04 กุมภาพันธ์, 2567

ประเพณีทำขวัญข้าว

ความเป็นมาของประเพณีทำขวัญข้าว ประเพณีพิธีกรรมเกี่ยวกับข้าวมีหลากหลาย หรืออาจจะกล่าวได้ว่ามีเกือบทุกขั้นตอนของการทำนาตั้งแต่ก่อนการเพาะปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยว ด้วยความเชื่อเรื่องการให้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ประเพณีทำขวัญข้าวหรืออาจจะเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น เช่น สู่ขวัญข้าว สู่ขวัญแม่โพสพ เป็นประเพณีที่ทำกันในเกือบทุกภาคของประเทศ อาจมีพิธีกรรมทั้งที่คล้ายคลึงและแตกต่างกันไปตามพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่เป็นแสดงถึงการผสมผสานของความเชื่อเรื่องผีและขวัญ ประเพณีการทำขวัญข้าวคือสิ่งที่ชาวนาเชื่อว่าเป็นประเพณีที่ดีงาม ที่ต้องปฏิบัติเพราะจะมีเทพเจ้าผู้มีอำนาจมาดลให้ การเพาะปลูกข้าวได้ผลผลิตดีตามต้องการ ซึ่งเทพเจ้านั้นก็คือพระแม่โพสพ โดยการทำขวัญข้าวนี้ เป็นพิธีกรรมที่แสดงถึงความเชื่อและความศรัทธาต่อพระแม่โพสพ เพราะท่านเป็นธิดาแห่งข้าวฉะนั้นประเพณีดังกล่าว จึงจัดขึ้นเพื่อสร้างความเป็นสิริมงคล และขอบคุณพระแม่โพสพที่ช่วยดูแลผืนนาให้มีความอุดมสมบูรณ์ ตามความเชื่อเมื่อได้ทำพิธีแล้ว พระแม่โพสพจะช่วยคุ้มครองข้าวที่ปลูกในนา ให้มีผลผลิตที่ดีรวมทั้งยังช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้กับชาวนา และสร้างความมั่นใจว่าการทำนาในครั้งต่อไป นาข้าวจะปราศจากโรคภัยต่างๆ ทั้งสิ่งที่เกิดตามธรรมชาติและแมลงศัตรูพืช เช่น ช่วยให้เมล็ดข้าวไม่ล้มหนอนรวมถึงสัตว์ต่างๆ ไม่มากล้ำกรายและยังช่วยให้ได้ผลผลิตอันอุดมสมบูรณ์อีกด้วย นอกจากจะเป็นการบูชาพระแม่โพสพและช่วยให้ชาวนามีกำลังใจในการทำนาแล้ว การทำขวัญข้าว ยังช่วยให้เกิดความรักความสามัคคีของคนในท้องถิ่นด้วย การมาช่วยเกี่ยวข้าวอีกทั้งยังได้มาสนุกสนาน และช่วยกันทำงานกระทั่งการเก็บเกี่ยวสำเร็จและเมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วก็จะนำเข้าไปถวายพระสงฆ์ด้วย ซึ่งหลังนวดข้าวเสร็จเรียบร้อย เมื่อถึงวันพฤหัสบดีหรือวันศุกร์ ก่อนจะนำเข้าขึ้นยุ้งฉาง ให้ชาวบ้านนำเข้าที่เก็บได้นั้นมาทำขวัญข้าวและร้องเพลงทำขวัญข้าวแม่โพสพสร้างความสมัครสมานสามัคคีในชุมชนไปด้วยในตัว พระแม่โพสพเป็นเทพธิดาแห่งข้าว ถือเป็นผู้มีพระคุณต่อชาวนาทุกคนดังนั้นเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในผืนนาทั้งที่เกิดเองตามธรรมชาติ และเป็นสิ่งที่คนทำให้เกิด เช่น การ เกี่ยวข้าวโดยจะต้องมีการกล่าวขอขมาลาโทษ และเรียกขวัญต่อพระแม่โพสพทุกครั้ง รวมทั้งยังเป็นการแสดงความขอบคุณพระแม่โพสพที่ ดูแลผืนนามาตลอดระยะเวลาการปลูกข้าวและสร้างความเป็นสิริมงคล พร้อมช่วยดลบันดาลให้มั่งมีมากขึ้น ซึ่งการทำขวัญข้าวจะนิยมทำในวันศุกร์เพราะถือเป็นวันขวัญข้าวนั่นเอง ตำนานพระแม่โพสพกับการทำขวัญข้าว ตามความเชื่อเกี่ยวกับพระแม่โพสพของชาวพัทลุง มีเรื่องเล่าว่ามีเทพธิดาแห่งข้าวองค์หนึ่งอาศัยอยู่บนสวรรค์ต้องการให้มนุษย์ทั้งหลายมีข้าวกิน จึงจำแลงแปลงกายลงมาบนโลกในร่างของหญิงชรา แล้วนำหอผ้ามาด้วยห่อหนึ่งซึ่งในหอผ้านั้นมีเมล็ดพันธุ์ข้าวอยู่ เมื่อเทพธิดาในร่างหญิงชราเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ก็มีแต่คนรังเกียจแต่เมื่อไปถึงกระท่อมเก่าเก่าหลังหนึ่ง มีสองผัวเมียผู้ใจบุญแต่ยากไร้เงินทอง ถึงอย่างนั้นยังมีน้ำใจให้หญิงชราได้พักในกระท่อมของตนหญิงชรา จึงซาบซึ้งน้ำใจสองผัวเมียคู่นั้นอย่างมาก เทพธิดาข้าวในร่างหญิงชราจึงได้มอบห่อผ้า ซึ่งมีเมล็ดพันธุ์ข้าวอยู่ข้างในให้และบอกว่าให้นำเมล็ดนี้ไปโปรยลงพื้นดิน เมื่อเมล็ดข้าวได้รับน้ำและเกิดความชุ่มชื้นจะสามารถเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว กระทั่งออกรวงและสุกเหลืองก็สามารถนำมาใช้เป็นอาหารได้ หญิงชราบอกกับสองผัวเมียอย่างนั้นและได้ให้ทั้งสองผัวเมียนำเมล็ดพันธุ์ข้าวไปแจกจ่ายให้กับชาวนาด้วย เพราะนี่นี่คือสิ่ง ที่จะใช้เป็นอาหารในภายภาคหน้า เมื่อผู้จบหญิงชราคนนั้นก็หายไปชาวบ้านจึงคิดว่าน่าจะเป็นพระแม่โพสพหรือธิดาแห่งจำแลงลงมา ต่อจากนั้นมาเมื่อถึงเดือน6 ฝนเริ่มตกชาวนาจะทำการแรกไถนาและอัญเชิญพระแม่โพสพลงมาช่วยดูแลรักษา ให้ต้นข้าวแข็งแรงปราศจาก โรค และแมลงต่างๆ ตลอดจนมีการทำพิธีเรียกขวัญข้าวเพื่อตอบแทนและบูชาพระคุณ ของพระแม่โพสพด้วยที่ให้ข้าวกับมนุษย์ไว้ปลูกกินเป็นอาหารกระทั่งถึงปัจจุบัน ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำขวัญข้าว
การทำขวัญข้าวของบางจังหวัดอาจจะมีหนึ่งช่วงหรือบางจังหวัดทำสองช่วง คือช่วงที่เข้าตั้งท้องและช่วงเข้าพร้อมเพียว (ประมาณกลางเดือน 10 หรือประมาณเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี) ซึ่งแต่ละช่วงจะมีการเซ่นไหว้ไม่เหมือนกัน โดยการทำพิธีในช่วงข้าวตั้งท้อง มีความเชื่อว่าพระแม่โพสพเป็นเหมือนมนุษย์ หรือสิ่งเช่นกันเมื่อตั้งท้องก็น่าจะต้องกินอะไรที่เหมือนคนท้อง ซึ่งสิ่งนี้ขาดไม่ได้เลยคือของที่มีรสเปรี้ยว อ้อยและน้ำมะพร้าวเ ป็นต้น นอกจากนั้นยังต้องเตรียม หมากพลู กระทงกระดาษสีต่างๆ ผ้าแดง ผ้าขาว แป้ง น้ำมันใส่ผม น้ำอบไทย หวี กระจก ขนมหวานซัก2-3อย่างส้มเขียว หวานส้มโอ แกะกลีบ ใส่ลงชะลอมเล็กๆ รวมทั้งมี เส้นด้ายสีแดงและสีขาว เพื่อปลูกเครื่องเซ่นกับต้นข้าวดอกไม้ปักเสาไม้ไผ่แล้วเอาชะลอมแขวนไว้ในนา เพื่อให้พระแม่โพสพแต่งตัวและเสวยสิ่งของนั้นนั้น อีกทั้งมีความเชื่อว่าผู้ที่ทำพิธีขวัญข้าวนั้นนิยมให้ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของที่นาทำมากกว่าผู้ชาย แต่หากการทำพิธีรับขวัญข้าวจะทำพิธีได้เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น การกล่าวคำขอขมาต่อพระแม่โพสพ หลังจากที่มัดโยงเครื่องเซ่นกับต้นข้าวด้วยด้ายสีแดงและสีขาวเข้าด้วยกันแล้ว ผู้ทำพิธีจะมีการพรมน้ำหอม แป้งร่ำ ต้นข้าว ต่อจากนั้นให้จุดธูปปักลงบนที่นา พร้อมกล่าวคำขอขมาต่างๆ แล้วแต่ที่นึกได้โดย ส่วนมากจะเป็นการพูดบอกกล่าวถึงสิ่งที่กำลังจะทำและสิ่งที่ต้องการให้เกิดกับข้าวเช่นข้าวสวยๆ ได้ข้าวเยอะๆ ผลผลิตสูงเมื่อพูดทุกอย่างจบแล้วให้โห่ร้องเพื่อบอกกล่าวให้พระแม่โพสพรู้เจตนาของตน ทำพิธีรับขวัญพระแม่โพสพหลังเก็บเกี่ยว หลังจากพิธีขวัญข้าวในช่วงค่ำพร้อมเกี่ยวแล้ว ชาวนาจะลงเกี่ยวข้าวหลังจากนั้นจะมีการทำพิธีรับขวัญ พระแม่โพสพในวันขึ้น 9 ค่ำเดือน 6 ของทุกปี ซึ่งแม้ว่าปัจจุบันนี้จะสามารถทำนาได้ปีละประมาณ3ครั้ง แต่ประเพณีการทำขวัญข้าวและรับขวัญแม่โพสพ ยังคงทำตามแค่ในฤดูกาลเพาะปลูกหรือตามประเพณีในอดีตเท่านั้น โดยจะไม่มีการทำหลายครั้งตามจำนวนการเพาะปลูกข้าวของปัจจุบัน เครื่องสังเวยในการทำพิธีแต่ละช่วงเวลา เครื่องสังเวยสำหรับการทำพิธีช่วงเข้าในนากำลังตั้งท้อง ประกอบด้วย กล้วย อ้อย ถั่ว งา ส้มอย่างละ 1 คำ ใส่ตะกร้าสาน และ หมากพลูจีบ 1 คำ ส่วนของเซ่นไหว้ เมื่อเกี่ยวข้าวและนำขึ้นยุ้งข้าว ประกอบด้วยหมากพลูจีบ 1 คำและบุหรี่ 1 มวนทั้งมีข้าวที่เกี่ยวแล้ว 1 กำ ผ้าแดงผ้าขาว ขนาด 1 คืบอย่างละ 1 ผืนซึ่งสิ่งของเหล่านี้ก่อนจะทำพิธี ต้องจัดเตรียมให้พร้อม โดยเป็นสิ่งที่หาไม่ยากเลยเมื่อเทียบกับความเชื่อที่ว่าพระแม่โพสพ ทำให้ได้ผลผลิตของข้าวมากตามที่ต้องการ ประเพณีการทำขวัญข้าวนี้ถือเป็นประเพณีอันดีงามอย่างหนึ่งของไทย ที่แฝงไว้ด้วยคติสอนคนว่าคนเราจะต้องรู้จักสำนึกบุญคุณ ของผู้มีพระคุณ เรียกว่ากตัญญูและเมื่อรู้แล้วจะต้องตอบแทนบุญคุณท่านด้วย นั่นคือกตเวทีเหมือนการทำขวัญข้าวนี้ที่แสดงถึงความกตัญญูกตเวทีต่อพระแม่โพสพ ผู้บันดาลความอุดมสมบูรณ์ให้กับข้าว จึงเป็นประเพณีหนึ่งที่ต้องหวงแหนให้อยู่คู่กับเมืองไทยไปตราบกาลนาน