน จึงนำมาสานเป็นภาชนะเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น กระเป๋าถือ เชี่ยนหมากกระเป๋าหนีบ หมวก ตะกร้า เป็นต้น ซึ่งกว่าเราจะได้ผลิตภัณฑ์จักสานย่านลิเภาแต่ละชิ้นนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย เพราะต้องใช้ความอดทน บวกกับทักษะฝีมือ ถือเป็นงานหัตถกรรมที่ยุ่งยากซับซ้อนไม่แพ้งานหัตถกรรมชนิดอื่น ๆ เลยโดยต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมย่านลิเภา ด้วยการนำเส้นย่านลิเภาใหญ่ ไปลอกหรือปอกเปลือกออก นำย่านลิเภามาผึ่งลมให้แห้ง ก่อนนำมาแบ่งด้วยวิธีการฉีกเป็นเส้น ตาม ขนาดที่จะใช้งาน ซึ่งลิเภาที่นำมาใช้จักสานเป็นผลิตภัณฑ์นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ ย่านลิเภาสีดำ และย่านลิเภาสีน้ำตาลเมื่อฉีกเสร็จแล้วนำไปแช่น้ำให้ชุ่ม และ นำกลับขึ้นมาฉีกให้เป็นฝอย ๆ จากนั้นเจาะรูฝากระป๋องนม หรือสังกะสีชนิดหนาเป็นต้น นำมาเจาะรูให้ได้ขนาดต่าง ๆ ตามที่ต้องการ ประมาณ5 รู ให้มีขนาดจากช่องใหญ่ไปยังช่องเล็กที่สุด นำย่านลิเภาที่ เป็นเส้นมารูดทีละช่องจนถึงช่องเล็กสุด ชักรูดไปมาจนกระทั่งได้เส้นบางตามต้องการ วิธีนี้เรียกว่า “การชักเลียด” จนกระทั่ง ได้เส้นจักตอกโตตามขนาดที่ต้องการ การเหลาเส้นจักตอกโดยวิธีชักเลียด จะทำให้ตอกมีขนาดเท่ากันตลอดทั้งเส้น ผิวตอก จะเรียบลื่นสวยงาม และสามารถทำได้ทีละมาก ๆ เพื่อความสะดวกในการนำไปใช้ และสามารถทำได้รวดเร็วด้วย การชัก เลียดนิยมใช้ทำเส้นจักตอกขนาดเล็กที่เหลาด้วยมีดพร้าได้ลำบาก วัสดุที่ใช้เหลาแบบชักเลียดจึงต้องอ่อนตัวและเหนียวทน เช่น หวาย คลุ้มและย่านลิเภา มิเช่นนั้นจะขาดได้ง่าย การจะให้ผลิตภัณฑ์ลิเภาประณีตสวยงามมากเพียงใด จึงต้องพิถีพิถัน ตั้งแต่ขั้นเตรียมวัสดุ ในส่วนของย่านลิเภาที่ยังไม่ได้ใช้ให้เก็บใส่ถุงพลาสติกแช่ตู้เย็นเอาไว้เพื่อกักเก็บความชื้น เมื่อนำออก มาใช้จะทำให้สานได้ง่ายกว่าเส้นลิเภาที่แห้ง เมื่อผ่านขั้นตอนแรกจะถึงขั้นตอนการดัดโครง สำหรับขั้นตอนการขึ้นโครงผลิตภัณฑ์จักสานย่านลิเภานี้ต้องเริ่มด้วย การสานส่วนฐานของผลิตภัณฑ์เป็นอันดับแรกด้วยวิธีการดัดให้เป็นรูปทรงที่ช่างต้องการ อาจเลือกรูปแบบการดัดหวาย เป็นรูปทรงกลม รูปทรงรี รูปทรงเหลี่ยม เป็นต้นส่วนการเลือกเส้นหวายสำหรับทำโครงนั้นจะต้องเลือก ตัดตามความยาวให้ได้ขนาดกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการทำ ต้องมีความพิถีพิถันในการตัดเลือกเส้นหวายให้ได้ขนาดแล้วจึงนำ มาชักเลียดหวายจนได้เป็นขนาดที่พอเหมาะสำหรับการสานเมื่อเลียดหวายเสร็จแล้วจึงนำมาตัดให้ได้ขนาดตามผลิตภัณฑ์ ที่ได้ออกแบบไว้ต่อไป จากนั้นจึงใช้เข็มเจาะนำที่หวายให้เป็นรูแล้วใช้ย่านลิเภาสอดตามเข้าไปเพื่อสานประกอบเป็นก้นของ ผลิตภัณฑ์โดยคำนึงถึงส่วนมุมโค้งของผลิตภัณฑ์ต้องสานย่านลิเภาให้มีความละเอียดเพิ่มมากขึ้น ขั้นตอนการสานลาย การสานย่านลิเภานั้นมีวิธีการสานอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ การสานแบบโปร่ง (หรือแบบ ขดขึ้นรูป) ต้องขึ้นโครงด้วยไม้ไผ่ หรือ ไม้เนื้ออ่อน สานเส้นลิเภาด้วยวิธีการขัดลายคล้ายกับวิธีการสานเสื่อ ส่วนอีกรูป แบบหนึ่งคือวิธีการสานแบบทึบ เริ่มสานจากก้นของภาชนะหรือเครื่องใช้นั้น โดยใช้หวายขดขึ้นรูปในการขึ้นโครงเป็น วงกลมแบบก้นหอย ในการสานจะต้องใช้เบ้าเป็นเครื่องกำหนดรูปทรง เวียนขึ้นไปตามเบ้าที่ใช้เป็นแบบ ตัวเบ้านิยม ทำด้วยไม้เนื้ออ่อน มีรูปทรงแตกต่างกัน เช่น ทรงกลม ทรงรีรูปไข่ ทรงสี่เหลี่ยม ทรงหกเหลี่ยม และทรงหลังเต่า หากช่าง ต้องการสานให้มีรูปทรงอย่างใด ก็ใช้เบ้ารูปทรงนั้นมาเป็นแบบแล้วสานขึ้นรูปตามเบ้านั้นแล้วใช้เข็มเจาะนำแล้วสานต่อเส้นลิเภาทีละเส้นด้วยวิธีการถักเส้นลิเภาซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่ยากต้องอาศัยความละเอียดของช่างในการถัก หากต้องการให้มีลายบนผลิตภัณฑ์ต้องใช้ย่านลิเภาสานสลับด้านกันเป็นลวดลายต่างๆ ซึ่งย่านลิเภามีสีที่ต่างกัน คือ ด้านในสีน้ำตาล ด้านนอกมีสีเขียวสามารถใช้ถักสลับกันได้ทั้ง 2 สี แล้วแต่จะให้เป็นลวดลายอย่างไร หรือ อาจใช้ใบลาน และ เส้นย่านลิเภาดำ สานแต่งเสริมในส่วนของการสร้างลวดลายได้เช่นกัน ลวดลายในผลิตภัณฑ์จักสานย่านลิเภา เช่น ลายดอกสี่เหลี่ยม ลายสองลายตาสับปะรด ลายลูกแก้ว ลายคชกริช ลายพิมพ์ทองลายเม็ดแตง ลายมัดหมี่ ลายเม็ดมะยม ลายดาวกระจายเป็นต้น ขั้นตอนการเคลือบชักเงา เมื่อสานย่านลิเภาขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ได้ตามต้องการแล้ว จะต้องขัดผิวด้วยกระดาษทราย และเก็บหรือแต่งส่วนที่ไม่ค่อยเรียบร้อยออกเสียก่อน จากนั้นจึงใช้น้ำยาเคลือบผิวหรือชักเงาทาเพื่อเคลือบรักษาเนื้อผิวของ ผลิตภัณฑ์จักสานจากย่านลิเภาให้มีความคงทนเพิ่มความมันวาวดูโดดเด่น (สมัยโบราณนิยมทาด้วยน้ำมันยางใสป้องกัน มอดและแมลงบางชนิดกัดกิน) ก่อนนำไปบุผ้า หรือประกอบเครื่องถมเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ชิ้นงานขั้นตอนการประดับตกแต่ง โดยเมื่อผ่านขั้นตอนการเคลือบชักเงาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเป็นขั้นตอนสุดท้ายด้วยการประดับตกแต่งด้วยการประดิษฐ์กรอบหรือขอบหุ้มด้วยถมเงิน และถมทองเพื่อให้ดูสวยงามและมีคุณค่าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกระเป๋าถือของสุภาพสตรี นิยมนำถมทองมาหุ้มประดับเป็นหูหิ้ว ซึ่งนับเป็นพัฒนาการอีกระดับหนึ่งของขั้นประดับตกแต่งผลิตภัณฑ์ย่านลิเภาวัตถุดิบในการผลิตงานจักสานย่านลิเภานั้น ย้อนไปเมื่อสมัย 20-30 ปี สามารถหาวัตถุดิบได้ตามท้องถิ่นแต่ในปัจจุบันนี้ย่านลิเภานั้นหายากขึ้น เนื่องจากย่านลิเภาเมื่อตัดไปแล้วต้องใช้เวลาประมาน 6 เดือนถึงจะสามารถตัดได้ใหม่ทำให้ย่านลิเภามีมูลค่าสูงส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มีมูลค่าที่สูงขึ้นราคาของย่านลิเภานั้นก็มีความแตกต่างกัน