10 มิถุนายน, 2567

ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช กับงานทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น

ความเป็นมาของศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช
สูจิบัตรพิธีเปิดศูนย์ศิลปวัฒนธรรม(ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม . 2537 ) เมื่อ 5 ตุลาคม 2537 ได้บันทึกความเป็นมาของศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มีสาระสำคัญโดยสรุปดังนี้ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม สถาบันราชภัฎนครศรีธรรมราช เป็นที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ “ศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช” มีกำเนิดตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2519 ในชื่อและฐานะบทบาทที่แตกต่างกันตามกาลเวลา นับเนื่องถึงวันนี้ศูนย์แห่งนี้มีประวัติและพัฒนาการอันยาวนานสมควรแก่การบันทึกจดจำไว้เป็นหลักฐานของสถาบัน สถาบันราชภัฏนครศรีธรรมราช หรือวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช มีฐานะเป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีหน้าที่ประการหนึ่งในมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พุทธศักราช 2518 คือทำนุบำรุงและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อ ทำหน้าที่เก็บรวบรวม ศึกษา ค้นคว้า และวิจัยศิลปวัฒนธรรมของนครศรีธรรมราช และดินแดนใกล้เคียงที่ได้รับอิทธิพลทางอารยธรรมและศิลปวัฒนธรรม ไปจากนครศรีธรรมราช ให้รวดเร็วและเป็นระบบอย่างที่สุด ก่อนที่หลักฐานและบุคคลจะสูญหายหรือล่วงลับไปตามกาลเวลา ก่อนจะมีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นเป็น”ศูนย์วัฒนธรรม” เป็นภารกิจของหมวดวิชาภาษาไทยผู้สอนวิชาคติชาวบ้าน หรือคติชนวิทยา ได้ถือเอาหลักสูตรและแนวทางการสอนวิชาดังกล่าว มาจัดกิจกรรมรวบรวมและค้นคว้าศิลปวัตถุ และเครื่องใช้ชาวบ้านภาคใต้ หรือนครศรีธรรมราช โดยให้นักศึกษาเป็นผู้จัดในคลังข้อมูลและนิทรรศการชั่วคราว ในห้องสมุดหมวดภาษาไทย ตั้งแต่พ.ศ. 2514 เป็นต้นมา เมื่อต้นปีงบประมาณ 2519 กองวัฒนธรรมกรมการศาสนาได้จัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งแก่วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช(ชื่อในสมัยนั้น) เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมเผยแพร่อนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นขึ้นวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช จึงจัดนิทรรศการเรื่อง “ชีวิตไทยปักษ์ใต้” ขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2519 ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารนครศรีธรรมราช จากการจัดนิทรรศการครั้งนี้ ได้ทำให้วิทยาลัยมีข้อมูลวัสดุอุปกรณ์และศิลปวัตถุหลายอย่าง ที่เหลือมา ประกอบกับกรมการศาสนา มีเป้าหมายจะก่อตั้งหน่วยประเคราะห์ขึ้นในภูมิภาคหลายจังหวัด ในการนี้กรมการศาสนา ได้เลือกจัดตั้งขึ้นที่วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราชแห่งนี้ด้วย เรียกว่า “หน่วยประเคราะห์ศูนย์ชุมนุมส่งเสริมวัฒนธรรมไทย วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช” จึงถือได้ว่าหน่วยประเคราะห์แห่งนี้เป็นหน่วยงานแรกของวิทยาลัย ที่ปฏิบัติภารกิจการ ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น อย่างเป็นหลักเป็นฐานโดยมีคณะกรรมการชุดแรกซึ่งมีจำนวน 13 คน เป็นผู้บริหารตามคำสั่งวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราชที่สี่ / 2520 ลงวันที่ 5 มกราคม 2520 คณะกรรมการชุดแรกได้ดำเนินงานกระทั่งปลายปีการศึกษา 2520 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่วิทยาลัยได้จัดตั้ง “ศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช” ขึ้นทำหน้าที่สืบต่อจากงานของหน่วยประเคราะห์ศูนย์ชุมนุมส่งเสริมวัฒนธรรมไทย วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช คณะกรรมการดำเนินงานของศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้วิทยาลัยครูนครนครศรีธรรมราชแห่งนี้มีสองคณะคือคณะกรรมการอำนวยการและคณะกรรมการดำเนินงาน คณะกรรมการอำนวยการ เป็นคณะกรรมการโดยตำแหน่ง ส่วนคณะกรรมการดำเนินงาน มาจากการเลือกตั้ง ของคณาจารย์ในวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช คณะกรรมการ “ศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช” ชุดแรกได้ดำเนินงานตามคำสั่งวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช ที่ 48 / 2521 สั่ง ณวั นที่ 9 กุมภาพันธ์ 2521 และได้รับมอบงานจากคณะกรรมการ หน่วยประเคราะห์ศูนย์ชุมนุมส่งเสริมวัฒนธรรมไทย วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2521 และได้ดำเนินงานมาจนกระทั่งถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2523 จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาวัฒนธรรมวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช” ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการลง วันที่ 20 พฤษภาคม 2523 ต่อมาชื่อ “ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาวัฒนธรรม วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช” เปลี่ยนเป็น “ศูนย์วัฒนธรรม วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช” และเปลี่ยนเป็น “ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช วิทยาลัยครูนครนครศรีธรรมราช “ ตามหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2524 ส่วนชื่อ” ศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช” ยังคงเดิมอยู่จนปัจจุบันนี้ดังนั้นชื่อทั้งสองคือ” ศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช และ ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช จึงเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตราบจนปัจจุบัน อาคารสำนักงานและพิพิธภัณฑ์ของศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ ระยะแรก ตั้งอยู่ที่อาคาร9 ชั้น2 และชั้น3 บริเวณวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช โดยได้กระทำพิธีเปิดป้ายอาคา รเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2522 โดยนายพะนอม แก้วกำเนิด เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติในขณะนั้นเป็นประธานในพิธีเปิด วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ คือ 1.เพื่อทำนุบำรุงศิลปะวัฒนะธรรมพื้นบ้านภาคใต้ 2. เพื่อเป็นศูนย์กลางในการศึกษาค้นคว้าวิจัยศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านภาคใต้ 3. เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานทางศิลปวัฒนธรรม กับกรมการฝึกหัดครูสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติศูนย์วัฒนธรรมระดับจังหวัดในภาคใต้และสถาบันมูลนิธิหรือหน่วยงานอื่นๆทั้งในประเทศและต่างประเทศซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่สอดคล้องกัน 4. เพื่อศึกษาค้นคว้าหาทางนำเอาเครื่องสื่อสารชาวบ้านมาใช้พัฒนาเยาวชนของชาติ และพัฒนาคุณภาพของชาวบ้านให้มีความมั่นคงทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และการดำรงความเป็นชาติ 5. เพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูศิลปะหัตถกรรมพื้นบ้านให้ชาวบ้านได้ใช้แรงงานแทนเครื่องจักร และใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นเพิ่มรายได้แก่ครอบครัวพร้อมกับการอนุรักษ์เอกลักษณ์ของศิลปะหัตถกรรมพื้นบ้านที่ดีงามให้คงอยู่ได้อย่างเหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงของสังคม 