05 กุมภาพันธ์, 2567

ประเพณีการกวนขนมอาซูรอ

ประเพณีการกวนขนมอาซูรอ ความเป็นมาและความสำคัญ ความเป็นมาของการกวนข้าวอาซูรอ หรือกวนขนมอาซูรอสืบเนื่องจากได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในสมัยนบีนุฮ (อล) ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ไร่นาของประชาชนและสาวกของนบีนุฮ (อล) และคนทั่วไปอดอาหาร นบีนุฮ (อล) จึงประกาศให้ผู้ที่มีสิ่งของเหลือพอจะรับประทานได้ ให้เอามากองรวมกัน และให้เอาของเหล่านั้นมากวนเข้าด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนได้รับประทานอาหารกันโดยทั่วหน้า การกวนข้าวอาซูรอ (ขนมอาซูรอ) เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คำว่า อาซูรอ เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม การรวมกัน คือการนำสิ่งของที่รับประทานได้หลายสิ่งหลายอย่างมากวนรวมกัน มีทั้งชนิดคาวและหวาน การกวนข้าวอาซูรอจะใช้คนในหมู่บ้านมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อความสามัคคีและสร้างความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อันมีผลต่อการอยู่ร่วมกันของสังคมอย่างมีความสุข ก่อนจะแจกจ่ายให้รับประทานกัน เจ้าภาพจะเชิญบุคคลที่นับถือของชุมชนขึ้นมากล่าวขอพร (ดูอา) ก่อน จึงจะแจกให้คนทั่วไปรับประทานกัน ขนมอาซูรอหรือขนมบูโบร์ซูรอ (ภาษาตุรกี:Aşure) เป็นขนมที่ชาวไทยมุสลิมทำขึ้นในวันที่ 10 เดือนมุฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของปฏิทินอาหรับ ขนมชนิดนี้เป็นขนมที่ได้จากการนำอาหารหลายอย่างมารวมกันแล้วกวนให้เป็นเนื้อเดียวกันคล้ายขนมเปียกปูน ประเพณีการกวนขนมอาซูรอเริ่มจากเจ้าภาพประกาศเชิญชวนชาวบ้านว่าจะมีการกวนขนม เมื่อถึงวันนัดหมาย ชาวบ้านจะนำเครื่องปรุงขนมมารวมกันและช่วยกันกวน เมื่อเสร็จแล้วจะกล่าวขอพรพระเจ้า แล้วจึงแบ่งขนมไปกินกัน เครื่องปรุงขนมที่ใช้ได้แก่ เครื่องแกง ข้าวสาร น้ำตาล กะทิ และของที่กินได้อื่นๆ เช่น มัน กล้วย ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไข่ เทศกาลดังกล่าวนี้เป็นเทศกาลอาชูรออ์ของชาวชีอะหฺที่ไว้อาลัยต่อการเสียชีวิตของอิหม่ามฮุเซน ชาวตุรกีเรียกขนมที่ทำในเทศกาลนี้ว่า Aşure หรือพุดดิ้งของโนอาห์ ซึ่งจะประกอบด้วยธัญพืช ผลไม้และถั่ว ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นขนมที่ครอบครัวของโนอาห์ทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการที่พวกเขามาถึงภูเขาอารารัต ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของตุรกี ชาวตุรกีทำขนมนี้ในวันอาชูรออ์ เพื่อระลึกถึงการสิ้นสุดของสงครามที่คัรบาลา สูตรการทำขนมนี้ต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น ประเพณีการกวนขนมอาซูรอเป็นประเพณีที่สำคัญของชาวมุสลิมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาเป็นเวลายาวนานนับพันปี ตามความเชื่อของชาวมุสลิม ประเพณีการกวนอาซูรอ เป็นการรำลึกถึงความยากลำบากของศาสดานุ นบีนูว์ โดยเชื่อว่าในสมัยของท่านมีเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำท่วมโลกเป็นระยะเวลานาน ศาสดานุ นบีนูว์ ซึ่งล่องลอยเรืออยู่เป็นเวลานาน