โดยย่านลิเภาสีน้ำตาลจะมีราคาสูงกว่าย่านลิเภาที่มีสีดำ เนื่องจากเส้นที่ได้มีความเล็ก และ สั้นกว่าเมื่อเข้าหน้าร้อนย่านลิเภาจะขาดแคลนต้องมีการหาซื้อและกักตุนเอาไว้ก่อน โดยต้องทำการเก็บรักษาย่านลิเภาไว้เป็นอย่างดี โดยจะต้องเก็บย่านลิเภาเอาไว้ในที่ร่ม ไม่โดนแดดจะทำให้ย่านลิเภามีสีที่สดและสวยงามอยู่เสมอ สีที่สวยของย่านลิเภานั้น สีด้านในนั้นจะต้องมีสีน้ำตาลเข้ม ส่วนด้านนอกจะต้องเป็นสีเขียวเข้ม เวลานำไปสานจะต้องสานสลับกันทั้งสองด้าน คือด้านนอกสีเขียว และ ด้านในสีน้ำตาล สานสลับกันไปแล้วแต่ว่าจะให้เป็นลวดลายแบบไหน งานหัตถกรรมจักสานย่านลิเภานอกจากจะงดงามด้วยลวดลายต่างๆ ของการจักสาน ที่ผู้จักสานได้ใช้ความคิด สร้างสรรค์ และ ฝีมืออันประณีตสร้างงานออกมาได้อย่างสวยงามแล้วนั้น ยังมีความงดงามจากสีผิวธรรมชาติของย่านลิเภา และสีผิวของตอกเส้นที่ทำจากไม้ไผ่ หรือไม้ลิงโร ทำให้เกิดสีที่สลับกันงดงาม ในบางชิ้นงานอาจมีการเสริมส่วนประกอบด้วย เครื่องถมเงินหรือเครื่องถมทอง เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า ความงาม และ คุณค่าของผลิตภัณฑ์จักสานย่านลิเภาให้สูงขึ้น ผู้ที่จะทำงานด้านหัตถกรรมนั้นสิ่งสำคัญเลยคือต้องมีใจรัก เพราะใน 1 วันจะสามารถผลิตชิ้นงานออกมาได้ไม่มาก แม้ต้นทุนจะน้อยแต่การสร้างงานต้องใช้ระยะเวลาในการทำมาก ตะกร้า 1 ใบ ใช้เวลาทำ 15-20 วันโดยประมาณ หาก เป็นกระเป๋าใบเล็กๆ ก็จะสามารถทำได้ประมาณ 2 ใบ รวมแล้วในระยะเวลา 1 เดือนสามารถผลิตงานได้ 1-2 ชิ้นเท่านั้น จะเห็นว่าการสร้างผลิตภัณฑ์นั้นค่อนข้างจะใช้เวลานาน แต่เมื่อเทียบกับมูลค่าที่ได้รับกลับมานั้นก็นับว่าคุ้มค่าต่อเวลาที่ เสียไปเป็นอย่างมากจากการสร้างงานที่มีเสน่ห์และทรงคุณค่า บวกกับความทนทานของย่านลิเภาถูกนำมาประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้นานาชนิดที่มีรูปทรง และลวดลายอันหลากหลาย ประกอบกับทักษะอันชำนาญของช่างหัตถกรรม ทางศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ(องค์กรมหาชน) จึงเห็นควรให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากย่านลิเภาให้มีความหลากหลาย เพื่อเป็นการขยายฐานผู้ใช้ไปสู่กลุ่มคนยุคใหม่ที่มีความนิยมในงานหัตถกรรมที่ดูหรูหราทันสมัยและ แสดงออกถึงความเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นไทย โดยเน้นในกลุ่มของผลิตภัณฑ์ประเภทกระเป๋าและเครื่องประดับเพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการแต่งกายในแนวสากลเมื่อเกิดความนิยม ทำให้เกิดการผลิตงานหัตถกรรมมากขึ้น แต่ด้วยจำนวนช่างฝีมือที่น้อยลงทำให้การสร้างงานนั้นไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ จึงได้มีการร่วมมือกันระหว่างสมาชิกผู้ผลิตเครื่องจักสานย่านลิเภาภายในชุมชน ก่อตั้งกลุ่ม สตรีสหกรณ์จักสานย่านลิเภาบ้านนาเคียน ในปี พ.