15 สิงหาคม, 2567
พัดใบกะพ้อ
พัดใบกะพ้อ
 
ประวัติความเป็นมา
กะพ้อ มีต้นเป็นกอสูงประมาณ ๑๕-๒๐ ฟุต ใบรูปใบพัด ก้านใบยาวเล็ก มีใบย่อยแตกออกจากกันและแตกออกจากจุดเดียวกัน ที่ก้านใบแต่ละใบจะมีใบย่อยประมาณ ๑๒-๑๘ ใบ ตามใบย่อยมีรอยจีบ ปลายใบตัด ใบย่อยยาวประมาณ ๑ ฟุต และกว้าง ๔-๕ นิ้ว ใบสีเขียวเข้ม เมื่อเจริญเติบโตไปสักระยะหนึ่งจะเกิดหน่อออกมาตามบริเวณโคนต้นมากมาย ดอกสีขาว ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงระหว่างกาบใบ ดอกสมบูรณ์เพศ ช่อดอกยาวได้ถึง ๒ เมตร ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ ๑ เซนติเมตร ส่วนผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว ทรงกลมถึงรูปไข่ ขนาดกว้างประมาณ ๐.๘ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑ เซนติเมตร ออกเป็นช่อๆ แตกแยกออกจากก้านช่อดอกใหญ่ ผลสุกสีแดง เปลือกเรียบ
	กะพ้อ เจริญเติบโตได้ดีในที่โล่งแจ้ง ชอบดินปนทรายที่ชุ่มชื้น ชอบความชื้นปานกลาง-สูง แสงแดดจัด สามารถปลูกในสนามหญ้าเพื่อให้มันแตกกอเป็นพุ่มหรือจะทำเป็นสวนหย่อมก็ได้ เป็นการใช้งานด้านภูมิทัศน์เนื่องจากทรงพุ่มสวย ปลูกเป็นไม้กระถางหรือในแปลงริมน้ำ เป็นแนวรั้วบังสายตา
	ยังนำไปทำงานประดิษฐ์ได้ เช่น งานจักสานพัดใบกะพ้อ รวมไปถึงใบกะพ้อที่แก่จัดๆ นำไปทำหลังคาแทนการมุงด้วยใบจาก ก้านจากใบแก่ๆ นำไปทำกระด้ง แข็งแรงได้เทียบเท่าไม้ไผ่เลยทีเดียว
	ต้นกะพ้อ หรือที่คนใต้เรียกว่าต้นพ้อ นี้ เป็นพืชพื้นเมืองที่มีอยู่ทั่วไปทางภาคใต้ ขึ้นอยู่ในป่าพรุ หรือตามหัวไร่ปลายนา หรือตามระว่างแถวในสวนยางพารา เป็นพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกับปาล์ม ลำต้นแตกหน่อออกเป็นกอ สูงประมาณ ๑-๓ เมตร ใบมีลักษณะคล้ายรูปพัด เป็นพืชที่ให้ประโยชน์ทั้งต้น ใบอ่อนใช้ห่อขนมต้ม ที่อ่อนมากๆ ทำแกงเลียง แกงส้ม หรือทำผัดน้ำพริกได้ ใบแก่เอามาทำเครื่องจักสาน เสื่อ พัด ลูกกะพ้อเป็นยาระบาย ลำต้นเอามาทำเสารั้วและนำมาปลูกไว้ข้างบ้านเพื่อความร่มรื่นสวยงาม
ส่วนใบพ้อ นำมาใช้ “แทงต้ม“ ขนมที่ชาวปักษ์ใต้รู้จักกันดี หรือที่เรียกกันว่า “ขนมต้ม” หรือ “ต้ม” เป็นข้าวต้มลูกโยนชนิดหนึ่งที่ทำในเทศกาลบุญชักพระของชาวใต้ และยังเป็นขนมที่ใช้ในงานประเพณีหลายๆ งานในท้องถิ่นภาคใต้ ที่ใช้กันเป็นหลักคือในงานบุญออกพรรษา การตักบาตรเทโว งานชักพระ งานเดือนสิบ และงานบวช ซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วไปแต่ในที่นี้ขอนำเสนอภูมิปัญญาของชาวบ้านที่นำใบกะพ้อมาจักสานเป็นพัด เรียกว่า “พัดใบกะพ้อ” หรือ “พัดใบพ้อ” ซึ่งเป็นงานหัตถกรรมจักสานประเภทหนึ่งที่เป็นผลผลิตจากภูมิปัญญาของชาวบ้าน นับเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของภาคใต้ โดยเฉพาะในอำเภอร่อนพิบูลย์ และที่บ้านสวนเลา อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นที่ที่ผลิตกันจนมีชื่อเสียงในเรื่องพัดใบพ้อ ก็คือหมู่บ้านโคกยาง
