01 กุมภาพันธ์, 2567

ประเพณีใส่ข้าวโบสถ์ เดือนสามหลามเหนียว

ประเพณีใส่ข้าวโบสถ์ เดือนสามหลามเหนียว ความเป็นมาและความสำคัญ ประเพณี หมายถึง การทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างสืบเนื่อง มีการถ่ายทอดจากคนรุ่นหนึ่งมายังรุ่นต่อๆ มาได้ ถ้าหากผู้หนึ่งผู้ใดไม่เห็นด้วยหรือไม่ทำตามก็อาจถือได้ว่ากระทำผิดประเพณี อาจได้รับการติฉินนินทาหรือแม้กระทั่งการถูกลงโทษ ประเพณีและพิธีกรรมในประเทศไทยเกิดจากความเชื่อในอำนาจลี้ลับเหนือธรรมชาติและศาสนา อันประกอบด้วยพุทธและพราหมณ์ มีการปฏิบัติเพื่อบูชาตามความเชื่อดังกล่าวผ่านประเพณีและพิธีกรรมในรอบปีหรือประเพณี 12 เดือน ทั้งนี้จำแนกได้เป็น ประเพณีหลวง และประเพณีราษฎร์หรือประเพณีท้องถิ่น ประเพณีหลวง คือ ประเพณีและพิธีกรรมอันเกี่ยวแก่พระมหากษัตริย์ ขณะที่ประเพณีราษฎร์หรือประเพณีท้องถิ่น คือ ประเพณีและพิธีกรรมอันเกี่ยวแก่ราษฎร มีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่เนื่องจากมีประวัติศาสตร์ความเป็นมา และสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน (ศรีศักร วัลลิโภดม, 2559) ประเพณีหลวง เป็นประเพณีที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ปฏิบัติเฉพาะในราชสำนัก ปัจจุบันกระทำขึ้นเพื่อเทิดทูนศาสนาและความเป็นสิริมงคลแก่สิริราชสมบัติ ตลอดจนเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของบูรพกษัตริย์ และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ราษฎรในการทำการเกษตร ทั้งนี้พระราชพิธี 12 เดือน ที่ปรากฏในปัจจุบัน ได้แก่ พระราชพีธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช พระราชพิธีสงกรานต์ พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระราชกุศลวิสาขบูชา พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวันปิยมหาราช เป็นต้น ขณะที่ประเพณีราษฎร์หรือประเพณีท้องถิ่น เป็นประเพณีที่สะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของท้องถิ่นและกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความหลากหลายและมีความแตกต่างไปในแต่ละพื้นที่เนื่องจากมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ สภาพอากาศตลอดจนประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน ประกอบไปด้วย ประเพณีเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์ ประเพณีเพื่อความเป็นสิริมงคลของชุมชนและงานรื่นเริง ประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อในโลกหน้าและความสำคัญของเครือญาติกลุ่มสายตระกูลและความสามัคคีและบูรณาการของชุมชนและท้องถิ่น และประเพณีการทำบุญเนื่องในพระพุทธศาสนามีการจัดขึ้นในรอบปีหรือเรียกว่า ประเพณี 12 เดือน ได้แก่ ประเพณีสงกรานต์ เทศกาลสารท เทศกาลออกพรรษา ประเพณีเซิ้งบั้งไฟหรือบุญบั้งไฟ เทศกาลเข้าพรรษา งานปอยส่างลอง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประเพณีทิ้งกระจาดวัดพนัญเชิง จังหวัดอยุธยา ประเพณีกำเกียง จังหวัดสุโขทัย ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ จังหวัดเพชรบูรณ์ ประเพณีสารทไทยกล้วยไข่ จังหวัดกำแพงเพชร