6. เพื่อศึกษาค้นคว้าวิจัยและจัดอบรมส่งเสริมจริยธรรมและค่านิยมที่เหมาะสมให้แก่เยาวชนในท้องถิ่นในส่วนที่เป็นทางรถและแก้ปัญหาอาชญากรรม 7. เพื่อส่งเสริมการประยุกต์ผลผลิตของชาวบ้านให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมที่ดีงามและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด 8. เพื่อขยายคลังข้อมูลทางวัฒนธรรมพื้นบ้านที่ดำเนินการอยู่ ให้สมบูรณ์และมีคุณภาพยิ่งขึ้น 9. เพื่อสนับสนุนกิจการส่งเสริมการท่องเที่ยวและให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศมีทัศนะที่ดีต่อวัฒนธรรมไทย 10. เพื่อส่งเสริมให้มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมทุกสาขาภายในสถานศึกษาและสังคมภายนอก 11. เพื่อศึกษาค้นคว้าวิจัยและจัดทำเอกสารหรือเผยแพร่วัฒนธรรมพื้นฐานภาคใต้ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยผ่านสื่อมวลชน 12. เพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูและส่งเสริมศิลปะวัฒนะวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ 13. เพื่อประสานงานกับแหล่งศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านให้มีการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดและแพร่ทางศิลปะวัฒนธรรม 14. เพื่อเป็นแหล่งให้ข้อมูลศิลปวัฒนธรรมที่ถูกต้องแก่ชุมชน 15. เพื่อดำเนินการและกระตุ้นให้ชุมชนในภาคใต้เห็นคุณค่าและสนใจที่จะศึกษาค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับภูมิภาคของตนมากยิ่งขึ้น 16. เพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนวิชาต่างๆในสถานศึกษาให้ผู้เรียนเข้าใจสภาพความเป็นจริงของสังคมของตนให้มากที่สุด จะได้นำความรู้นั้นไปช่วยพัฒนาสังคมให้ได้ผลอย่างแท้จริง 17. เพื่อส่งเสริมให้ศิลปินพื้นบ้านได้ถ่ายทอดความรู้ความสามารถแก่อนุชนและนำความสามารถไปแสดงให้ปรากฏเพื่อสังคมจะได้เห็นคุณค่า 18 เพื่อเตรียมการสำหรับการเปิดสอนหลักสูตรวัฒนธรรมไทยในวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราชในปีการศึกษา 2529 ภารกิจของศูนย์ศิลปวัฒนธรรมภาคใต้ 1. ศึกษาค้นคว้าและวิจัยงานด้านวัฒนธรรม 2. อนุรักษ์ส่งเสริมพัฒนาและเผยแพร่วัฒนธรรม 3. ส่งเสริมฟื้นฟูและเผยแพร่งานประเพณีท้องถิ่น 4. ฝึกอบรมวิทยากรและบุคลากรด้านวัฒนธรรม 5. จัดดำเนินการพิพิธภัณฑ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ข้อมูลทางวัฒนธรรมจากแหล่งต่างๆดังนี้คือ 1. จากผลงานของนักศึกษาที่เรียนวิชาภาษาไทยและรายวิชาอื่นๆบ้างเช่นคติชนวิทยา วรรณกรรมท้อง และการเขียนรายงานจากการค้นคว้าเป็นต้น 2 จากการปฎิบัติภาคสนามและการศึกษาค้นคว้าของครูอาจารย์ที่เป็นกรรมการศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ 3 จากวิทยากรและผู้สนับสนุนกิจกรรมทางวัฒนธรรมของศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ซึ่งมีระดับการศึกษาและหลายอาชีพ ข้อมูลทั้งสามแหล่งนี้ส่วนใหญ่ได้มาจาก “น้ำมิตร” ที่ได้มาด้วย”น้ำเงิน”มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น โครงการก่อสร้างอาคารถาวรของศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ สืบเนื่องจากการที่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(นายสัมพันธ์ ทองสมัคร) ได้มอบหมายให้ศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช ดำเนินการศึกษาค้นคว้าประวัติของท่านนายกรัฐมนตรี (พลเอกเปรม ติณสูลานนท์) ด้วยเห็นว่า พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่มีลักษณะเด่น เป็นผู้นำที่มีแนวความคิดเป็นประชาธิปไตย มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีความบริสุทธิ์ใจ บริหารประเทศด้วยนโยบายที่มุ่งประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง สามารถประสานความคิดและแนวปฏิบัติของกลุ่มชุมชนต่างๆในชาติได้เป็นอย่างดียิ่ง เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศประกอบกับที่ท่านเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ของชาวนครศรีธรรมราช เกียรติประวัติอันดีงามของท่าน จึงเป็นความภาคภูมิใจของชาวนครศรีธรรมราชด้วยส่วนหนึ่ง ศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ จึงได้รับสนองแนวความคิดของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(นายสัมพันธ์ ทองสมัคร) ศึกษาค้นคว้า ประวัติของ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี โดยเริ่มตั้งแต่ประวัติต้นตระกูลติณสูลานนท์ ประวัติชีวิตปฐมวัย ประวัติการศึกษา ประวัติการรับราชการทหาร และผลงานในระหว่างดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผลงานการศึกษาค้นคว้า ศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ ได้เผยแพร่งานที่ได้รับการศึกษาค้นคว้าไว้อย่างกว้างขวาง เช่นการตีพิมพ์ในสื่อมวลชน การจัดนิทรรศการ การจัดทำเทปโทรทัศน์ และการจัดพิมพ์หนังสือสองเล่มคือ “ ต้นตระกูลตินสูลานนท์” และ”เกิดถิ่นใต้” และได้นำไปสู่การจัดทำโครงการใหม่ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาจังหวัดนครศรีธรรมราช ในด้านต่างๆหลายโครงการ เช่นการจัดตั้งมูลนิธิ บึ้ง อ๊อด ติณสูลานนท์ การจัดตั้ง “หอจดหมายเหตุนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสุลานนท์ และโครงการต่างๆเหล่านี้ ได้รับการสนับสนุนด้วยดีทั้งจากภาคหน่วยงาน ราชการและเอกชนโดยการสนับสนุนของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(นายสัมพันธ์ ทองสมัคร) จากการดำเนินงานดังกล่าว ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้แจ้งให้ทราบว่าท่านนายกรัฐมนตรี (พลเอกเปรม ติณสูลานนท์) รู้สึกยินดีกับภารกิจทางด้านทำนุบำรุง ส่งเสริม ศิลปวัฒนธรรมของวิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช มากและนับเป็นภารกิจเด่น ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้สนใจทั้งในส่วนของรัฐบาลและเอกชนที่จะสนับสนุนส่งเสริมงานด้านนี้ ในระยะแรกเห็นสมควรขยายที่ทำการของศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ เพื่อให้สามารถเป็นอาคารถาวรซึ่งรองรับภารกิจที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกแห่งหนึ่ง ศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ ที่จะจัดขึ้นใหม่นี้ จะสร้างบริเวณสระน้ำของวิทยาลัย โดยจะปรับปรุงพื้นที่และภูมิทัศน์ให้มีลักษณะริมน้ำชายครอง คล้ายตำแหน่งที่ตั้งของต้นตระกูลของท่านนายกรัฐมนตรี ที่ตำบลท่าดีอำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ตัวอาคารประกอบด้วย อาคารสองหลัง ตั้งในบริเวณเดียวกันคือ 1. หลังแรก เป็นลักษณะเรือนไทยภาคใต้ที่มีอยู่ประมาณ 150 ถึง 200 ปีมาแล้วโดยโดยจำลองจากแบบบ้านของคุณปู่และบิดาของท่านนายกรัฐมนตรี ที่บ้านท่าใหญ่ ตำบลท่าดี อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งศูนย์วัฒนธรรมภาคใต้ ได้ศึกษาไว้แล้ว บ้านหลังนี้ใช้แสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวภาคใต้ ในรูปของทางพิพิธภัณฑ์ทางมนุษยวิทยา นิทรรศการชั่วคราว โดยปรับปรุงภูมิทัศน์อย่างเหมาะสม 2. หลังที่สอง เป็นลักษณะของอาคารที่ออกแบบขึ้นเป็นเฉพาะให้สอดคล้องและเหมาะสมกับอาคารหลังแรก ภายในและบริเวณอาคารหลังนี้ ประกอบด้วยห้องสำนักงาน ห้องผลิตสื่อ คลังข้อมูล ห้องบรรยาย(ขนาดขนาดความจุ 100 คน) โรงละครเปิด ห้องจำหน่ายของที่ระลึก และสื่อพิพิธภัณฑ์ทางมานุษยวิทยา เช่น ห้องหนังสือบุด ห้องประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ห้องบุคคลสำคัญในท้องถิ่น ห้องประเพณีประจำถิ่น ห้องเครื่องมือเครื่องใช้ชาว และห้องมหรสพพื้นบ้านเป็นต้น การก่อสร้าง หลังจากนั้นไม่นาน วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช ได้เสนอโครงการก่อสร้างอาคารถาวร ของศูนย์วัฒนธรรม ตามแนวทางข้างต้น ไปยังกรมการฝึกหัดครูเมื่อพ.