ศ. 2534เพื่อเป็นการเสริมสร้างศักยภาพให้สมาชิกสามารถผลิตชิ้นงาน จักสานย่านลิเภาที่มีคุณค่าออกมาได้ ด้วยวิธีการจัดสรร และแบ่งหน้าที่ให้แก่สมาชิกแต่ละคนภายในกลุ่ม รวมทั้งการ ประสานงานกับช่างที่ทำเครื่องถม ช่างบุผ้า เกิดการเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายสร้างรายได้หมุนเวียนให้แก่สมาชิกภายในชุมชน เมื่อเกิดการสร้างงานที่มากขึ้น ตลาดการส่งออกก็มีการขยายฐานเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน สินค้าหัตถกรรมที่ขายใน ประเทศโดยทั่วไปจะมีหลายระดับคุณภาพ ความประณีตและราคาที่แตกต่างกัน เพื่อให้ผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มได้เกิดการ เลือกสรรตามวัตถุประสงค์ของการใช้สอย เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มนั้นไม่เหมือนกัน เช่น กลุ่ม ผู้บริโภคที่เป็นนักสะสม จะมีความต้องการงานหัตถกรรมที่มีความแปลกสวยงาม ฝีมือการผลิตที่ประณีต ในขณะที่กลุ่มผู้ บริโภคที่มีความต้องการจะซื้อเพื่อนำไปใช้สอย อาจจะต้องการชิ้นงานที่มีความคงทน แข็งแรง ความประณีตสวยงามน้อย กว่ากลุ่มนักสะสม โดยเน้นราคาที่ไม่สูงจนเกินไป ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติทั่วไปอาจจะไม่ค่อยพิถีพิถันเกี่ยวกับ ความประณีตและรูปแบบการผลิตมากนัก เพราะจุดประสงค์ในการซื้อผลิตภัณฑ์นั้นไปก็เพราะต้องการซื้อเพื่อเป็นของที่ ระลึกสำหรับการมาเยือนและเป็นของฝากแก่ผู้ใกล้ชิดแม้งานหัตถกรรมย่านลิเภาจะเป็นที่ต้องการของกลุ่มคนเป็นอย่างมาก เพราะลวดลายที่โดดเด่น แต่ก็มีกลุ่มคนอีกไม่น้อยที่ไม่สามารถเป็นเจ้าของงานจักสานย่านลิเภานี้ได้เนื่องจากผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นมีราคาปานกลาง และ ค่อนข้างสูง จึงได้มีการผลิตงานจักสานย่านลิเภาที่มีขนาดเล็กเพื่อจำหน่ายเป็นของที่ระลึก ในราคาย่อมเยางานหัตถกรรมจักสานย่านลิเภา เป็นการทำหัตถกรรมที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน หากแต่ไม่ได้มีการถ่ายทอด ความรู้นี้ให้กับคนรุ่นหลัง งานหัตถกรรมนี้ก็คงจะเลือนหายไปปัจจุบันได้เริ่มมีการถ่ายทอดความรู้การทำผลิตภัณฑ์จาก ย่านลิเภาให้แก่เยาวชนภายในท้องถิ่นเพื่อให้สืบทอดภูมิปัญญางานหัตถกรรมแขนงนี้ให้คงอยู่ และเป็นการปลูกฝังให้เด็กๆ รู้จักคุณค่าของงานหัตถกรรมไทย ที่โรงเรียนวัดถ้ำกุด ตำบลนาเคียนได้มีการสอนเด็กๆ ตั้งแต่ 10-15 ปี ได้เรียนรู้ขั้นตอน การจักสานย่านลิเภา จนสามารถผลิตขึ้นเป็นชิ้นงานจริงได้ความภาคภูมิใจของช่างผู้สร้างงานหัตถกรรมจักสานย่านลิเภา นั่นก็คือการได้สร้างงานจักสานย่านลิเภาออกมาได้อย่างสวยงาม มีคุณค่า และสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้ที่ได้ ครอบครอง รวมถึงการได้ถ่ายถอดความรู้ และฝีมือด้านการจักสานสู่รุ่นลูกหลาน สู่คนรุ่นหลังได้มีการรักษาและสืบสาน ต่อไป ให้งานหัตถศิลป์อันทรงคุณค่าของไทย อยู่คู่กับประเทศของเราไปอีกนานแสนนาน
แหล่งที่มาข้อมูล ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน)