05 พฤศจิกายน, 2567

หนังพร้อมน้อย ตลุงสากล ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง

.หนังพร้อมน้อย ตลุงสากล ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หนังตะลุง) ปี พ.ศ. 2546 พร้อม บุญฤทธิ์" หรือ "หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478 ตรงกับวันพุธขึ้น 5 ค่ำ เดือน 3 ปีกุน ณ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เป็นบุตรคนแรกของ พลัด-แปรง บุญฤทธิ์ บิดาคือ นายพลัด บุญ เป็นนายหนังตะลุงที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพัทลุง ที่รู้จักกันในนาม “หนังกรายชายแดน” นายพร้อม บุญฤทธิ์ ได้มีโอกาสติดตามบิดาไปในการแสดงหนังตะลุงตามสถานที่ต่าง ๆ จนเมื่ออายุ 11 ปี จึงได้รับการ “ครอบมือ” หรือ “ยื่นรูป” จาก “หนังสีหมอก” ครูหนังชั้นนำในสมัยนั้น จากนั้น จึงออกตระเวนไปแสดงหนังตะลุงตามสถานที่ต่าง ๆ จนมีชื่อเสียง ในยุคแรกหนังพร้อมน้อยใช้ชื่อในการแสดงคือหนัง "พร้อมน้อย" ในยุคสมัยนั้นมีคณะหนังตะลุงที่โด่งดังในภาคใต้อีกหนึ่งคณะ คือ "หนังพร้อม อัศวิน" หรือหนังพร้อมใหญ่ อำเภอควนเนียง จังหวัดสงขลา ครั้งหนึ่งที่หนังพร้อมน้อยเดินทางไปแสดงที่วัดศิลาราย (วัดป่าขี้ดิน) ตำบลนาหลวงเสน อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช คณะเจ้าภาพเขียนป้ายหน้าวัดไว้ว่า คืนนี้พบกับการแสดงของ "หนังพร้อมน้อย อัศวิน ด.เด็กขี้เซา" ซึ่งล้อเลียนให้พ้องกับชื่อ"หนังพร้อม อัศวิน" หนังพร้อมน้อยชอบชื่อนี้มาก จึงใช้ชื่อในการแสดงว่า "หนังพร้อมน้อย อัศวิน ด.เด็ก" ต่อมาหนังพร้อมน้อย ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงโดยนำเครื่องดนตรีสากลอันได้แก่ กลองชุด กีตาร์ เบส คีย์บอร์ด มาบรรเลงกับเครื่องดนตรีหนังตะลุง เป็นคณะแรก เพื่อให้ทันต่อยุคสมัย และเปลี่ยนชื่อที่ทำการแสดงมาเป็น"หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล" นับแต่นั้นเป็นต้นมา พร้อม บุญฤทธิ์" หรือ "หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล" เชื่อว่าทั้ง 2 ชื่อนี้ เป็นที่รู้จักมักคุ้นของคนใต้ทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่มีสายเลือดสะตอเข้มข้นด้วยแล้ว สมควรต้องจัดว่าเป็นที่คุ้นชินกันเลยทีเดียว กว่าครึ่งศตวรรษมาแล้วที่ หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล ตระเวนสร้างความบันเทิงรื่นเริงใจไปพร้อมๆ กับการสอดแทรกแง่คิดคติธรรมให้กับสังคม จนเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนอย่างไม่เลือกชั้น วรรณะ เพศหรือวัย เขาคือคนที่ทำให้ "นายหลำ" "นายยอดทอง" "นายหนูนุ้ย" และ "นายเท่ง" โลดแล่นอยู่บนจออย่างมีชีวิตชีวา เสมือนว่าเป็นคนที่มีตัวตนจริงๆ มิใช่เพียงหนังสัตว์ที่ถูกนำมาเล่นเป็นเงา โดยเฉพาะ "นายหลำ" นั้นเป็นที่รับรู้ของคอหนังตะลุงว่า นั่นคือเอกลักษณ์หรือตัวแทนตัวตนที่แท้จริงของ พร้อม บุญฤทธิ์ เลยทีเดียว อายุ 19 ปี พร้อม บุญฤทธิ์ แต่งงานครั้งแรกกับ กิ้มแน่น ปลอดพัก ชาวนาปะขอ หากกล่าวว่าเป็น "วิวาห์เหาะ" น่าจะตรงกว่า เพราะเขาใช้วิธีฉุดแล้วพาหนีก่อนที่จะกลับมาขอขมาลาโทษแต่งงานแบบต้องตามประเพณีภายหลัง กับภรรยาคนแรกนี้มีชาย-หญิงด้วยกันอย่างละคน แต่ปัจจุบันเพียงบุตรชายที่ชื่อ กลิ่น บุญฤทธิ์ จากนั้นมาเขาก็มีภรรยาเพิ่มอีก 9 คน ได้แก่ เนื่อง ศรีวิโรจน์ มีบุตรด้วยกัน 1 คน, สารภี โพธิ์ทอง มีบุตรด้วยกัน 3 คน, สารภี บัวทอง มีบุตรด้วยกัน 5 คน, วิไล อินทฤทธิ์พงศ์, จันทรา แซ่ยิ่ง (เสียชีวิตแล้ว), ละเมียด ชูช่วย, หนูภักดิ์, ศศิธร บัวทอง มีบุตรด้วยกัน 2 คน และ วิมลวรรณ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เขาอยู่กันกับภรรยา 6 คนคือ กิ้มแน่น, วิไล, ละเมียด, หนูภักดิ์, ศศิธร และวิมลวรรณ การศึกษา ตอนวัยเด็กอาศัยอยู่กับยาย ตอน 9 ขวบเข้าเรียนที่โรงเรียนชัยแก้วศึกษา วัดป่าตอ ต.โตนดด้วน เรียนชั้น ป.เตรียมได้ 10 วันก็เลื่อนสู่ชั้น ป.1 ความที่อ่านหนังสือคำกลอนพระอภัยมณีได้ด้วยลุงและน้าช่วยสอนให้ ทำให้เมื่อจบ ป.1 ก็ได้กระโดดไปเรียนชั้น ป.3 เลย ทว่าเรียนได้อีกเทอมเดียวก็หนีไปอยู่กับพ่อที่บ้านโห แล้วเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนบ้านแหลมโตนดในชั้น ป.4 จนอายุ 11 ขวบก็ตัดสินใจหันหลังให้การศึกษา ในระบบเขารักที่จะเดินตามเส้นทางชีวิตศิลปินแบบพ่อ ตั้งแต่ช่วงที่ยังนุ่งชุดนักเรียนอยู่ กลางวันไปเรียนหนังสือ กลางคืนขอหัดหนังตะลุงที่บ้าน เมื่อออกจากโรงเรียนเลยได้โอกาสติดส้อยห้อยตามพ่อไปตระเวนเล่นหนังตะลุง พอเป็นหนุ่นกระทงอายุ 15 ปี พ่อได้ไปปักหลักอยู่ที่สุราษฎร์ธานี อินทร์ ชูเดช ชาวนาปะขอ ต.นาปะขอ อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เกลอแก้วเกลอขวัญของพ่อมาขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ทำให้ต้องระหนระเหินมาอยู่ที่บ้านนาปะขอ โบราณว่า "รถไฟ-เรือเมย์-ลิเก-ตำรวจ" พวกมีอาชีพเหล่านี้มักเจ้าชู้ ทว่าสำหรับสายเลือดสะตอเมืองใต้แล้วต้องรวมเอา "นายหนังตะลุง" ไว้ในทำเนียบจอมเจ้าชู้ด้วย การทำงานและผลงานต่างๆ แม้พ่อเป็นนายหนังตะลุงชื่อก้อง พ่อเป็นครูคนแรกที่หัดหนังตะลุงให้ ขนาดตอนพ่อขึ้นโรงก็ยังให้ช่วยพากษ์ฤาษีหรือพระอิศวรแทนอยู่บ่อยๆ ทว่าครูหนังตะลุงที่ "ครอบมือ" ให้ พร้อม บุญฤทธิ์ กลับเป็น "หนังสีหมอก" นายหนังตะลุงขาด้วนที่ขี่ควายมาที่โรงหนังแล้วยื่นหนังตะลุงอันถือเป็นการครอบครูให้ บนเส้นทางสู่ความเป็น หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล ที่ชื่อเสียงเรียงนามนับว่ากระฉ่อนทั่วภาคใต้ในวันนี้ ถือได้ว่าต้องต่อสู้แผ่วถางทางมาอย่างชนิดสมบุกสมบันพอดู กล่าวคือ ขณะอาศัยอยู่กับพ่อตา-แม่ยายชุดแรกที่นาปะขอ เขาต้องปลีกจากเวลางานมาซุ้มฝึกฝนขับกลอนอ่านหนังสือด้วยตัวเองประมาณ 5 ปีเต็ม จึงส่งผลให้พ่อตา-แม่ยายเห็นใจยอมซื้อเครื่องมือเล่นหนังตะลุงให้ยกชุด จากนั้นก็หอบลูกค้า 4 คนออกตระเวนแสดงไปแบบได้รับ "ค่าราด" บ้างไม่ได้บ้าง ต้องอดๆ อยากๆ อยู่ราว 2-3 ปีจึงเริ่มจะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และก็เลยวัยเบญจเพสได้ไม่นานก็นับว่าอยู่ในขั้นโด่งดังก็ว่าได้ ๑. ต้นรักดอกโศก ๒. สงครามกับความรัก ๓. น้ำตาคนจน ๔. แสงพยัคฆ์ ๕. สงครามเพื่อสวัสดิภาพ ๖. อาวุธธรรม ๗. ดื้อคำสาป ๘. กรรมสนองกรรม ๙. ยอดสตรี ๑๐. เณรเริง ๑๑. สามชาย ๑๒. นักรักนักรบ ๑๓. ราชินีพยาบาท ๑๔. รักในเรือนทาส ๑๕. สายเลือดสายสวาท ๑๖. พระยุพราชฝาแฝด ๑๗. พระยุพราชของปวงชน ๑๘. พระร่มโพธิ์แก้ว ๑๙. แสงทองแสงธรรม ๒๐. ธิดาฝาแฝด ๒๑. สามแผ่นดิน ๒๒. ขุนโจรใจพระ ๒๓. ขุนพลจอมโหด ๒๔. น้ำใจแม่ ๒๕. แผ่นดินทองแผ่นดินธรรม ๒๖. สวรรค์ในอกนรกในใจ สำหรับ เรื่อง น้ำใจแม่ ในลำดับที่ ๒๔ เป็นบทประพันธ์ของนายพร้อม บุญฤทธิ์ และได้นำไปสร้างเป็น ละครโทรทัศน์ ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์สี กองทัพบก ช่อง ๗ ไปแล้ว ๒ ครั้ง
ผลงานการแสดง หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล ตระเวนเล่นหนังตะลุง มาแล้วไม่น้อยกว่า ๕๗ ปี กว่า ๒๐,๐๐๐ ครั้ง เพราะบางปีเล่นทั้งกลางวันและกลางคืน เล่นหนังตะลุงเพราะใจรัก และชอบสร้างความสนุก ให้ความรู้แก่ผู้ชม มิได้คิดหวังแค่เงินเพียงอย่างเดียว แต่กลับคิดถึงประโยชน์ที่ผู้ชมควรจะได้รับด้วย พร้อมน้อย ตะลุงสากล เป็นหนังตะลุงคณะแรกที่นำเอาดนตรีสากลผสมกับดนตรีหนังตะลุง และเล่นเข้ากันได้อย่างดี ตลอดระยะเวลาอันยาวนานดังกล่าว พร้อมน้อย สร้างความบันเทิง ร่าเริงใจไปพร้อมกับสอดแทรกแง่คิด คติธรรมให้แก่สังคม เป็นที่ชื่นชมของประชาชนทั่วไป พร้อมน้อย เป็นผู้ทำให้ "นายหลำ" หรือ "ตาหลำ" โลดแล่นอยู่บนจออย่างมีชีวิตชีวา เสมือนกับคนจริงๆ "นายหลำ"เป็นที่รับรู้ของคอหนังตะลุงว่า นี่คือเอกลักษณ์หรือตัวแทนตัวตนที่แท้ของ"พร้อมน้อย"เลยทีเดียว "นายหลำ"คือ ตัวตลกเอก ดังนั้น เมื่อใครเอ่ยชื่อ นายหลำ ก็คือ การนึกถึงพร้อมน้อย ตะลุงสากล พร้อมน้อย ได้ประชันขันแข่งกับหนังตะลุงและมโนราห์มาแล้วมากมาย