ลวดลายในการสาน เพื่อขึ้นรูปทรงเครื่องจักสานนั้น เป็นวิธีการของแบบแผนที่มีระบบอย่างหนึ่ง เพื่อการสร้างโครงสร้างให้เกิดการเชื่อมต่อซ้ำๆ กันไป โดยใช้ลักษณะการขัดกันของเส้นตอก หรือวัสดุอื่นที่ใช้จักสานได้ เพื่อให้เกิดแรงยึดเหนี่ยวระหว่างกันจนกลายเป็นผืนแผ่น เพื่อเป็นผนังของโครงสร้างเครื่องจักสานตามต้องการ ลายจักสานนั้นเป็นส่วนสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของการขึ้นโครงสร้างผลิตภัณฑ์ ประเภทเครื่องจักสาน จัดเป็นขบวนการความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่เป็นระบบ ลายจักสานของไทยนั้น มีลวดลายและรูปแบบแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งที่แตกต่างกัน ด้วยลักษณะของวัสดุที่ใช้ในการจักสานด้วย ดังนั้นการเลือกใช้ลายจักสานใด จึงขึ้นอยู่กับความเหมาะสม สนองประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ เช่น อาจใช้ลายขัดธรรมดา เพื่อให้เกิดความแข็งแรงทนทานและความสะดวกในการสาน หรือถ้าต้องการสานภาชนะที่มีตาต่างๆ เช่น ชะลอม เข่ง ก็มักจะสานด้วยลายเฉลา เป็นต้น 
 พัดใบกะพ้อ เป็นงานหัตถกรรมภูมิปัญญาของชาวบ้านที่ได้ประดิษฐ์คิดค้น สร้างสรรค์ใบกะพ้อจากธรรมชาติ ให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ สวยงาม  สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายประการ  มาเกือบ  100  ปี แรกเริ่มของพัดใบกะพ้อ เกิดจากเพื่อนพ้องน้องพี่ที่อาศัยอยู่ที่บ้านโคกยาง หมู่ที่ ๑๐ ตำบลร่อนพิบูลย์ อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปทำสวนยางพาราและสวนผลไม้ที่บ้านสวนเลา หมู่ที่ ๕ ตำบลทุ่งโพธิ์ อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ในปัจจุบัน    บริเวณสวนยางหรือสวนผลไม้ มีต้นกะพ้อเป็นจำนวนมาก จึงได้ตัดใบกะพ้อมาตกแต่งให้มีขนาดพอเหมาะ พัดลมบรรเทาคลายความร้อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานในสวนยางพาราและสวนผลไม้ หลังจากนั้นก็เริ่มนำมาใช้ในบ้านเรือน โดยใช้พัดลมบรรเทาความร้อนในยามพักผ่อน และพัดลมในการติดไฟประกอบอาหาร ซึ่งใช้ได้ไม่นานก็เสื่อมสภาพ ต่อมามีการนำใบกะพ้อมาแยกเป็นกลีบแล้วสอดเป็นลายขัดทำเป็นพัดใบกะพ้อ ใช้ประโยชน์ได้มากกว่าเดิมแต่ฉีกขาดได้ง่าย เนื่องจากใบกะพ้อไม่เหนียวทน