ทำให้อาหารที่ตระเตรียมไว้ร่อยหรอลง จึงได้นำส่วนที่พอจะมีเหลืออยู่เอามารวมแล้วกวนกินกัน จึงกลายเป็นตำนานที่มาของขนมอาซูรอ และกำหนดไว้ในหลักศาสนาให้เป็นประเพณีที่ต้องปฏิบัติ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ทุกคนรักและสามัคคีกัน ในปัจจุบันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังมีการจัดเป็นงานประเพณีกวนขนมอาซูรอขึ้นในชุมชนเป็นประจำทุกปี ในชื่อว่า “งานอาซูรอสัมพันธ์” คำว่า อาซูรอ คือคำในภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม ในที่นี้หมายถึงการนำของที่รับประทานได้ทั้งของคาวของหวานจำนวน 10 อย่าง มากวนรวมกัน อีกทั้งยังหมายถึง วันที่ 10 ของเดือนมุฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของฮิจเราะห์ศักราชตามปฏิทินศาสนาอิสลาม เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาปีใหม่ของชาวมุสลิม โดยประเพณีอาซูรอสัมพันธ์จะจัดขึ้นในเวลานี้ ในทุกๆ หมู่บ้าน ชาวบ้านจะรวมตัวกันกวนขนมอาซูรอ และมีกิจกรรมต่อเนื่องทั้งเดือน ร่วมไม้ ร่วมมือ ร่วมใจ ประเพณีการกวนขนมอาซูรอ จึงเป็นประเพณีที่มีความสำคัญ เป็นการนำวัฒนธรรมที่ดีงามมาจัดเป็นกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ขึ้นในชุมชน เกิดความร่วมมือทั้งในหมู่พี่น้องประชาชนและหน่วยงานในท้องถิ่น เมื่อถึงเดือนมูฮัรรอม ชาวมุสลิมในพื้นที่ต่างๆ จะมีการหารือกันเพื่อจัดกิจกรรมนี้ขึ้น โดยมีเจ้าภาพจัดขึ้นตามบ้านบ้าง ตามมัสยิดหรือปอเนาะบ้าง เมื่อถึงวัน ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นเผือก มัน ฟักทอง กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เครื่องปรุง ข่า ตะไคร้ หอมกระเทียม เมล็ดผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ โดยชาวบ้านจะเตรียมทำให้วัตถุดิบแต่ละอย่างโดยหั่นให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บางอย่างทำให้สุกมาก่อน เพื่อที่พอมากวนแล้วจะได้เสร็จเร็วขึ้น การกวนจะใช้กระทะเหล็กขนาดใหญ่ ตัดไม้ไผ่มาทำเป็นไม้พาย ตั้งบนเตาฟืนที่ช่วยกันหาผืนเตรียมไว้ให้ หลังจากตั้งกะทะบนเตา คั้นน้ำกะทิใส่ลงไป ตำหรือบดเครื่องแกงหยาบ ๆ ใส่ลงในน้ำกะทิ เมื่อกะทิเดือดใส่อาหารดิบต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว คนด้วยไม้พายจนกระทั่งทุกอย่างเปื่อยยุ่ย กวนต่อไปจนเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อแห้งได้ที่แล้วตักใส่ถาด โรยหน้าด้วยไข่เจียวหั่นบาง ๆ หรืออาจโรยหน้ากุ้ง เนื้อวัวหรือเนื้อปลาเคี่ยวเปื่อย ผักชี หอมหั่นฝอย ประดับด้วยดอกไม้สวยงาม แล้วตัดเป็นชิ้นๆ แจกจ่ายกันรับประทาน ในการกวนขนมอาซูรอ สิ่งที่จำเป็นคือความรักสามัคคี ของคนในชุมชน การกวนจะใช้คนจำนวนมากเนื่องจากกระทะใหญ่ กระทะหนึ่งจะมีคนถือไม้พายช่วยกันกวน 2-3 คนผลัดเปลี่ยนกันรอบละประมาณ 20 นาที โดยต้องกวนหมุนวนไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ชนกัน ใช้เวลายาวนานเกือบ 6-7 ชั่วโมง โดยต้องกวนตลอดเวลา ทนกับความร้อนและควันไฟจากเตาฟืน ยิ่งนานขนมยิ่งข้น น้ำหนักการกวนยิ่งมากขึ้น ต้องระวังไม่ให้ขนมไหม้ จนกระทั่งสุกแห้ง