27 ตุลาคม, 2567

พลูปากหราม พลูดีนครศรีธรรมราช

พลูปากหราม พลูดีนครศรีธรรมราช
พลู (Betel) เป็นไม้เถา และเป็นพืชวงศ์เดียวกับพริกไทย จัดเป็นไม้เถาเลื้อยเนื้อแข็ง ลำต้นเกลี้ยงเป็นปล้อง และมีข้อ และเวลาแตกออกตามข้อของลำต้น ก็จะยึดเกาะวัสดุสำหรับช่วยพยุงลำต้นเลื้อยขึ้นที่สูงได้ และทำให้ลำต้นไม่หลุดร่วงลงสู่พื้นได้ง่าย ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว ออกสลับกัน รูปหัวใจหรือกลมแกมรูปไข่ ปลายใบแหลมหรือเรียวแหลม เนื้อใบค่อนข้างเป็นมันสด ใบอ่อนมีสีเหลืองอ่อน และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน และสีเขียวเข้ม เมื่อแก่เต็มที่จะมีสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะ รสเผ็ดร้อน เส้นใบนูนเด่นทางด้านล่าง ก้านใบยาว ดอกพลู มีสีขาว ออกรวมกันเป็นช่อ มีช่อดอกแบ่งเพศกันอยู่คนละต้น ประกอบด้วยช่อดอกตัวเมีย และดอกตัวผู้ มีใบประดับดอกขนาดเล็กรูปวงกลม ดอกมักบานไม่พร้อมกัน จึงทำให้ไม่ค่อยพบเห็นผลของพลู เพราะมีโอกาสผสมเกสรน้อย ดังนั้นเวลาปลูกจะต้องยึดกับเสาหรือต้นไม้อื่นเป็นหลักเรียกว่า ค้างพลู โดยทั่วไปจะเห็นต้นหมากเป็นค้าง (พลู ประโยชน์ดีๆ สรรพคุณเด่น ๆ และข้อมูลงานวิจัย, ม.ป.ป.) ลักษณะเฉพาะของพลู พลูเป็นพันธุ์ไม้เถาใบมีสีเขียวหลายระดับ การปรับระดับสีของใบพลูเป็นไปตามระยะเวลาของธรรมชาติ เนื้อใบของพลูผลิใบออกมาเป็นสีเขียวอ่อนสว่างปนเหลืองและจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากใบอ่อนมีสีเขียวอ่อนสว่าง จนเป็นใบแก่มีสีเขียวเข้มแก่จัด -ใบเป็นรูปหัวใจขนาดต่าง ๆ กันตามความแก่อ่อน -พลูแตกยอดเป็นช่อและเติบโตตามแขนงของลำต้นอย่างมั่นคง แข็งแรง -เส้นของใบเป็นเส้นคู่สับหว่างบรรจบกันที่แกนกลางของใบ -เถาพลูจะยืดออกเกาะติดพื้นด้วยรากอ่อนเลื้อยไปตามระดับพื้น พลูบางเถายึดต้นไม้ทำหลักแต่จะไม่ทำให้หลักหรือค้างพลูเสียหาย ต้นพลูยิ่งแตกใบมาก ต้นไม้หลักก็จะดีไปด้วยกัน พลูช่วยห่อลำต้นไม้หลักให้อบอุ่น
พลูเป็นพืชที่มีความเกี่ยวพันกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยมาช้านาน ในลักษณะการบริโภคกับหมากหรือที่เรียกกันว่า “การกินหมาก” ทั้งนี้เพราะในพลูมีสารชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคมีอาการกระปรี้กระเปร่า สมองแจ่มใส นอกจากนี้พลูยังสรรพคุณรักษาโรคได้หลายชนิด ทำให้พลูเข้ามามีส่วนกับศิลปะวัฒนธรรม และขนบธรรมเนียม ประเพณี และวิถีชีวิตประจำวัน ดังนั้นการปลูกพลูจึงมีอยู่ทั่วไป นครศรีธรรมราชปลูกพลูเฉพาะเชิงเขา นิยมกินพลูหนัก ที่นิยมกินมีหลายชนิด พลูวังโหล พลูปากหราม พลูจำปา และพลูคลองงา แต่ที่นิยมกินกันมากที่สุดคือพลูปากหราม จนมีสำนวนถึงของดีเมืองนครศรีธรรมราชว่า “เคยปากพนัง ยากลาย ดีปลีกลาย พลูปากหราม ควายงามสิชล คนงามฉลอง” พลูที่นิยมปลูกในจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แก่ -พลูปากหราม ปลูกแถบอำเภอพรหมคีรี -พลูวังโหล ปลูกแถบอำเภอลานสกา -พลูจำปา ปลูกแถบอำเภอทุ่งสง -พลูคลองงา ปลูกแถบอำเภอช้างกลาง หลักฐานจากศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช สมัยสุโขทัยมีกล่าวถึงพลูดีที่นครศรีธรรมราชไว้ว่า “ป่าหมาก ป่าพลู พ่อเชื้อมันไว้แก่ลูกมันสิ้น” เพราะพระร่วงเจ้าก็กินหมากสุโขทัยนำเข้า หมากและพลูไปจากนครศรีธรรมราช พลูดีที่นครศรีธรรมราชกับบทบาทต่อประเพณีและวัฒนธรรมพื้นถิ่น พลูมีประวัติความเป็นมายาวนานมีบทบาทต่อการบริโภคและเป็นยาสมุนไพร ในอดีตชาวบ้านมักพกพลูติดตัวหากเกิดอุบัติเหตุจะใช้พลูห้ามเลือด พอกแผลสด นอกจากนี้แล้วพลูยังมีบทบาทต่อประเพณีและวัฒนธรรมพื้นถิ่นของนครศรีธรรมราชอีกด้วย ประเพณีและพิธีกรรม ประเพณีที่มักจะใช้พลูเป็นส่วนสำคัญ และขาดไม่ได้ ได้แก่ 1.