ยกเว้น หนังตะลุงเพียง ๒ คณะ ที่ไม่ได้แข่งขัน คือ หนังกั้น ทองหล่อ กับหนังประวิง หัวไทร เท่านั้น นอกนั้นประชันหมด เช่น หนังจูลี้ หนังเคล้าน้อย หนังแปลก หนังจูเลี่ยม หนังแคล้ว หนังหนูปล้อง หนังหลัก หนังพร้อมใหญ่ หนังอิ่มเท่ง หนังจันทร์แก้ว หนังหมุนนุ้ย หนังฉิ้น หนังประทิ่น หนังประเสริฐน้อย หนังสำเนียง หนังกิ้มเนี่ยว หนังนครินทร์ ฯลฯ นอกนั้นก็มีการประชันกับมโนราห์ เช่น มโนราห์พิน พัน มโนราห์ฉลวย มโนราห์ปรีชา มโนราห์แปลก มโนราห์ขำคม มโนราห์หนูพร้อม ฯลฯ พร้อมน้อย ได้ประชันขันแข่งกับหนังตะลุงและมโนราห์มาแล้วมากมาย หนังตะลุงที่ได้ประชันตามแต่ละยุค ได้แก่ ยุคโบราณ (พ.ศ.2500-2507) ● หนังจันทร์แก้ว บุญขวัญ ● หนังเชย เชี่ยวชาญ ● หนังเดี้ยม จ.ตรัง ● หนังหวิน ●หนังแคล้ว เสียงทอง ยุคคลาสสิค (พ.ศ.2508-2520) ● หนังเคล้าน้อย โรจนเมธากุล ● หนังปรีชา สงวนศิลป์ ● หนังชวน เชี่ยวชาญ ● หนังประทิ่น บัวทอง ● หนังนครินทร์ ชาทอง ● หนังประยูรใหญ่ บันเทิงศิลป์ ● หนังประยูรน้อย อัศวินแหวนเพชร ● หนังปล้อง อ้ายลูกหมี ยุคหลัง (พ.ศ.2520-2539) ● หนังปฐม อ้ายลูกหมี ● หนังทวี พรเทพ ● หนังอาจารย์ณรงค์ ตะลุงบันฑิต ● หนังเอกชัย ศรีวิชัย (เอกชัย ศรีวิชัย) ยกเว้นหนังตะลุงเพียง 2 คณะ ที่ไม่ได้แข่งขัน คือ หนังกั้น ทองหล่อ กับหนังประวิง หัวไทร เท่านั้น นอกนั้นประชันหมด นอกนั้นก็มีการประชันกับมโนราห์ เช่น มโนราห์พิน พัน มโนราห์ฉลวย มโนราห์ปรีชา มโนราห์แปลก มโนราห์ขำคม มโนราห์หนูพร้อม ฯลฯ หนังพร้อมน้อย เป็นที่ยอมรับของชาวจังหวัดพัทลุงว่า เป็นบุคคลที่มีน้ำใจ โอบอ้อมอารี ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ ช่วยคนยากคนจน ถึงกับซื้อที่ทำกินให้ สร้างบ้านให้ โดยมิได้หวังผลตอบแทน หนังพร้อมน้อย สร้างความดีมาตลอด จากหมู่บ้าน สู่ตำบล จากตำบลสู่อำเภอ จากอำเภอสู่จังหวัด ในที่สุดได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดพัทลุง ๓ สมัย ในช่วงที่เป็นผู้แทนราษฎร การแสดงหนังตะลุงจะได้รับค่าตอบแทนเฉพาะค่าลูกคู่กับค่าน้ำมันรถเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานวัด งานโรงเรียน งานส่วนราชการ นอกจากนั้นหนังพร้อมน้อย ยังเป็นวิทยากรให้แก่สถาบัน โรงเรียน หน่วยงานต่างๆ อยู่เสมอ รวมทั้งการจัดตั้งโรงเรียนสอนหนังตะลุงขึ้น โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เคยมีผู้ศึกษาชีวิตความเป็น หนังพร้อมน้อย ตะลุงสากล ไว้เยอะพอดู ในจำนวนนี้มีที่เป็นผลงานระดับวิทยานิพนธ์ปริญญาโท ของนักศึกษาจากสถาบันทักษิณคดีศึกษาอยู่ด้วย โดยหากประเมินจากงานต่างๆ เหล่านี้จะพบว่า ปัจจัยที่ทำให้เขากลายเป็นนายหนังตะลุงยอดนอคมของชาวใต้ ประกอบด้วย 1. เสียงดี เสียงดัง ฟังชัด เล่น 7-8 ชั่วโมงไม่มีแหบ แถมยังเลียนเสียงได้หลายเสียงด้วย 2. มีความรอบรู้ทั้งทางโลก-ทางธรรม และใกล้ชิดประชาชนทำให้นำมาสอดแทรกได้เป็นอย่างดี 3. สามารถสวมวิญญาณให้กับรูปหนังได้ทุกตัว และสับเปลี่ยนได้โดยฉับพลัน 4. มีไหวพริบปฏิภาณสูง นำเหตุการณ์บ้านเมืองและท้องถิ่นมาดัดแปลงได้ดี 5. สร้างอารมณ์ขันได้ตลอดเวลา 6. สามารถจำบทกลอนในวรรณคดีมาใช้ได้ลงตัว 7. ลูกคู่มีมากถึง 11 คนและเล่นดนตรีได้ถูกใจทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะวัยรุ่น 8. สร้างชีวิตให้กับรูปตัวตลกได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะคู่นายหลำ-นายยอดทอง และนายหนูนุ้ย-นายเท่ง ซึ่งสำหรับนายหลำกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเลยทีเดียว เกียรติคุณที่ได้รับ ได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จมาแล้วมากมาย อาทิ - มงกุฎทองคำฝังเพชรจากสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช - ต้นศรีตรังทองคำจากสนามแข่งขันโรงเรียนกลึงวิทยา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง - ถ้วยเกียรติยศประมาณ 140 ใบ - ขันน้ำพานรองประมาณ 20 ใบ - โล่เกียรติยศประมาณ 10 โล่ - จอหนังตะลุงประมาณ 100 จอ - รวมถึงโคถึก 3 ตัว โคธรรมดา 5 ตัว และรกจักรยานยนต์ 1 คัน เป็นต้น เกียรติประวัติ - ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (หนังตะลุง) ปี พ.ศ. 2546 - โล่เกียรติคุณในฐานะผู้อนุรักษ์มรดกไทยดีเด่น เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย - รางวัลพระสิทธิธาดาทองคำในฐานะผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม ด้านศิลปะการแสดงพื้นบ้าน[1] ถึงแก่กรรม ถึงแก่กรรมเมื่อเวลาบ่ายของวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ที่บ้านพักส่วนตัว ที่จังหวัดพัทลุง ด้วยโรคไตที่เรื้อรังมานาน สิริอายุได้ 78 ปี[2] มีพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ณ วัดอินทราวาส (วัดท่ามิหรำ) ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง เครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ. 2547 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 4 จตุตถดิเรกคุณาภรณ์ (จ.ภ.)[3] พ.ศ. 2530 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)[4] พ.ศ. 2528 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)[5] ที่มา https://th.wikipedia.org https://www.tungsong.com/NakhonSri/Artist/prom/prom.html