มีรสชาติกลมกล่อมอร่อย คนที่ไม่ได้กวนก็ดูแลบริการน้ำ อาหาร จัดเวรผลัดเปลี่ยนกันกวน เมื่อเสร็จการกวนก็จะทำพิธีทางศาสนาและรับประทานร่วมกัน และมีการแบ่งขนมให้แก่ผู้ร่วมกวน รวมทั้งแจกจ่ายให้เพื่อนบ้านโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติศาสนา เป็นวิถีทางของชุมชนพหุวัฒนธรรม ประเพณีไม่แบ่งแยกศาสนา ประเพณีการกวนอาซูรอแม้ว่าจะเป็นประเพณีของชาวมุสลิม แต่มิได้เป็นหลักศาสนาที่กำหนดไว้แต่เฉพาะชาวมุสลิมเท่านั้น การกวนขนมไม่ได้จำกัดแค่ชาวมุสลิม ประชาชนไม่ว่าศาสนาใดก็สามารถมาร่วมกวนขนมได้ ภาพที่เกิดขึ้นในชุมชนก็คือชาวพุทธและมุสลิมต่างให้ความร่วมมือกัน เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน จึงสร้างความสัมพันธ์ในชุมชนได้เป็นอย่างดี ในหมู่ประชาชนตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่จนถึงผู้สูงอายุ ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน ผู้ใหญ่บ้าน เด็กๆ ในชุมชนก็ได้รับการสืบทอดผ่านการร่วมงานประเพณี ซึมซับตั้งแต่เด็กจนโตเช่นนี้ทุกปี ในปัจจุบันได้มีการปรับกิจกรรมในงานประเพณีอาซูรอสัมพันธ์ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น โดยจัดเป็นการแข่งขันกวนขนมอาซูรอเพื่อดึงดูดให้คนมาร่วมงาน เชิญกรรมการมาชิมขนมอาซูรอ โดยมีกรรมการจากทุกภาคส่วน ทั้งข้าราชการ และผู้นำศาสนา กระทะไหนชนะก็จะได้รางวัล มีทั้งรางวัลประเภทสวยงามและประเภทเลิศรส โดยรางวัลที่ได้รับ ชาวบ้านก็จะมอบให้กับมัสยิดของตนเอง เป็นการสร้างบุญกุศลตามศาสนาอิสลาม สามัคคีคือเบ้าหลอมแห่งสันติสุข ประเพณีการกวนอาซูรอมีเรื่องราว ตำนานความศรัทธาทางศาสนาแฝงอยู่มากมาย ฐานความเชื่อหลักคือ หากผู้ใดนำหลักศาสนามาปฏิบัติในชีวิตประจำวันผู้นั้นจะเกิดสันติสุขในตนเอง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความร่วมไม้ร่วมมือของคนในชุมชน พี่น้องประชาชนต่างศาสนา ผู้นำชุมชน และหน่วยงานราชการ ที่จะช่วยกันรักษาประเพณีอันดีงาม สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น และเมื่อที่ใดมีความรักความสามัคคี สันติสุขย่อมบังเกิดขึ้นในที่แห่งนั้นอย่างแน่นอน "ขนมอาซูรอ" ในเดือนมุฮัรรอม เป็นขนมที่ได้จากการกวนวัตถุดิบที่หลากหลาย ไม่มีสูตรตายตัว ใครมีอะไรก็ใส่รวมไปได้เลย เช่น ตะไคร้ มันเทศ ข้าวสาร ข้าวโพด นำมาใส่รวมกันในกระทะแล้วกวนให้แห้งเหนียว คำว่า “อาซูรอ” เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า การผสมหรือการรวม ขนมอาซูรอมีลักษณะคล้ายกับขนมเปียกปูน ซึ่งมีวิธีกวนคล้าย ๆ กับการกวนขนมกระยาสารทของไทย การกวนข้าวอาซูรอจะใช้คนในหมู่บ้านมาช่วยกันคนละไม้คนละมือมาช่วยกันทำ การกวน “อาซูรอ” เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มด้วยการนัดหมายให้ชาวบ้านทราบว่าจะมีการกวนข้าวอาซูรอ ที่ไหน เมื่อใด เมื่อถึงกำหนดนัดหมายชาวบ้านก็จะนำอาหารดิบต่าง ๆ มารวมกัน ก่อนที่จะช่วยกันส่งต่อไม้พายสลับสับเปลี่ยนกันกวนข้าวจนแห้งเหนียวได้ที่ ซึ่งการกวนจะใช้เวลาร่วม 4-5 ชั่วโมง จากนั้นก็ตักใส่ถาด ซึ่งกิจกรรมนี้ทำให้เราได้เห็นความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชุมชนก่อนที่ขนมจะเสร็จและพร้อมนำไปแจกจ่ายให้ทุกคนได้กินกัน