ประเพณีการแต่งงาน ใช้หมากพลูจัดขันหมาก 2.ประเพณีสารทเดือนสิบใช้หมากพลูใส่หฺมฺรับ 3.พิธีไหว้ครูโนรา โนราโรงครู พิธีครอบเทริดผูกผ้าใหญ่ ใช้หมากพลู และกรวยพลู 4.พิธีทำขวัญเด็กใช้ใบพลูเจิมหน้าเด็ก 5.พิธีกรรมอื่น ๆ ที่ใช้กรวยหมากพลู เช่น พิธีอุปสมบท พิธีวางศิลาฤกษ์ พิธีบวงสรวงต่าง ๆ 6.และรวมถึงวัฒนธรรมการกินหมากมีใบพลูเป็นเครื่องเคียงด้วย
วัฒนธรรมการกินหมากและพลู คนไทย โดยเฉพาะคนไทยสมัยโบราณมีวัฒนธรรมการกินหมากมีใบพลูเป็นเครื่องเคียงด้วย แต่ในปัจจุบันความนิยมลดลงมากจนหายากแล้ว ในอดีตชาวนครศรีธรรมราชนิยมกินหมาก ในแต่ละวันกินไม่น้อยกว่าสามคำ บางคนก็กินไม่ขาดปาก จนปากลิ้น ฟันแดง นานๆเข้าจากฟันแดงก็กลายเป็นฟันดำ ซึ่งในสมัยนั้นเรียกฟันดำว่า "ฟันงาม" ผู้ที่นิยมกินหมากก็อยากจะให้ฟันของตนงาม ก็จะเสาะหา หมากและพลูที่มีคุณภาพและรสชาติดี ถูกปาก นั่นก็คือ "พลูปากหราม" สำหรับพลูที่ใช้กินหมากมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น พลูเผ็ด พลูลูกยาว แต่พลูที่นิยมมากที่สุดคือพลูปากหราม เพราะกินแล้วฟันงาม บ้านปากหราม เป็นชื่อดั้งเดิมของบ้านนอกท่า มีอาณาบริเวณคลอบคลุมบ้านในหมง บ้านปลายอวน บ้านพรุชนเหนือ พรุชนใต้และบ้านอ้ายเขียว ในเขตตำบลพรหมโลก และ ตำบลทอนหงษ์ อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นที่บ้านปากหราม ตั้งอยู่เชิงเขา อยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติสมบูรณ์ มีความชุ่มชื้นตลอดทั้งปี พลูจึงเจริญงอกงามดีเป็นพิเศษกว่าที่อื่น และรสชาติถูกปากชาวนคร ชื่อเรียกมาจากภาษาพื้นบ้านนครศรีธรรมราชเรียกคนที่กินหมากจนปากเป็นสีแดงว่า ปากหราม และพื้นที่ในเขตภูเขาเรียกว่า เหนือ ชื่อโบราณนี้จึงสะท้อนลักษณะทางวัฒนธรรมและทำเลที่ตั้งของชุมชน “เหนือปากหราม” ต่อมาเปลี่ยนชื่อชุมชนเป็น “พรหมโลก” ตามชื่อของผู้ปกครอง คือ ขุนพรหมโลก ลักษณะของพลูปากหราม ใบจะเขียวอ่อน รูปใบสวยงามคล้ายใบโพธิ์ ปลายใบแหลม ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ไม่หนาเกินไป ใบพลูกรอบน่าเคี้ยวขนาดก็พอดีคำ รสเผ็ดพอดี ไม่เผ็ดมากเหมือนพลูเผ็ด และไม่จืดเหมือนพลูก้านยาว ในปัจจุบันบ้านปากหราม จะไม่ค่อยมีคนรู้จัก จะมีก็คนเก่าแก่ในพื้นที่เรียกบ้าง แต่จะเปลี่ยนจากปากหรามเป็นสวนหราม ซึ่งสวนของคุณแม่ผู้เขียนก็มีสวนสมรมอยู่ที่นี่ด้วย และเพื่อให้พลูปากหรามยังคงมีอยู่ คู่กับชาวพรหมคีรี หลายครัวเรือนที่สนใจปลูก โดยปลูกลงไปในสวนสมรม ที่มีอยู่ ให้เถาว์พลูยึดเกาะกับต้นไม้ใหญ่ในสวนที่มีอยู่ เป็นการเสริมรายได้อีกทาง ซึ่งราคาจำหน่ายพลูปากหรามในปัจจุบัน ขายเป็นกำ กำละ 15-25 บาท แต่ละกำจะมีพลูอยู่4แถว แถวละ 10 ใบ และสามารถเก็บใบพลูได้ตลอดทั้งปี ทิ้งช่วงระยะห่างบ้างให้พลูแตกยอดใหม่ ก็ประมาณ 3 เดือน พลูปากหราม สามารถเสริมรายได้อย่างงาม กับคนที่เห็นคุณค่าในการอนุรักษ์พันธุ์พืชชนิดนี้ไว้ ที่มา https://library.wu.ac.th/NST_localinfo/betel/ https://trippromkhiri.blogspot.com/