	วิวัฒนาการทำพัดใบกะพ้อจากการใช้ใบมาเป็นยอดกะพ้อที่ยังกลม โดยนำมาแยกกลีบใบแล้วลวกน้ำร้อนทำให้พัดใบกะพ้อมีความทนทาน ฉีดขาดได้ยาก มีสีขาวดูแล้วสวยงาม มีการตกแต่งด้ามพัดด้วยหวายที่มีความประณีต การประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ นำผลไม้มาขายตามตลาดนัดต่างๆ และนำพัดใบกะพ้อมาใช้พัดลมในระหว่างที่ขายผลไม้ ทำให้แม่ค้าในตลาดนัดเกิดความสนใจพัดใบกะพ้อมาใช้แทนกระดาษหนาที่ใช้พัดลม การทำพัดใบกะพ้อเพื่อจำหน่ายจึงเริ่มขึ้นจากตลาดนัดเล็กๆ เป็นตลาดประจำอำเภอ ประจำจังหวัด และจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ ตลอดจนตลาดในกรุงเทพมหานคร
	ในปัจจุบันพัดใบกะพ้อได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอร่อนพิบูลย์ และอำเภอจุฬาภรณ์จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยการจัดตั้งเป็นกลุ่มในหมู่บ้านดังนี้
๑. กลุ่มหัตถกรรมจักสานพัดใบกะพ้อบ้านโคกยาง หมู่ที่ ๑๐ ตำบลร่อนพิบูลย์ อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
๒. กลุ่มหัตถกรรมจักสานพัดใบกะพ้อบ้านสวนเลา หมู่ที่ ๕ ตำบลทุ่งโพธิ์ อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
	การทำพัดใบกะพ้อ เริ่มจะมีอุปสรรคเนื่องจากวัตถุดิบที่นำใช้ผลิตเป็นวัสดุเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ราษฎรที่ไม่ได้ประกอบอาชีพจักสานพัดใบกะพ้อ จะทำลายต้นกะพ้อในพื้นที่ของตน เพื่อปลูกยางพาราและผลไม้ ทำให้ยอดกะพ้อมีไม่เพียงพอ ซึ่งจะมีแต่ป่าสงวนแห่งชาติเท่านั้นที่ยังมีต้นกะพ้ออยู่ตามธรรมชาติ ราษฎรที่อาศัยอยู่ใกล้ป่าสงวนแห่งชาติ จะตัดยอดกะพ้อมาจำหน่าย ทางสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอจุฬาภรณ์ เทศบาลตำบลร่อนพิบูลย์ และองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งโพธิ์ จึงได้สนับสนุนงบประมาณให้กลุ่มหัตถกรรมจักสานพัดใบกะพ้อ ปลูกต้นกะพ้อเป็นพืชแซมในสวนยางพารา เพื่อเป็นการอนุรักษ์หัตถกรรมจักสานพัดใบกะพ้อ ให้คงอยู่ในชุมชน
ขั้นตอนการสานพัดใบกะพ้อ
            ใบกะพ้อส่วนที่นำมาจักสานเป็นพัดใบกะพ้อ  คือส่วนที่เป็นยอดกลมยังไม่บานเป็นใบ   จากลักษณะของใบกะพ้อซึ่งเป็นใบเลี้ยงเดียว  มีก้านยาว  ปลายก้านจะเป็นกระจุกแตกเป็นกลีบใบเล็กๆ  แยกเป็นสองข้างๆ ละประมาณ  25 - 30  กลีบ   กลีบใบแต่ละกลีบจะมีก้านกลีบเล็กๆ  ริมกลีบใบจะติดกันประมาณ  4 - 5 กลีบ  
ขั้นเตรียมวัสดุ
            1. ตัดก้านใบห่างจากกระจุก  ประมาณ  15  เซนติเมตร  เหลาส่วนที่เป็นหนามออก
            2. นำยอดใบกะพ้อที่ยังกลม  มาคลี่ออก  ตัดกลีบใบกลาง  ห่างจากกระจุก  ประมาณ  15  เซนติเมตร
             3. ใช้มีดกรีดริมข้างกลีบใบที่ติดกันออก  ให้เหลือส่วนกลีบใบ  วัดจากก้านกลีบ  ขนาด  1  เซนติเมตร
