27 สิงหาคม, 2567
ชื่อบ้าน นามเมือง : ท่าหลา (ท่าศาลา)
ชื่อบ้าน นามเมือง : ท่าหลา (ท่าศาลา)
“โมคลานตั้งก่อน ทรัพยากรมากหลาย หาดทรายยาวรี หม้อดีบ้างยิง มิ่งเมืองมหาวิทยาลัย น้ำใสปลาสด งดงามน้ำใจ” คำขวัญอำเภอท่าศาลา
ท่าศาลาเป็นชุมชนเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช มีประวัติการสร้างบ้านสร้างเมืองมายาวนาน เคยเป็นชุมชนโบราณที่อายุกว่า 1,000 ปี โดยเฉพาะชุมชนโบราณที่ตำบลโมคลาน มีอายุเก่าแก่ ถึงกับมีคำกลอนบทหนึ่งที่บ่งบอกความเป็นชุมชนโบราณมานานว่า “ตั้งดินตั้งฟ้า ตั้งหญ้าเข็ดมอน โมคลานตั้งก่อน เมืองคอนตั้งหลัง”
ดินแดนนี้เป็นที่ตั้งของเมืองโบราณพลเมืองเป็นคนไทยเผ่าไทโย อำเภอท่าศาลา เดิมชื่ออำเภอกลาย มีการปกครองระบบหัวเมืองมาแต่ปลายสมัยอยุธยา ในสมัยรัชกาลที่ 2 อำเภอท่าศาลา แยกการปกครองออกเป็น 5 เมือง ได้แก่ เมืองไทยบุรี เมืองร่อนกะหรอ เมืองกลาย เมืองโคลาน เมืองนบพิตำ ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีการปฏิรูปการปกครองเป็นมณฑล มีนายเจริญ เป็นนายอำเภอคนแรก เมื่อ ร.ศ. 116-118 ที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่ริมทะเลบ้านปากน้ำท่าสูง ต่อมาได้ย้ายไปตั้งที่วัดชลธาราม (วัดเตาหม้อ) จนถึง พ.ศ. 2459 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งที่บ้านศาลาน้ำ และได้เปลี่ยนชื่อจากอำเภอกลาย เป็น อำเภอท่าศาลา
อำเภอท่าศาลามี 10 ตำบล ได้แก่ ท่าศาลา กลาย หัวตะพาน สระแก้ว ดอนตะโก โมคลาน ตลิ่งชัน โพธิ์ทอง ท่าขึ้น และไทยบุรี มีพื้นที่ 387.02 ตารางกิโลเมตร
ประวัติความเป็นมาอำเภอท่าศาลา
5,000 – 12,000 ปีมาแล้ว พบร่องรอยการอยู่อาศัยที่บ้านบางสาร (บ้านบางพานไทร) หมู่ที่ 3 ต.กลาย เช่น เครื่องมือหินขัด เศษภาชนะดินเผา เป็นต้น
4,000 – 5,000 ปีมาแล้ว พบร่องรอยการอยู่อาศัยของผู้คนบริเวณคลองกลาย หมู่ที่ 1 ต.สระแก้ว เช่น ขวานหิน เสียมหิน เป็นต้น
1,500 – 4,000 ปีมาแล้ว พบกลองมโหระทึกที่บ้านเราะ ในตำบลสระแก้ว
พ.ศ. 701 – 800 พบเหรียญเงินฟูนัน ที่ตำบลโมคลาน
พ.ศ. 1101- 1200 มีศิลาจารึกวัดมเหยงคณ์ (ลุ่มโหนด) ตำบลตลิ่งชัน
พ.ศ. 1192 สร้างเมืองโคลาน (ตั้งดินตั้งฟ้า ตั้งหญ้าเข็ดมอน โมคลานตั้งก่อน นครตั้งหลัง)
พ.ศ. 1193 สร้างวัดมเหยงคณ์ (ลุ่มโหนด) ตำบลตลิ่งชัน
พ.ศ. 2352 ตั้งอำเภอกลาย (สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) พ.ศ. 2495 เปลี่ยนชื่อจากอำเภอกลาย เป็นอำเภอท่าศาลา