ประเพณีเผาข้าวหลาม ไหว้พระบรมธาตุนครชุม เป็นต้น (ศิราพร ณ ถลาง, 2558, หน้า 360) ประเพณีใส่ข้าวโบสถ์ เดือนสามหลามเหนียว เป็นประเพณีที่จัดสืบทอดกันมาและเพื่อสืบสานพิธีกรรมทางศาสนา นอกจากการทำบุญกุศลแล้วยังเป็นการชุมนุมพบปะกันของคนในชุมชน นิยมจัดงานประเพณีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ปัจจุบันมีการจัดงานประเพณี ใส่ข้าวโบสถ์ เดือนสามหลามเหนียว หลายพื้นที่ และมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น ประเพณีเผาข้าวหลาม จังหวัดระยอง ประเพณีขึ้นเขาเผาข้าวหลามหรือประเพณีบุญข้าวหลาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และประเพณีเผาข้าวหลาม ไหว้พระบรมธาตุนครชุม จังหวัดกำแพงเพชร ประเพณีใส่ข้าวโบสถ์ เดือนสามหลามเหนียว จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น หลามเหนียวหรือข้าวหลาม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมบริโภคในทุกจังหวัดของประเทศไทย กระบวนการผลิตได้จากการนำข้าวเหนียว กะทิ น้ำตาล และเกลือ อาจเติมส่วนประกอบอื่นๆ เป็นไส้ข้าวหลาม เช่น สังขยา เผือก ถั่ว เนื้อสัตว์ ผัก หรือ ผลไม้มาบรรจุในกระบอกไม้ไผ่แล้วปิ้งจนสุก เนื่องจากในสมัยก่อนคนไทยจะใช้กระบอกไม้ไผ่ในการหุงข้าว ข้าวที่ได้มีลักษณะเป็นทรงกระบอกที่ถูกเชื่อมกันไว้ด้วยเยื่อไผ่ทำให้เป็นรูปทรงสวยงาม ปัจจุบันนี้คนไทยนิยมรับประทานข้าวหลามเป็นขนมหวาน โดยมีส่วนผสมหลักคือ ข้าวเหนียว กะทิ เกลือ ถั่วดำ และน้ำตาล หรืออาจมีส่วนผสมอื่นที่หลากหลายขึ้น เช่น ข้าวหลามสอดไส้โมจิ ซึ่งเป็นข้าวหลามที่นำเอาไส้ขนมโมจิที่เป็นที่นิยมและชื่นชอบ เช่น ไส้ถั่วไข่เค็ม แห้ว เผือก มะพร้าวอ่อน เป็นต้น นำมาใส่ในเนื้อข้าวหลามทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันพบว่ามีแหล่งผลิตข้าวหลามที่มีชื่อเสียงและเป็นผลิตภัณฑ์ของฝากประจำท้องถิ่นในประเทศไทยในหลายจังหวัด ได้แก่ ข้าวหลามหนองมน อำเภอแสนสุข จังหวัดชลบุรี ข้าวหลามพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ข้าวหลามแม่สวิงหนองเบน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ข้าวหลามชุมชนบ้านสวนตาล อำเภอเมือง จังหวัดน่าน และ ข้าวหลามบ้านพร้าว อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว มีการพัฒนารูปแบบของบรรจุภัณฑ์ข้าวหลามทดแทนการใช้ไม้ไผ่ เพื่อเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย เช่น ข้าวหลามในลูกมะพร้าวอ่อน และข้าวหลามบรรจุในถ้วยฟลอยด์พร้อมฝาพลาสติกปิดสนิท ซึ่งสามารถเก็บรักษาในตู้เย็นได้นานถึง 1 เดือน เวลารับประทานก็เพียงนำมาอุ่นในตู้ไมโครเวฟ เป็นต้น เนื่องจากในอดีตการเดินทางมาทำบุญค่อนข้างลำบาก ต้องใช้เวลานาน การนำข้าวปลาอาหารมาทำบุญ ถ้านำมาจากบ้านจะทำให้อาหารบูดเน่า ไม่สามารถถวายพระได้ ประกอบกับในช่วงเดือน 3 นี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านกำลังเก็บเกี่ยวข้าวใหม่ ดังนั้นชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธจึงนิยมนำข้าวเหนียวที่เก็บเกี่ยวได้ในช่วงต้นฤดู มาทำบุญกับพระสงฆ์เพื่อเป็นสิริมงคล คนโบราณจึงได้นำข้าวเหนียวมาเผาในบริเวณวัดเพื่อถวายพระสงฆ์ ก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนวิถีปฏิบัติให้เข้ากับยุคสมัยในภายหลัง ซึ่งทุกขั้นตอนกระบวนการทำข้าวหลามนั้นต้องใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ทุกวันเพื่อคุณภาพและความหอมอร่อยของข้าวหลามที่ไม่เหมือนใครทำให้เวลามีการจัดงานประเพณี ใส่ข้าวโบสถ์ เดือนสามหลามเหนียว นี้ขึ้น ข้าวหลามที่ขายอยู่เป็นประจำในเมืองจะขายแทบไม่ได้เลยเพราะประชาชนจะแห่มาซื้อข้าวหลามที่วัดกันหมด เพราะความอร่อยหอมมันแบบโบรา ประชาชนจะชอบรสชาติที่อร่อยแบบโบราณและเมื่อมีงานก็จะมีมหรสพ การแสดงหนังตลุง มโนรา เพลงบอก ซึ่งจะได้ทานข้าวหลามไปด้วยและเดินชมมหรสพไปด้วย ความหมายของคำว่า "เหนียวหลาม" เหนียวหลาม ก็คือ ข้าวหลามในภาษากลาง มีชื่อเรียกได้หลายอย่าง เช่น ข้าวหลาม หลามเหนียว เหนียวหลาม เป็นการนำข้าวเหนียวพร้อมส่วนผสม มาเผาโดยใช้ถ่านเผา หรือไมฟืน โดยมีผู้ที่ชำนาญในการย่างข้าวหลาม และปัจจุบันยังอนุรักษ์วัฒนธรรมการเผาที่มีลักษณะดั้งเดิมที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ จึงถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของภูมิปัญญาท้องถิ่น ในแถบอำเภอท่าศาลา วิธีการทำหลามเหนียว ส่วนผสม 1. ข้าวสารเหนียว 2. น้ำตาลทราย 3. กะทิ 4. ถั่วดำต้มสุก 5. เกลือป่น 6. ไม้ไผ่ข้าวหลาม 7. กาบมะพร้าว วัสดุอุปกรณ์ 1. ไม้ไผ่อ่อน 2. มีดปลอกข้าวหลาม (พร้า) 3. ราวเหล็ก (เตาเผาข้าวหลาม) 4. ถ่าน 5. ช้อนหรือทัพพี 6. หม้อสำหรับต้มน้ำกะทิ ใช้ในการต้มน้ำกะทิที่ผสมน้ำตาลและเกลือเพื่อจะนำมากรอกใส่ข้าวหลามและทำให้ข้าวหลามบูดช้าลง เพราะกะทิมีการต้มให้สุกแล้วนั่นเอง 7. ไม้คีบถ่าน ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงาน 1. ตัดไผ่ข้าวหลามให้ยาวประมาณ 12 นิ้ว ล้างเฉพาะด้านนอกกระบอกให้สะอาด คว่ำกระบอกลง พักไว้ให้แห้ง 2. ผสมกะทิ น้ำตาล และเกลือ รวมกันแล้วคนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย 3. ล้างข้าวสารเหนียวให้สะอาดจนกระทั่งน้ำใส นำข้าวใส่ตะกร้าเพื่อให้สะเด็ดน้ำ ใส่ถั่วดำ ต้มสุกลงในข้าว คลุกเคล้าให้เข้ากัน 4. นำข้าวที่ผสมถั่วดำแล้วใส่ลงในกระบอก 1 กำมือ กระแทกเบาๆ ทำสลับกันต่อไปเรื่อยๆ จนเต็มกระบอก เลือกด้านบนกระบอกไว้ประมาณ 2 นิ้ว สำหรับปิดจุก 5. นำกาบมะพร้าวม้วนมาปิดกระบอกข้าวหลาม 6. เผาข้าวหลามพอประมาณ 30-45 นาที สังเกตกระบอกมีสีเหลืองทั่ว แสดงว่าข้าวหลามสุก 7. ทิ้งไว้ให้อุ่น ปอกเปลือก และเหลาให้เปลือกข้าวหลามบางลง เพื่อให้แกะรับประทานได้ง่าย วิธีการเผาหลามเหนียว 1. ติดไฟเตา เมื่อไฟติดได้ที่แล้วจึงนำกระบอกหลามเหนียว ที่เตรียมไว้มาวางเรียงในลักษณะตั้งเอนขึ้นให้พิงกับแนวหลักที่ทำจากท่อนเหล็ก 2. ควรพลิกหลามเหนียวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้หลามเหนียวสุกอย่างทั่วถึง และไม่ให้หลามเหนียวไหม้บริเวณใดบริเวณหนึ่ง 3. หากกะทิเดือดมาก ต้องคอยดึงจุกหลามเหนียวออก แล้วเทกะทิใส่เข้าไปใหม่ 4. การย่างหลามเหนียว จะต้องอาศัยระยะเวลาในการย่างถึง 1 ชั่วโมง หลามเหนียวจึงจะออกมาดูน่ารับประทาน จะเห็นได้ว่าข้าวหลามเป็นของกินเล่น