ศ. 2530 ในที่สุดวิทยาลัยก็ได้รับคำยืนยันจากกรมเจ้าสังกัดว่าจะจัดสรรงบประมาณก่อสร้างอาคาร ในวงเงิน 6,000,000 บาท ขอให้วิทยาลัยเตรียมรายละเอียดของแบบรูปและรายการขั้นต้น เพื่อเป็นข้อมูลแก่กองพัฒนาอาคารสถานที่กรมการฝึกหัดครูซึ่งจะเป็นผู้ออกแบบอาคารดังกล่าวให้ ครั้งถึงวันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2531 ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นได้มาเป็นประธานวางศิลาฤกษ์อาคารหลังนี้ ท่ามกลางความปราบปลื้มของ อาจารย์ คนงาน นักศึกษา และประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชจำนวนมาก ในที่สุดกรมการฝึกหัดครูก็ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 16,000,000 บาท เพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์วัฒนธรรม โดยผูกพันสี่ปีคือ 2532 จำนวน 300,000 บาท ปี 2533 จำนวนสี่ล้านบาท ปี 2534 จำนวน 9,448,000 บาท และปี 2535 จำนวน 2,252,000 บาท กองพัฒนาอาคารสถานที่กรมการฝึกหัดครู โดยนายจุฬา พรรชนะแพทย์ ผู้อำนวยการกองได้ดำเนินการ จัดทำแบบรูปและรายงานการก่อสร้างอย่างเต็มความสามารถ โดยมีนายสุกวี ชัยบุตร เป็นสถาปนิก นายนิวัต นิภานันท์ เป็นวิศวกร นายคำนวน วาสนาเป็นสุข เป็นผู้เขียนแบบ และควบคุมงานก่อสร้าง ห้างหุ้นส่วนจำกัดหาดใหญ่ประมวลกิจ เป็นผู้ก่อสร้าง โดยมีนายวินัย เพชรช่วย นายวินิจ วรรณ ถนอม นายดำรงศรีใส นายอำพล สิริพันธ์ นายมงคล ทองขาว นายเทียนชัย เหวรารักษ์ และนายฉัตรชัย ศุกระกาญจน์ เป็นกรรมการตรวจการจ้าง เริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2533 แล้วเสร็จวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2536 ในปีงบประมาณ 2536 สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 9,982,500 บาท เพื่อจัดทำนิทรรศการถาวร นิทรรศการกลางแจ้ง ห้องประชุม และสื่อวัฒนธรรม ซึ่งได้จัดทำแล้วเสร็จและพร้อมจะประกอบพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 5 ตุลาคมพุทธศักราช 2537 ตรงกับวันพุธ วันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ปีจอ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดอาคารศูนย์ศิลปวัฒนธรรมแห่งนี้ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ศูนย์และสถาบันแห่งนี้สืบไปชั่ว นิรันดร์กาล ล่วงมาถึงเดือนมกราคมปีพ.ศ. 2538 มีพรบสถาบันราชภัฎพุทธศักราช 2538 สถาบันราชภัฎนครศรีธรรมราช ได้ประกาศแบ่งส่วนราชการใหม่ ให้ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม เปลี่ยนเป็นสำนักศิลปวัฒนธรรม ครั้นถึงเดือนมิถุนายนพ.ศ. 2547 มี พ.ร.บ. มหาวิทยาลัยราชภัฎพุทธศักราช 2547 มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช จึงแบ่งส่วนราชการใหม่ให้มีสถาบันวิจัยและพัฒนา เป็นหน่วยงานสนับสนุนวิชาการเทียบเท่าคณะ มีหน่วยงานเดิมรวมเข้าด้วยกันสามหน่วยงาน คือ สำนักวิจัยและบริการวิชาการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ และสำนักศิลปวัฒนธรรม ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม จึงเป็นหน่วยงานในสังกัดสถาบันวิจัยและพัฒนาและยังคงมีภารกิจสำคัญหลักคือทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม ตามพรบ มหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยราชภัฎพุทธศักราช 2547 อย่างแข่งขัน และมั่นคง ตลอดมาจวบจนการปัจจุบัน(พ.ศ. 2558) ที่มา : หนังสือบุดภาคใต้ : กรณีศึกษาหนังสือบุดในศูนย์ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ,รองศาสตราจารย์วิมล ดำศรี,2558