05 พฤศจิกายน, 2567
นายเห้ง โสภาพงศ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (เครื่องถม)
ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (เครื่องถม) ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๒๙
ประวัติศิลปิน
นายเห้ง โสภาพงศ์ เกิดเมื่อ พ.ศ. 2455 ที่บ้านหน้าวัดพระบรมธาตุ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายชี และนางนุ้ย โสภาพงศ์ เมื่ออายุ 8 ปี ได้เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนพระเสื้อเมือง (โรงเรียนวัดพระมหาธาตุในปัจจุบัน) จบชั้นประถมปีที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2466 แล้วไปเรียนต่อที่โรงเรียนช่างถม วัดวังตะวันออก ซึ่งได้พัฒนาเป็นวิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน จนจบหลักสูตรช่างถม เมื่อ พ.ศ. 2471 ได้ปฏิบัติงานอยู่ที่โรงเรียนนี้ถึง 3 ปี แล้วจึงออกไปทำงานเป็นช่างถมอย่างเต็มตัว เมื่ออายุ 22 ปี โดยประจำอยู่ที่ร้านสุพจน์(เป็นโรงงานและร้านที่ผลิตและจำหน่ายเครื่องถม ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครศรีธรรมราช ) ณ ที่นี้ นายเห้ง ได้รับการฝึกทำเครื่องถมเป็นพิเศษจาก นายรุ่ง สินธุรงค์ ช่างถมฝีมือเยี่ยมยุคนั้น จนทำให้นายเห้ง โสภาพงศ์ มีฝีมือเข้าขั้นเป็นช่างถมยอดเยี่ยมของเมืองนครศรีธรรมราชตามไปด้วย
เครื่องถมที่นายเห้ง โสภาพงศ์ ประดิษฐ์ มีตั้งแต่สิ่งเล็กๆ เช่น แหวน ล็อคเก็ต กำไล ไปจนถึงสิ่งของชิ้นใหญ่ๆ เช่น ขัน พาน ถาด การประดิษฐ์ ทำด้วยมือทั้งสิ้น นับตั้งแต่ขึ้นรูป การเขียนลวดลาย การสลัก การถม การขัด โดยใช้ความชำนิชำนาญ และความละเอียดลออและความอุตสาหวิริยะเป็นสำคัญ เครื่องถมเหล่านี้ได้ถูกจำหน่ายจ่ายแจก และเปลี่ยนมือไปหลายต่อหลายแห่ง ที่มีสะสมตอทอดอยู่บ้างในเวลานี้ พอจะหาดูได้ในวัดพระเขียน วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช ผลงานที่นายเห้ง โสภาพงศ์ ภาคภูมิใจก็คือ ชุดน้ำชาถมทอง ซึ่งตนร่วมกับช่างถมชาวนครหลายคนประดิษฐ์ขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2502 ชุดน้ำชาถมทองชุดนี้ เป็นชุดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงนำไปพระราชทานแด่ประธานาธิบดีไอเซฮาวด์ แห่งสหรัฐอเมริกา ในคราวเสด็จประพาสสหรัฐอเมริกาและยุโรปครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2503 นอกจากนั้นในช่วง 50 ปีเศษ ของการเป็นช่างถม นายเห้ง ได้ทำเครื่องถมเพื่อจำหน่ายบ้าง ทำตามที่ลูกค้าสั่งบ้าง หลายร้อยชิ้น ในจำนวนนี้เคยส่งเข้าร่วมประกวดในงานศิลปหัตถกรรมที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตหกรรม จัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2514 โดยได้รับรางวัลที่ 3 ด้วย นายเห้ง โสภาพงศ์ สมรสกับนางตุ้น โสภาพงศ์ มีบุตรธิดา 8 คน ในจำนวนนี้ผู้ชายสองคนคือ นายโสฬส โสภาพงศ์ และนายจรวย โสภาพงศ์ ได้สืบทอดวิชาการทำเครื่องถมและนำไปประกอบอาชีพสืบแทนบิดา นายเห้ง โสภาพงศ์ ได้สร้างผลงานด้วยความประณีตและพัฒนาอยู่เสมอ พร้อมที่จะเผยแพร่และถ่ายทอดวิชาความรู้แก่ศิษย์และผู้สนใจตลอดเวลา ซึ่งสมควรยกย่องไว้ในฐานะศิลปินแห่งชาติ ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ จึงได้ประกาศยกย่องให้นายเห้ง โสภาพงศ์ เป็นศิลปินพื้นบ้านดีเด่น ประจำปี 2529 สาขาเครื่องถม เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2529 ต่อมาในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2530 คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติก็ได้ยกย่องให้เป็น ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2529 สาขาทัศนศิลป์ (เครื่องถม) เข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ปัจจุบัน นายเห้ง โสภาพงศ์ ได้ถึงแก่กรรมแล้ว
ผลงานที่เป็นเอกลักษณ์
เครื่องถม เป็นศิลปหัตถกรรมชั้นเลิศของไทย และหนึ่งในสามงานฝีมือของช่างศิลป์ไทยในอดีต อันประกอบไปด้วย เครื่องเขิน เครื่องทอง และเครื่องถม สำหรับงานเครื่องถมนี้ ชาวนครศรีธรรมราชได้รับการสืบทอดความรู้มาจากช่างชาวโปรตุเกสตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ช่างฝีมือชาวนครศรีธรรมราชได้พัฒนางานถมเรื่อยมาจนกระทั่งกลายเป็นงานหัตถศิลป์ชั้นเลิศ จนเป็นที่รู้จักกันในนาม “ถมนคร”
เครื่องถมนครนั้น ถือเป็นงานประณีตศิลป์ชิ้นเอกแห่งแผ่นดิน ที่นอกจากจะเป็นเครื่องราชูปโภคแล้วยังเป็นเครื่องราชบรรณาการอีกอย่างหนึ่งด้วย ถือเป็นของขวัญชิ้นสำคัญที่พระเจ้าแผ่นดินมอบให้แก่
ราชอาคันตุกะในหลายยุคหลายสมัย สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ชาวนครศรีธรรมราชเป็นอันมากและด้วยความรู้ความสามารถในเชิงช่างที่สืบทอดต่อกันมา ทำให้ฝีมือของช่างถมเมืองนครเป็นเลื่องลือ และหนึ่งในช่างถมที่เป็นที่รู้จักและได้รับการยกย่องว่ามีฝีมือยอดเยี่ยมของจังหวัดนครศรีธรรมราชก็คือ ครูเห้ง โสภาพงศ์ ซึ่งตลอดชีวิตของท่านได้ทุ่มเทให้กับการสร้างสรรค์ชิ้นงานเครื่องถมมาโดยตลอด ตั้งแต่สิ่งของขนาดเล็ก เช่น แหวน ล็อกเกต กำไล ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ขนาดใหญ่ ได้แก่ ขัน พาน ถาด ฯลฯ ซึ่งต้องอาศัยความละเอียดลออ ความชำนิชำนาญ และความวิริยะอุตสาหะ เป็นสำคัญ ผลงานที่ทำให้ท่านภาคภูมิใจยิ่งคือ ชุดน้ำชาถมทอง ซึ่งท่านได้ร่วมกับช่างถมนครอีกหลายคนประดิษฐ์ขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ ซึ่งพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวได้ทรงนำไปพระราชทานแด่ประธานาธิบดีไอเซนฮาวด์ แห่งสหรัฐอเมริกา ในคราวเสด็จประพาส สหรัฐอเมริกาและยุโรปครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ สำหรับเครื่องถมอันเป็นผลงานของท่าน
ปัจจุบันได้ถูกจำหน่าย จ่ายแจก และเปลี่ยนมือไปหลายต่อหลายแห่ง ที่มีสะสมตกทอดอยู่บ้างในเวลานี้ พอจะหาดูได้ในวัดพระเขียนวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช ปัจจุบันศิลปะการทำเครื่องถมมีเหลือน้อยมาก ทั้งนี้ คงเป็นเพราะเครื่องถมเป็นของที่มีค่าและมีราคาสูงจึงใช้กันอยู่แต่ในราชสำนักและผู้มีฐานะดีเท่านั้น ขณะเดียวกันการทำเครื่องถมเป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือและความละเอียดประณีตสูง เพราะทำด้วยมือล้วนๆ อีกทั้งต้นทุนการผลิตก็สูงขึ้น และช่างฝีมือดีๆ ก็นับวันจะลดลง ดังนั้นจึงเป็นที่น่าเสียดายว่า ต่อไปในอนาคตหากคนรุ่นหลังไม่หวงแหน และอนุรักษ์ไว้ งานหัตถศิลป์นี้คงจะสูญหายไปโดยไม่มีผู้สืบทอด