พื้นบ้านที่อร่อย แต่วิธีการทำ ส่วนผสม จะต้องมีเทคนิคและความชำนาญ รวมถึงแต่ละขั้นตอนการทำนั้นจะต้องใช้เวลาทั้งนั้น แต่เมื่อเทียบกับรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของคนใต้ ก็สมกับที่รอคอยเวลาให้ข้าวหลามสุก พร้อมไปทำบุญ และแบ่งปันให้ญาติและเพื่อนบ้านกันทีเดียว ประเพณี ใส่ข้าวโบสถ์ เดือนสามหลามเหนียว เป็นประเพณีที่สำคัญของชาวนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะอำเภอพรหมคีรี อำเภอท่าศาลา ที่มีประวัติความเป็นมาตามที่ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติร่วมกันมายาวนาน เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเจริญในสังคมของแต่ละยุคสมัย แสดงถึงความสงบสุขร่มรื่น มีความผูกพันกันแบบพี่น้อง เครือญาติ มีความเป็นระเบียบแบบแผนกฎเกณฑ์ที่ทุกคนต่างยึดถือปฏิบัติในรูปแบบเดียว สมาชิกในสังคมจึงมีส่วนช่วยทำให้เกิดวัฒนธรรมที่ดีงาม ช่วยให้สังคมและชุมชนมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่นและเกิดความเจริญอย่างยั่งยืน ถึงแม้ว่าสภาพของสังคมในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์โลก และเมื่อสังคมมีการเปลี่ยนแปล งจากสาเหตุดังที่กล่าวไว้แล้วจึงต้องทำให้วัฒนธรรมและประเพณีเกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย แต่เราจำเป็นจะต้องช่วยกันอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีในรูปแบบต่างๆ ที่มองเห็นว่ามีประโยชน์ต่อส่วนรวมในปัจจุบันและอนาคตเข้าไว้ เพื่อให้วัฒนธรรม พิธีกรรม และประเพณีเคียงคู่ไปพร้อมสังคมต่อไป ตามประวัติการก่อเกิดประเพณี “ใส่ข้าวโบสถ์ เดือนสามหลามเหนียว” มีประวัติความเป็นมาว่าในสมัยโบราณวัดวาอารามพื้นที่อำเภอพรหมคีรีเป็นวัดเล็ก ๆ ไม่ค่อยมีโบสถ์สำหรับให้พระสงฆ์ปฏิบัติกิจในทางพระพุทธศาสนา ทำให้พระสงฆ์จะต้องเดินทางไกล เพื่อไปหาวัดที่มีโบสถ์เพื่อปฏิบัติกิจของสงฆ์ หรือที่เรียกว่า “ลงพระอุโบสถ” โดยในขณะนั้นการคมนาคมไม่สะดวกรวดเร็วเหมือนในปัจจุบันต้องเดินเท้าเป็นหลัก ชาวบ้านเกรงว่าการเดินทางไกลหลายวันของพระสงฆ์จะไม่มีภัตตาหารฉันท์ระหว่างทาง จึงได้ร่วมกันทำหลามเหนียว หรือ “ข้าวหลาม” นำมาเก็บไว้ในโบสถ์หรือ “ใส่ข้าวโสถ์” เพื่อถวายพระสงฆ์ ให้ได้นำเหนียวหลามติดตัวในขณะเดินทางไกล โดยเหนียวหลามสามารถเก็บไว้ฉันได้นานหลายวัน จนกลายเป็นประเพณีในทางพุทธศาสนาสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และเชื่อว่าผู้ที่ร่วมกิจกรรม “ใส่ข้าวโบสถ์” จะได้บุญกุศลเป็นอย่างมาก ซึ่งประเพณีนี้โดยจะยึดเอาวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี เป็นวันร่วมกันหลามเหนียว ก่อนจะนำนำไปถวายพระหรือ “ใส่ข้าวโบสถ์ในวันรุ่งขึ้นคือวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 3 โดยในปัจจุบันนอกจากพุทธศาสนิกชนจะ ทำเหนียวหลามที่บ้านแล้วยังรมกลุ่มกันในแต่ละชุมชนในเขตเทศบาลตำบลทอนหงส์ ทั้ง 7 ชุมชน มาร่วมทำกันคนละไม้ละมือ โดยมารวมกันทำเหนียวหลามภายในวัดทอนหงส์ อำเภอพรหมคีรี เทศบาลพรหมโลก 13 ชุมชน รวมตัวกันทำหลามเหนียวที่วัดพรหมโลก หมู่ที่ 1 ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี พร้อมสละทรัพย์ส่วนตัว จัดหาวัตถุดิบในการทำเหนียวหลาม เช่น ไม้ไผ่ ข้าวเหนียว มะพร้าว ถ่านไฟ หรือฟืนที่นำมาใช้เป็นเชื้อเพลงในการเผาเหนียวหลาม รวมทั้งวัสดุ อุปกรณ์ที่จำเป็นในการทำเหนียวหลาม ที่วัดหลวงครู หมู่ที่ 7 ตำบลนาเรียง ได้มีการจัดกิจกรรมเดือนสามหลามเหนียว ทุกวันที่3 เดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี โดยชาวบ้าน จะช่วยกันนำหลามเหนียว มาเผาที่วัด หลังจากได้หลามเหนียว ก็นำมาให้คนได้ร่วมบุญกับทางวัด รายได้มาบูรณวัดและโรงเรียน โดยเรียกงานนี้ว่า งานเดือนสามหลามเหนียว ซึ่งจัดต่อเนื่องกันมากว่า 29 ปี โดยชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนชุมชนที่จะมีอาชีพทำนาทุกปี หลังเก็บเกี่ยวก็นำข้าวมาถวายให้กับทางวัดเพื่อให้วัดนำข้าวสารไปขายแล้วนำเงินมาทำนุบำรุงวัด และชาวบ้านก็จะเผาหลามเหนียวมาถวาย จนเป็นที่มาของประเพณี เดือนสามเหนียวเหนียวสืบสานกันมาจนถึงทุกวันนี้ กว่า29 ปี ทั้งงนี้ก็เพื่อรำลึกถึงพระครูวิริยานุศาสตร์หรืออาจารย์น่วมเจ้าอาวาสที่ก่อตั้งวัดและโรงเรียนวัดหลวงครูแห่งนี้ การหลามเหนียว หรือข้าวหลาม เป็นประเพณีการทำเหนียวหลาม เพื่อทำบุญเดือนสาม วันมาฆะบูชา โดยชาวบ้านแถบอำเภอท่าศาลาและพรหมคีรี จะร่วมกันหลามเหนียว เพื่อนำไปถวายพระที่วัด เรียกกันว่า “เดือนสาม หลามเหนียวข้าวโบสถ์” ชาวบ้านแต่ละบ้านจะช่วยกันตระเตรียมกระบอกไม้ไผ่ ข้าวเหนียว มะพร้าว น้ำตาล ตามแต่กำลังศรัทธา รวมตัวกันหลามเหนียว นอกจากจะนำไปถวายวัดแล้ว ทีเหลือก็แจกจ่าย แบ่งปันกันรับประทาน เป็นประเพณีที่สะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคี การช่วยเหลือกันและกัน และความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา การทำบุญเดือนสามหลามเหนียว นั้นเมื่อได้ข้าวหลาม หรือ “เหนียวหลาม” แล้ว จะมีการแบ่งปันให้เพื่อนบ้านแล้ว ชาวบ้านจะนำมาเก็บไว้ในโบสถ์หรือ “ใส่ข้าวโบสถ์” เพื่อถวายพระสงฆ์ ให้นำ เหนียวหลามไว้ฉันท์ได้นานหลายวัน และเชื่อว่า ประเพณีห ลามเหนียว ใส่ข้าวโบสถ์ จะได้บุญกุศลเป็นอย่างมาก การทำบุญใส่ข้าวโบสถ์เดือนสามหลามเหนียวที่วัดสโมสร อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ตรงกับวันมาฆบูชา ขี้น 15 คํ่าเดือน 3 ชาวบ้านพื้นถิ่นส่วนใหญ่เรียกว่า “หลามเหนียว” นิยมทำกันปีละครั้ง เป็นประเพณีชุมชนท้องถิ่นของ ต.หัวตะพาน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งจะแตกต่างกับชาวอำเภอพรหมคีรีที่ทำในวันขึ้น 7ค่ำเดือน3 และนอกจากชาวบ้านในอำเภอท่าศาลาที่ดำรงประเพณี เดือนสามหลามเหนียว ใส่ข้าวโบสถ์แล้ว ในอำเภอใกล้เคียงกัน เช่น อำเภอพรหมคีรี ก็ยังคงสืบสานประเพณีนี้เช่นเดียวกันอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปบ้าง เข่น การจัดริ้วขบวนแห่ข้าวหลาม พิธีทอดผ้าป่าเพื่อสมทบทุนสร้างโบราณสถาน โบราณวัตถุ หรือปรับปรุงวัด พิธีฉลองข้าวหลาม และถวายข้าวหลามแก่พระสงฆ์-สามเณร ถวายสังฆทานจากวัดต่าง ๆ ด้วย เป็นต้น
ที่มา https://library.wu.ac.th/NST_localinfo/khawhlam/ https://acc.kpru.ac.th : ชญาน์นันท์ ศิริกิจเสถียร และคณะ, 2562)