ความเป็นมา : ชื่อตำบล
ท่าศาลา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ท่าหลา เพราะว่าแต่เดิมชาวบ้านได้สร้าง ศาลา ไว้ริมคลองสายเล็กๆ สายหนึ่งที่แยกออกมาจากคลองท่าสูง เพื่อเป็นที่พักร้อนและเป็นที่เทียบเรือ (จอดเรือ) ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนั้นว่า “หลาน้ำ” หรือ “ท่าหลา” ตรงกับภาษากลางว่า “ท่าศาลา”
กลาย เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นตามปรากฎการณ์ของธรรมชาติเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก พื้นที่บริเวณปากน้ำกลายเปลี่ยนแปลงตามความรุนแรงของกระแสน้ำที่ไหลและกัดเซาะตลิ่ง ทำให้บริเวณปากน้ำนั้นมีสภาพเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตามความรุนแรงของกระแสน้ำ ผู้คนจึงเรียนบริเวณนั้นว่า “กลาย” หมายถึง เปลี่ยนแปลงไป
หัวตะพาน เป็นชื่อตำบลที่เพี้ยนเสียงมาจากคำว่า “หัวพ่าน” เนื่องจากบริเวณดังกล่าว เป็นสนามรบระหว่าง ไทย-พม่า ในสงครามเก้าทัพ ทหารทั้งสองฝ่ายทั้งไทยและข้าศึก ถูกคมหอก คมดาบ หัวขาด เกลื่อนกลาดทั่วบริเวณนั้น คนในท้องถิ่นเรียนกว่า “หัวพ่าน” หมายถึงศรีษะเกลื่อนกลาด ระเกะระกะ และเรียกบริเวณนั้นว่า “หัวพ่าน” หรือ “บ้านหัวพ่าน” เมื่อมีการยกระดับ “บ้านหัวพ่าน” ขึ้นเป็นตำบล ก็เปลี่ยนชื่อจาก “หัวพ่าน” เป็น “หัวตะพาน”
สระแก้ว เป็นชื่อตำบลที่ตั้งชื่อตามสิ่งที่มีอยู่ในบริเวณนี้ คือมีสระน้ำขนาดใหญ่ อยู่บริเวณวัดสระแก้วในปัจจุบัน น้ำในสระใสเหมือนแก้วกระจก จึงเรียกพื้นที่บริเวณดังกล่าวว่า “สระแก้ว” อีกตำนานของชื่อ “สระแก้ว” คือ มีคนไปขุดดินเพื่อตกแต่งสระน้ำจะได้ใช้น้ำที่ดี ก็พบลูกแก้วสีเขียว กี่ลูกก็หาทราบไม่ ต่อมาจึงเรียกพื้นที่นี้ว่า สระแก้ว
ดอนตะโก เป็นชื่อตำบลที่มีประวัติยาวนานอีกตำบลหนึ่ง คำว่า ดอนตะโก มาจากคำว่า “ดอน” แปลว่าที่สูง น้ำไม่ท่วม และ “ตะโก” เป็นชื่อพืชประจำถิ่นชนิดหนึ่ง เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ผลเป็นพวงคล้ายลำใย ผลกินได้ ทั้งผลแก่และผลสุก รสเปรี้ยว เรียกว่า “โก” หรือ “ต้นโก” ภาษากลางเรียกว่า “ตะโก” ชาวบ้านเรียกที่ดอนที่มีต้นโก หรือต้นตะโกว่า “ดอนโก” หรือ “ดอนตะโก”
โมคลาน (โมก-คะ-ลาน) เป็นชื่อตำบลเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมายาวนานตำบลหนึ่ง คำว่าโมคลาน มาจากคำว่า “โมคัลลานะ” เจ้าชายจากลังกาที่มาสร้างเมือง โมคลาน อีกนัยหนึ่ง คนในท้องถิ่นเล่าว่าเป็นชื่อเรียกบ้านเรือนที่อยู่บนโคก (เนินดิน) ส่วนคำว่า ลาน หมายถึงลานดิน ที่ไม่มีต้นไม้ และยังหมายถึงชื่อไม้ชนิดหนึ่งลำต้นคล้ายต้นตาลโตนด ในอดีตในบริเวณนี้ มีจำนวนมาก คำว่า “โคกลาน” จึงมีความหมายว่า เนินดินที่เป็นลานหรือเนินดินที่มีต้นลาน ต่อมาคำว่า “โคกลาน” เพี้ยนเสียงเป็น “โมคลาน”
ตลิ่งชัน เป็นตำบลที่แยกมาจากตำบลกลาย บริเวณนี้มีคลองกลายไหลผ่าน ที่ตั้งของตำบลมีตลิ่งสูงชัน ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนี้ว่า “ตลิ่งชัน”
โพธิ์ทอง เป็นตำบลที่แยกจากตำบลหัวตะพาน ชื่อโพธิ์ทอง มาจากพื้นที่บริเวณนี้มีต้นโพธิ์ต้นใหญ่ ให้เงาร่มรื่น เมื่อแยกบริเวณนี้มาเป็นตำบล ก็ให้ชื่อว่าตำบล “โพธิ์ทอง”
ท่าขึ้น, ทางขึ้น ท่าขึ้น เป็นชื่อตำบลหนึ่งในอำเภอท่าศาลา เมื่อ พ.ศ. 2232-2249 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตรงกับรัชกาลพระเพทราช ทางกรุงศรีอยุธยา ยกกองทัพเรือ มาตีนครศรีธรรมราช และมาขึ้นบกที่บริเวณ “ทางขึ้น” (วัดทางขึ้น) ในปัจจุบัน ชาวบ้านเรียกว่า “ท่าขึ้น”
ไทยบุรี เป็นชื่อตำบลหนึ่งในอำเภอท่าศาลา เป็นพื้นที่การปกครองเรียกว่า “เมือง” 1 ใน 11 เมือง (ท่าทอง สมุย ปากพนัง ปรามบุรี อินทรคีรี ไชยมนตรี ฉลอง พิชัย ตรัง และ ไทยบุรี) ขึ้นกับหัวเมืองนครศรีธรรมราช ในสมัยเจ้าพระยานคร (น้อย) ยกทัพไปตีเมืองไทรบุรี และได้กวาดต้อนผู้คนชาวเมืองไทรบุรีมาขึ้นบกที่ “ท่าขึ้น” และให้ตั้งถิ่นฐานบริเวณชายทะเล และบางส่วนไปทุ่งลายสาย และอีกบางส่วนเข้ามาในเมืองนครศรีธรรมราช
ความเป็นมา : ชื่อหมู่บ้าน
บ้านหน้าทับ เมื่อ พ.ศ. 2328 เกิดสงคราม 9 ทัพ พม่ายกกองทัพข้ามเขาหลวง เข้าเขตท่าศาลาที่บ้านปากลง เจ้าพระยานคร (พัฒน์) วางแผนตั้งรับที่อำเภอท่าศาลา เป็นระยะๆ สนามรบที่สำคัญ คือ บ้านชุมโลง บ้านป่าโหลน บ้านหัวพาน (ตำบลหัวตะพานใจปัจจุบัน) ส่วนกองทัพสำคัญของเจ้าพระยานคร (พัฒน์) ตั้งที่บริเวณที่เรียกว่า “บ้านหน้าทับ” ในปัจจุบัน
บ้านเตาหม้อ เดิมเป็นป่ารกร้าง เมื่อเกิดสงครามเก้าทัพ ในสมัยรัชกาลที่ 1 มีชาวจีนอพยพหนีภัยสงคราม มาจากเมืองถลาง จังหวัดภูเก็ต มาตั้งบ้านเรือน และปั้นหม้อดินขายอยู่บริเวณสองฝั่งคลอง จึงเรียกบริเวณนี้ว่า “บ้านเตาหม้อ” และเรียกคลองนี้ว่า คลองเตาหม้อ เป็นคลองที่เชื่อมต่อกับคลองบ่อนนท์ ออกสู่ทะเลได้ จึงมีเรือสำเภาติดต่อค้าขาย
บ้านแหลม ผู้คนอพยพมาจากแหลมตะลุมพุก หลังจากเกิดเหตุวาตภัยครั้งใหญ่ “พายุแอเรียต” เมื่อ พ.ศ. 2505 ผู้ที่เป็นไทยพุทธและมุสลิมมาอยู่อาศัย รักใคร่กลมเกลียวสามัคคีกัน ตั้งที่อยู่อาศัยว่า “บ้านแหลม” อาชีพหลักคือการทำประมง
บ้านท่าสูง เป็นพื้นที่ราบสูง เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก น้ำท่วมไม่ถึงบริเวณดีงกล่าวมีคลองไหลผ่าน เช่น คลองท่าสูง คลองสิงห์ คลองโก ในสมัยโบราณพื้นที่แห่งนี้ เป็นท่าเทียบเรือขนส่งสินค้าซึ่งมีท่าเทียบเรือขนส่งอยู่ในระดับสูง เมื่อมีการตั้งบ้านเรือน จึงเรียกบริเวณพื้นที่นี้ว่า “บ้านท่าสูง” อีกทั้งมีพระภิกษุเผยแพร่ศาสนาและเลือกที่ตั้งวัดให้เหมาะสม จึงเลือกบริเวณนี้เป็นที่ตั้งวัด เรียกวัดท่าสูง จนถึงปัจจุบันนี้
บ้านท่าสูงบน ลักษณะเป็นเนินสูง ผู้คนต้นตระกูลเดินทางมาจากมาเลเซีย 200 กว่าปีก่อน มาทางทะเล เมื่อเห็นเป็นเนินสูงก็เข้ามาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน เรียกว่า “ท่าสูงบน” สายสกุลที่เดินทางมาจากมาเลเซีย สังเกตจากนามสกุลมักขึ้นต้นคำว่า “โต๊ะ” เช่น โต๊ะหมาด โต๊ะหมาน โต๊ะหาด โต๊ะเต็บ เป็นต้น
บ้านชุมโลง บริเวณดังกล่าว ขณะเกิดสงคราม 9 ทัพ รบกันถึงขั้นตะลุมบอน ล้มตายกันมากทั้งสองฝ่าย เมื่อเสร็จศึก ผู้คนเอาโลงศพไปประชุมรวมกันที่บริเวณนั้น จึงเรียก “บ้านชุมโลง”
บ้านในถุ้ง เพี้ยนมาจากคำเดิมว่า “บ้านในทุ่ง” เป็นคำเรียกตามลักษณะภูมิประเทศในบริเวณนี้ เดิมเป็นทุ่งนาผืนใหญ่ ผู้คนกลุ่มแรกที่มาสร้างถิ่นฐานบ้านเรือน เป็นชาวมุสลิมที่หนีภัยสงครามจากการล่าอาณานิคมของอังกฤษ ส่วนใหญ่มาจากรัฐต่างๆ ของมาเลเซีย ปีนัง ตรังกานู กลันตัน และมาจากต่างจังหวัด เช่น จังหวัดสงขลา ยะลา และปัตตานี เดิมชื่อบ้านในถุ้ง มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น บ้านท่าสูงล่าง บ้านปากน้ำ บ้านสันติสุข บ้านลองอ (แปลว่า สบาย)
บ้านสระบัว เป็นหมู่บ้านชายทะเลเมื่อหลายสิบปีก่อนถูกเชื่อมด้วยคลอง เรียกว่า “คลองถุ้ง” ในอดีตชุมชนแห่งนี้มีพื้นที่สระบัวขนาดใหญ่อยู่ใจกลางชุมชน จึงเรียกชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านสระบัว” ปัจจุบันคลองสายนี้ ได้เปลี่ยนแปลงไปเหลือเพียงร่อยรอยของความเป็นคลองด้วยป่าจากและวัชพืช
บ้านยางงาม เดิมบริเวณนี้มีต้นยาง (ยางนา) ต้นหนึ่งที่มีลักษณะลำต้นคดงอ ไม่ตรง และมีลักษณะเป็นปุ่มปมใหญ่ที่ส่วนกลางลำต้น ชาวบ้านเรียกกันว่า “ยางพอก” หมายถึง เหมือนมีสิ่งใดมาพอกไว้ทำให้เป็นปุ่มปมใหญ่ เมื่อพ่อท่านรุ่ม เจ้าอาวาสวัดสระแก้ว จะมาสร้างวัดที่บริเวณดังกล่าว จึงตั้งชื่อบริเวณดังกล่าวให้เป็นชื่อในทางที่ดี กลับกันกับลักษณะของต้นยางที่คดงอและมีปุ่มปม เหมือนมีสิ่งใดมาพอกไว้ และชาวบ้านเรียกว่า “ยางพอก” โดยเปลี่ยนจากคำว่า “ยางพอก” มาเป็น “ยางงาม” และตั้งที่วัดที่พ่อท่านรุ่มสร้างว่า “วัดยางงาม”
บ้านมะยิง (พม่ายิง) เดิมเรียกบ้านพม่ายิง เมื่อสงครามเก้าทัพ เมื่อกองทัพพม่ามาถึงบริเวณดังกล่าว ได้ยิงปืนขึ้น จึงเรียนบริเวณนั้นว่า “บ้านพม่ายิง” และตัดเสียงเป็น “บ้านมะยิง” อย่างในปัจจุบัน
ชื่อบ้านนามเมือง สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคม ตั้งแต่อดีต สืบทอดมากระทั่งปัจจุบัน บอกลักษณะสภาพของภูมิประเทศ บอกลักษณะเส้นทางคมนาคม บอกถึงความเชื่อ สภาพความเป็นอยู่และการประกอบอาชีพของผู้คนในท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังบ่งบอกเรื่องราวของบรรพชนที่สร้างคุณประโยชน์ คุณงามความดีแก่ท้องถิ่นและบอกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ให้อนุชนรุ่นหลังศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
เอกสารอ้างอิง
ชัยวัฒน์ สีแก้ว. (2565). อำเภอท่าศาลา. สารนครศรีธรราราช, 52 (11), 14-18 สืบค้นจาก https://www.finearts.go.th/storage/contents/2023/05/file/dgrAh1ZkiJc648NYM4YWhAsUctG6uMrvNAE0JVK3.pdf?fbclid=IwAR32NpK6U9AJPpbGVxQJUgaA88i5FJeozaVVRwWSZHtcidDi3mT9_tdw6jk
วันพระ สืบสกุลจินดา. ประวัติอำเภอท่าศาลา ฉบับมหาดไทยส่วนภูมิภาค. สืบค้นจาก https://nakhonsistation.com/ประวัติอำเภอท่าศาลา/
สมพุทธ ธุระเจน. (2542). ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ความเป็นมาของอำเภอสำคัญในประวัติศาสตร์ภาคใต้. สืบค้นจาก http://www.stabundamrong.go.th/web/noticeable/n159.pdf
ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้อำเภอท่าศาลา. (2566). เอกสารประกอบการเรียนหลักสูตรรายวิชาเลือก ท่าศาลาศึกษา รหัสวิชา สค2300127 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. สืบค้นจาก https://anyflip.com/shfhq/sycu
สภาวัฒนธรรมอำเภอท่าศาลา. (2565). ประวัติศาสตร์อำเภอท่าศาลา ท่าศาลาศึกษา : ท่าหลาบ้านเรา. นครศรีธรรมราช: โรงพิมพ์กรีนโซน.