การกวนข้าวอาซูรอเริ่มด้วยการที่เจ้าภาพประกาศเชิญชวนนัดหมายให้ชาวบ้านทราบว่าจะมีการกวนข้าวอาซูรอกันที่ไหน เมื่อใด เมื่อถึงกำหนดนัดหมายชาวบ้านก็จะนำอาหารดิบ เช่น เผือกมัน ฟักทอง มะละกอ กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เป็นต้น มารวมเข้าด้วยกันแล้วปอกหั่น ตัดให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นนำเครื่องปรุง เช่น ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม ผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ เป็นต้น มาเป็นเครื่องผสมโดยหั่นตัดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เช่นเดียวกัน สำหรับกะทิจะคั้นเฉพาะน้ำมาผสม วิธีกวน นำกะทะใบใหญ่ตั้งไฟ มีไม้พายสำหรับคนขนมอาซูรอ หลังจากตั้งกะทะบนเตา คั้นน้ำกะทิใส่ลงไป ตำหรือบดเครื่องแกงหยาบ ๆ ใส่ลงในน้ำกะทิ เมื่อกะทิเดือดใส่อาหารดิบต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว คนด้วยไม้พายจนกระทั่งทุกอย่างเปื่อยยุ่ย กวนต่อไปจนเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อแห้งได้ที่แล้วตักใส่ถาด โรยหน้าด้วยไข่เจียวหั่นบาง ๆ หรืออาจโรยหน้ากุ้ง เนื้อสมัน ปลาสมัน ผักชี หอมหั่นฝอย แล้วแต่รสนิยมของท้องถิ่น แล้วตัดเป็นชิ้น ๆ แจกจ่ายกันรับประทาน ขั้นตอน/วิธีทำ 1.เริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้นำมาทำความสะอาด 2.จากนั้นก็ตั้งกระทะใบใหญ่ตั้งไฟมีไม้พายสำหรับคนขนมอาซูรอ หลังจากตั้งกระทะบนเตา ซึ่งกระทะทำด้วยถังน้ำมันเนื่องจากมีความกว้างและสูง สามารถให้ไฟได้อย่างเต็มที่ 3.คั้นน้ำกะทิใส่ลงไป ตำหรือบดเครื่องแกงหยาบๆใส่ลงในน้ำกะทิ เมื่อกะทิเดือดแล้วใส่ข้าวสาร ต้องทำการกวนอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ข้าวสารจับตัว 4.เมื่อข้าวสารแตกตัวและเข้ากับน้ำแล้ว ก็ใส่วัตถุดิบอื่นๆ ตามไปด้วย อาทิ หัวมัน ข้าวโพด หัวปลี กล้วย ถั่ว เผือกมัน ฟักทอง เครื่องเทศ เครื่องชูรส ฯลฯ 5.คนด้วยไม้พายจนกระทั่งทุกอย่างเปื่อยยุ่ย กวนจนเป็นเนื้อเดียวกันเมื่อแห้งได้ที่แล้วก็ตัดใส่ถาดโรยด้วยหน้ากุ้ง เนื้อสัตว์ ปลา ผักชี หอมหั่นฝอยแล้วแต่รสนิยมของท้องถิ่น แล้วตัดเป็นชิ้นๆแจกจ่ายกันรับประทาน 6.สุมไฟให้แรงอยู่ตลอดเวลาและกวนอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อวัตถุดิบที่ใส่หลวมหรือละเลยจนเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็ชิมและแต่งรสชาติตามที่ต้องการ จากนั้นยกกระทงลงจากเตาเพื่อรอให้อาซูรอแข็งตัว เพื่อรับประทานต่อไป ประโยชน์ของภูมิปัญญา 1.ใช้เป็นอาหารเหมาะกับการจัดงานต่างๆ แต่ขนมอาซูรอจะนิยมทำในเดือนมูฮัรรอมทางศาสนาอิสลาม 2.เหมาะกับการจัดงานที่ใหญ่โต เพราะขนมอาซูรอจะทำแต่ละครั้งต้องอาศัยผู้คนมากๆ ทำครั้งเดียวแต่รับประทานกันหลายคน 3.จากการจัดกิจกรรมนี้(ขนมอาซูรอ)ทำให้ประชาชนในหมู่บ้านเกิดความสมัครสมานสามัคคีขึ้น
ที่มา: ประเพณีไทยดอทคอม http://www.prapayneethai.com/ http://www.prapayneethai.com/ http://www.m-culture.in.th/moc_new/ www.southpeace.go.th