           	 4. ส่วนที่กรีดไม่ได้  ให้ดึงแยกตามรอยกรีด จนถึงกระจุก  จะได้กลีบใบที่มีขนาดเท่าๆ  กัน  ประมาณข้างละ  20 - 25  กลีบ
	5. นำใบพ้อที่กรีดเป็นกลีบเสร็จแล้วมาผึ่งแดด 2 วัน  แล้วนำมาลวกน้ำร้อน  ประมาณ  3  นาที  แล้วผึ่งแดดอีก  3  วัน  จะได้ใบกะพ้อที่แห้งสีขาว 
	6. หากต้องการพัดใบกะพ้อสีต่างๆ  ก็นำไปย้อมสีตามความต้องการ
	7. นำไปเก็บในถุงพลาสติกขนาดใหญ่  ป้องกันความชื้น 
     	8. ตกแต่งกลีบใบที่ซ้อนกันตามข้อ 4  ให้กึ่งกลางอยู่ตรงกลีบใบกลางที่ตัด  จัดเป็นมุมฉากให้มุมอยู่ที่จุดกึ่งกลาง
 ขั้นขึ้นพัดใบกะพ้อ
1. หันปลายใบพ้อไปด้านหน้า  วางปลายเท้าทั้งสองข้างใต้กลีบใบที่อยู่ในแนวนอน  ก้านใบพ้ออยู่ระหว่างส้นเท้า
            2. ใช้มือทั้งสองข้างยกกลีบใบอันที่อยู่ด้านล่างของกลีบใบที่ตั้งอยู่ในแนวนอน  จนถึงกลางใบ
            3. จับกลีบใบที่อยู่ในสุดของอีกข้างหนึ่ง  สอดกลับมาทางกลีบใบที่ยก  ตกแต่งให้สวยงาม
            4. ดำเนินการ  ตามข้อ 3  จนกลีบใบหมด  ตกแต่งให้แน่น  และให้ปลายรูปพัดอยู่ตรงกับก้านใบกะพ้อ
ขั้นเวียนพัดใบกะพ้อ
            1. ตั้งพัดที่ได้ในขั้นขึ้นพัดใบกะพ้อ  ในแนวนอน  ให้ก้านใบกะพ้อหันไปทางขวา
            2. ใช้กลีบใบอันซ้ายสุดสอดไปทางขวา  ตามลายขัด ตามความยาวของกลีบใบ  (หากมีกลีบใบส่วนที่เหลือ นำไปรวบที่ก้านใบกะพ้อ
            3. ดำเนินการตามข้อ 2  จนหมดกลีบใบ  ตกแต่งเป็นรูปใบโพธิ์  ครึ่งใบ                       
            4. พลิกอีกด้านมาสานให้เหมือนกัน  ตกแต่งเป็นพัดใบกะพ้อ  รูปใบโพธิ์ส่วนที่เหลือ
            5. รวบกลีบใบที่เหลือทั้งสองด้าน มาที่ก้านใบ  ตกแต่งให้เข้ารูปเป็นด้ามพัดใบกะพ้อ
ขั้นก่อพัดใบกะพ้อ      
            1. นำใบกะพ้อที่เตรียมไว้มาพรมน้ำ  ตั้งทิ้งไว้  ประมาณ  20  นาที  จะทำให้กลีบใบนิ่ม  สะดวกในการจักสาน
            2. นับขนาดกลีบใบแต่ละข้างให้เท่ากัน  ตามขนาดของพัดใบกะพ้อ  ส่วนที่เหลือดึงออก  (ขนาดใหญ่  ข้างละ  23  กลีบ  ขนาดกลาง  ข้างละ  18  กลีบ  ขนาดเล็ก  ข้างละ  15  กลีบ)
            3. ผู้สานพัดใบกะพ้อนั่งบนเก้าอี้  สูงประมาณ  8 - 10  เซนติเมตร  เข่าตั้งตรง  วางเท้าหันปลายเท้าไปด้านหน้า
            4. นำกลีบใบที่ดึงออก  มาซ้อนกัน  3  คู่   ตั้งเรียงตามแนวนอน  โดยให้ก้านกลีบอยู่ด้านบน  ใช้ปลายเท้าข้างขวากดทับ
            5. วางใบพ้อคว่ำลง  ใช้ส้นเท้าด้านขวาทับที่ก้านใบ
            6. นำกลีบใบอันนอกสุดหันด้านก้านกลีบไปทางขวา  สอดเข้าในกลีบใบ  ตามข้อ 4  สลับกันเป็นลายขัด
            7. ดำเนินการตามข้อ 6  จนหมดกลีบใบ  แต่ด้านซ้ายของกลีบใบอันกลางที่ตัด  ให้หันก้านกลีบไปทางซ้าย
ขั้นทำด้ามพัดใบกะพ้อ
            1. ตัดด้ามพัดใบกะพ้อ  ให้มีความยาวประมาณ  10  เซนติเมตร  ดึงกลีบใบที่มัดด้ามพัดใบกะพ้อออก
            2. ใช้พลาสติกบาง  กว้างประมาณ  5  มิลลิเมตร  สอดระหว่างกลีบใบบริเวณกระจุกทั้งสองข้าง
            3. มัดกลีบใบเข้ากับก้านใบให้แน่น  ตกแต่งด้วยความประณีต  ยาวประมาณ  5  เซนติเมตร
        	4. ใช้เศษพลาสติกที่มัดกล่องสินค้า  ตกแต่งให้มีขนาดกว้าง  5  มิลลิเมตร  ยาวประมาณ  12  เซนติเมตร  เป็นห่วงพัดใบกะพ้อ
	5. สอดปลายห่วงพัดใบกะพ้อทั้งสองที่ปลายด้ามพัดใบกะพ้อ  ให้ห่วงพัดใบกะพ้อมีขนาดประมาณ  3  เซนติเมตร
	6. พันทับด้วยพลาสติกบางต่อไปจนถึงปลายสุดข้างด้ามพัดใบกะพ้อ
            7. สอดพลาสติกบางพันห่วงพัดใบกะพ้อจนรอบ  แล้วมัดพลาสติกให้แน่นด้วยความประณีต ความยาวของด้าม และห่วงพัดใบกะพ้อ  มีขนาดสมดุลกับขนาดของพัดใบกะพ้อ
	ในอดีตพัดใบกะพ้อ  ใช้ประโยชน์ในการพัดลมคลายความร้อนเพียงอย่างเดียว  แต่หลังจากสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอ  ได้จัดตั้งเป็นกลุ่มผู้ผลิตพัดใบกะพ้อ  ก็ได้ส่งเสริมให้มีการทำผลิตภัณฑ์จากพัดใบกะพ้อ  อย่างเช่น   การทำพัดใบกะพ้อขนาดเล็ก  กว้างประมาณ  8 – 10 เซนติเมตร  ย่อมเป็นสีต่างๆ  สวยงาม  ใช้เป็นของที่ระลึกในเทศกาลต่างๆ  เช่น งานมงคลสมรส  งานศพ
	 นอกจากนั้นวิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช  ได้นำพัดใบกะพ้อมาใช้เป็นอุปกรณ์ประกอบการแสดง  และนำมาประยุกต์เป็นเครื่องประดับในการแต่งกายของนักแสดง  “ ระบำพัดใบกะพ้อ ” ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์  ส่งเสริมและอนุรักษ์  สืบทอดอาชีพทำพัดใบกะพ้อ  ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
อุปสรรคของพัดใบกะพ้อ
	การทำพัดใบกะพ้อ  เริ่มจะมีอุปสรรค  เนื่องจากวัตถุดิบ  ที่นำผลิตเป็นวัสดุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ  ราษฏรที่ไม่ได้ประกอบอาชีพจักสานพัดใบกะพ้อ  จะทำลายต้นกะพ้อในพื้นที่ของตน  เพื่อปลูกยางพาราและผลไม้  ทำให้ยอดกะพ้อมีไม่เพียงพอ  ซึ่งจะมีแต่ป่าสงวนแห่งชาติเท่านั้นที่ยังมีต้นกะพ้ออยู่ตามธรรมชาติ  ราษฏรที่อาศัยอยู่ใกล้ป่าสงวนแห่งชาติ  จะตัดยอดกะพ้อมาจำหน่าย
ที่มา : 
นาย เจน แป้นแก้ว 
https://www.gotoknow.org/posts/236700
http://www.sookjai.com/index.php?topic=110707.0
http://student.nu.ac.th/phantakarn/phantakarn/images/A5.jpg
ภูมิปัญญาไทยจากใบกะพ้อ  วารสาร "สารนครศรีธรรมราช" จัดพิมพ์เผยแพร่โดย องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช

