25 เมษายน, 2568
พิธีกรรมต่างๆในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์
พิธีกรรมต่างๆในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์
พฤติกรรมที่บ่งถึงความเชื่อของบุคคลและสังคมการเรียนรู้เกี่ยวกับพิธีกรรมจะทำให้เข้าใจถึงจุดประสงค์ของศาสนาที่แท้จริงฉะนั้นพิธีกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องเรียนรู้เช่นพิธีกรรมเกี่ยวกับชุมชน
1 พิธีตรียัมพวาย(หรือแห่นางดาน ในพิธี นี้เป็นพิธีต้อนรับเทพเจ้าของพวกพราหมณ์ตามปกติถือเป็นว่าพระอีศวรได้เสด็จลงมามาเยี่ยมมนุษย์โลกปีละครั้งครั้งละ 10 วันคือวันขึ้นเก้าค่ำเดือนอ้ายถึงแรมหนึ่งค่ำจึงเสด็จกลับพระนารายณ์เสด็จลงมาเป็นเวลาห้าตั้งแต่วันแรมหนึ่งค่ำถึงแรมห้าค่ำเดือนอ้ายเนื่องจากพราหมณ์ในประเทศไทยนับถือพระอีศวรมากกว่าพระนารายณ์ ฉะนั้นพิธีต้อนรับและส่งพระอีศวรจึงทำการอย่างเอิกเกริก
2 สองพิธีแรกนาขวัญ  พิธีนี้เป็นพระราชพิธีประจำเมืองนครศรีธรรมราชมาแต่เดิมกระทำการในช่วงเดือนหกตามปกติแล้วพิธีแรกนาขวัญตามหัวเมืองมักจะมีของหลวงพระราชทานให้ด้วยแต่สำหรับเมืองนครไม่มีของหลวงพระราชทานส่วนมากพราหมณ์เป็นธุระในการทำพิธีสำหรับตอนแรกแต่ตอนหลังเข้าใจว่าพระสงฆ์ร่วมด้วย
3 พิธีสวดผภาณยักษ์ เพื่อไล่แม่มด  พิธีนี้เป็นส่วนหนึ่งของพิธีหลุดหรือพิธีสัม สัมพัฒน์พัจฉรฉินทร์ เป็น พระราชพิธีสิ้นปีที่สืบเนื่องมาจากพิธีของพราหมณ์แห่งอินเดียภาคใต้เมื่อศาสนาพราหมณ์ได้เข้ามาสู่ประเทศในเอเซียอาคเนย์พิธีนี้ได้เข้ามาด้วยแม้ชนแถบนี้จะนับถือศาสนาพุทธหรือศาสนาอิสลามแต่ความเชื่อในเรื่องภูตผีปีศาจยังไม่ จางหายไป
4 พิธีดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยา  พิธีนี้น่าจะเป็นพิธีดั้งเดิมของพวกนักรบคือกษัตริย์ในประเทศอินเดียเป็นพิธีสาบานของผู้ถืออาวุธและผู้เข้ามาสวามิภักดิ์ต่อผู้ปกครองหรือกษัตริย์จะซื่อสัตย์สุจริต ถ้าทุจริตหรือคิดไม่ซื่อก็ขอให้เป็นไปต่างๆนานาส่วนในประเทศไทยเข้าใจว่าพิธีนี้เจริญเต็มที่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาถูกยกเลิกไปเมื่อพ.ศ. 2475
5 พิธีขอฝน(พระพิรุณศาสตร์) พิธีนี้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณตามลักษณะ ความเชื่อว่าธรรมชาติต่างๆมีเทวดาประจำอยู่และสามารถบันดาลสิ่งต่างๆตามที่มนุษย์ต้องการได้
6 พิธีงานเดือนสิบ พิธีนี้ถือตามจันทรักษ์คติคือวันแรมหนึ่งค่ำเดือน 10 และวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ประมาณเดือนกันยายน  ตามสุริยคติเมื่อถึงวันนี้แล้วโดยทั่วไปคนไทยทุกภาคต่างก็ถือกันว่าเป็นวันทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย  แต่เนื่องจากในเมืองนครศรีธรรมราชถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญยิ่งผู้ที่อยู่ถิ่นไกลจะต้องหาโอกาสกลับบ้านในวันนี้ให้ได้เพื่อทำบุญให้แก่บรรพบุรุษประเพณีนี้น่าจะเกิดจากความเชื่อเรื่องวิญญาณและเรื่องกรรมประกอบการ
7 พิธีสงกรานต์ตามสุริยคติ  เป็นวันที่ 13 14 15 เมษายนของทุกปี  พิธีสงกรานต์ของจังหวัดนครศรีธรรมราชต่างจากพิธีในจังหวัดอื่น  วันที่ 13 เมษ  อันเป็นวันมหาสงกรานต์  ชาวนครศรีธรรมราช    วันเจ้าเมืองเก่า  วันที่ 14 ชาวนครศรีธรรมราชเรียกว่า  วันว่าง  ส่วนวันที่ 15 อันเป็นเถลิงศก  ชาวนครศรีธรรมราชเรียกว่าวันเจ้าเมืองใหม่
พิธีกรรมเกี่ยวกับชีวิต
เป็นพิธีที่มุ่งความเจริญรุ่งเรืองต่อชีวิตโดยตรงเช่น  ต้องการให้มีพลานามัยสมบูรณ์ปราศจากโรคภัยต่างๆ  ต้องการให้อายุยืน  ต้องการให้คนอื่นเมตตาเอ็นดูเช่น
1 พิธีฝังรก  ให้ฝังนับตั้งแต่วันคลอดไปเจ็ดถึง 30 วัน  หรือเกินก็ได้  แต่ดูฤกษ์ยามให้เป็นสิริมงคลแก่เด็ก  กำหนดทิศทางให้ให้ดีตามตำราพรหมชาติ  เมื่อจะฝังให้เอาแป้งหอม  น้ำมันหอม  ข้าวตอกดอกไม้  ธูปเทียน  บูชาบวงสรวงเทพยดาฟ้าดินและเทวดาอื่นๆให้เสร็จสิ้นเสียก่อนแล้วจึงเริ่มพิธีฝังรก
2 พิธีเชิญแม่ซื้อ  จุดประสงค์ของพิธีนี้เกิดจากความเชื่อของประชาชนทั่วไปที่ว่าเมื่อเด็กเกิดมาใหม่ใหม่นั้นมีพี่เลี้ยงคอยดูแลพี่เลี้ยงในที่นี้หมายถึง  เทพเจ้าประเภทหนึ่งเรียกว่าแม่ซื้อ  เป็นเทพธิดา  ที่พระอีศวรได้ส่งมาเพื่อรักษาเด็กให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ  ขณะเดียวกันก็ได้อยู่เป็นเพื่อนเด็กไม่ให้เหงา
3 พิธีขึ้นเปล  พิธีขึ้นเปลการขึ้นเปลต้องดูฤกษ์ยามให้ถูกต้องกับดวงชะตาของเด็กด้วยต้องเตรียมของต่างๆสำหรับพิธีคือฟักเขียวผลหนึ่ง  เลือกผลที่งามบริสุทธิ์  โตพอสมควร  นำมาอาบน้ำทาแป้งหอม  ให้หาแมวสีทองที่เชื่องหนึ่งตัว  นำมาแต่งตัวผูกสร้อยแหวนเงินแหวนทอง  นอกจากนี้ก็มีแป้งเจิมมีด  กรีชเล่มหนึ่ง  ข้าวขวัญจากปากหม้อสามปั้น  น้ำผึ้ง  น้ำตาล  น้ำที่แหลมสามอัน
4 พิธีทำขวัญเด็ก  จุดประสงค์ของพิธีนี้เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่เด็กให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆให้มีสติสมบูรณ์ไม่สะดุ้งตกใจมีอารมณ์แจ่มใส  เป็นพิธีป้องกันไม่ให้ขวัญออกไปจากตัวและเรียกขวัญที่ออกไปแล้วให้เข้ามาอยู่เป็นประจำ
5 ทำพิธีขวัญนาค  จุดประสงค์ของการทำขวัญนาค  เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่คุณบุตรผู้จะบวชด้วยความเชื่อว่าขวัญของเจ้านาคจะอยู่ไม่เป็นปกติหรือเร่ร่อนไปในสถานที่ต่างๆ  ก็ควรเชิญมาประจำเจ้าตัวนาคอีกประการหนึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับ  หรือผู้ทำพิธีจะได้พรรณนาขของบิดามารดาให้เจ้านาคฟัง  เพื่อแสดงถึงบุพกาลคุณ  ของบิดามารดา  ที่บุตรควรตอบแทน  จึงจัดให้มีพิธีทำขวัญนาคขึ้น
6 พิธีแต่งงาน  ในพิธีแต่งงานนอกจากมีพระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถามีผู้หลักผู้ใหญ่ให้พรแล้วก็จะจะมีหมอพราหมณ์ผู้ทำพิธีให้คู่บ่าวสาวเพื่อให้เกิดสิริมงคลมากขึ้นเกิดความมั่นใจมากขึ้น
7 พิธีงานศพ นอกจากเป็นงานที่เป็นไปตามประเพณีนิยมแล้วยังมีลักษณะหลายอย่างที่บ่งว่าประชาชนทั่วไปมีความเชื่อเรื่องวิญญาณว่าจะไปเกิดที่ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลกรรมที่ตนทำไว้หรือญาติอุทิศไปให้
พิธีมงคลอื่นๆ
1.พิธีชุมนุมเทวดา บทชุมนุมนี้เป็นบทที่สำคัญที่สุดบทหนึ่งที่พราหมณ์ผู้ประกอบพิธีต้องร่ายเช่น  พิธีตั้งศาลพระภูมิ  ขึ้นบ้านใหม่  วางศิลาฤกษ์  หล่อพระพุทธรูป  ยกเสาเอก เป็นต้น
2. พิธีทำขวัญเรือ  วัตถุประสงค์ของพิธีนี้เพื่อให้เกิดสิริมงคลแก่เรือและเจ้าของเรือชาวบ้านทั่วไปมีความเชื่อว่าไม้แต่ละชนิดนั้นมีนางไม้ประจำอยู่  ถ้าไม่สิ้นบูชาก็จะเกิดภัยพิบัติต่างๆเช่นโดนพายุ  หาปลาไม่ได้  จึงต้องทำพิธีทำขวัญเรือ
3. พิธีทำขวัญข้าว  ขวัญข้าวก็เหมือนกับขวัญของคนสัตว์หรือสิ่งของอื่นคนทั่วไปเชื่อว่ามีอยู่ประจำต้นข้าวเรียกว่าแม่โพสพแม่โพสพนี้อาจให้คุณ ให้โทษ แก่เจ้าของเข้าได้ จึงต้องมีพิธีทำขวัญเพื่ออ้อนวอนให้ช่วยอำนวยความสุข  ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงความกตัญญูแม่โพสพด้วย
4. พิธีสะเดาะเคราะห์  ตามความเชื่อของประชาชนทั่วไปว่า  ในสถานที่ทุกหนทุกแห่งมีเจ้าที่เป็นผู้รักษาอยู่เมื่อจะปลูกบ้านหรือทำกิจการอะไรต่างๆต้องขอ  ถ้าหากไม่ขออนุญาตก็จะประสบภัยภัยพิบัติต่างๆ  แต่ถ้าทำให้ถูกวิธีแล้ว  สิ่งไผ่ก็จะกลายเป็นดีได้
5.บทมหารำเลิก  ตามความเชื่อของประชาชนทั่วไปว่า ในสถานที่ทุกหนทุกแห่งมีเจ้าที่เป็นผู้รักษาอยู่ เมื่อจะปลูกบ้าน หรือทำกิจกรรมอะไรต้องขออนุญาตก่อน ถ้าหากไม่ขออนุญาตก็จะประสบภัยพิบัติต่างๆ แต่ถ้าทำให้ถูกพิธีแล้วสิ่งถัยก็จะกลายเป็นดี
6 พิธีลงยันต์  แยกออกได้สองประการคือ
6.1 หมายถึงแผนภูมิหรือแผนผังซึ่งเชื่อกันว่ามีอำนาจลึกลับแฝงอยู่  ส่วนมากแล้วมักสลักบนแผ่นโลหะ เช่นตะกั่ว  ทองเหลือง  ลงบนผ้า  มีรูปร่างแตกต่างกันไป
6.2  หมายถึงคาถา  สำหรับเสกลงไปในวัตถุต่างๆ  เพื่อใช้เป็นเครื่องรางของขลัง
ที่มา  หน่วยศิลปากรที่ 8 
พิพิธภัณฑ์ฑสถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช 
หอจดหมายเหตุนายกรัฐมนตรี 
หอสมุดแห่งชาตินครศรีธรรมราช
24 เมษายน, 2568
พราหมณ์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช
ประวัติความเป็นมา 
ศาสนาพราหมณ์  เป็นศาสนาดั้งเดิมของชาวอารยันที่อพยพเข้ามาอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำสินธุประเทศอินเดีย เมื่อลาว 4000 ถึง 3500 ปีมาแล้ว ศาสศาสนานี้เกิดจากการผสมกลมกลืน  ระหว่างคัมภีร์พระเวท  คือความเชื่อในเทพเจ้าที่เกี่ยวกับธรรมชาติ หรือลมฟ้าอากาศ  ซึ่งชาวอารยันได้ยกย่องธรรมชาติเหล่านั้นขึ้นเป็นเทพเจ้า เช่น อาทิตย์ดวงจันทร์ ไฟ พายุ และน้ำ เป็นต้น กับความเชื่อถือดั้งเดิม ของชาวพื้นเมืองในประเทศอินเดีย ซึ่งอาจจะเป็นพวกดราวิเดีย(หรือทมิฬ หรือมิลักขะ หรือทราวิท หรือทัสยุ )  ผู้ถูกชาวอารยันรุกรานอันเป็นความเชื่อเกี่ยวกับสังสารวัฏ(การเวียนว่ายตายเกิด) ตั้งแต่เรา 1000 ปีก่อนพุทธกาลอันเป็นที่มาของศาสนาพราหมณ์
ศาสนาพราหมณ์ได้นำเอาระบบวรรณะเข้ามาใช้ โดยแบ่งมนุษย์ออกเป็นสี่วรรณะ คือ วรรณะพราหมณ์ (ผู้มีความรู้เกี่ยวกับพระพรหม ประเวท พระอาตมัน) วรรณะกษัตริย์(นักรบหรือผู้ป้องกันภัย) วรรณะแพศย์ (ผู้ทำหน้าที่ประกอบการค้า  และพาณิชยการต่างๆ)  และวรรณศูทร (กรรม ผู้รับใช้ในกิจการต่างๆโดยทั่วไป
		ศาสนาพราหมณ์มีนิกายหรือลัทธิที่สำคัญหลายนิกาย แต่จากหลักฐานทางโบราณคดี ที่ค้นพบในภาคใต้ของประเทศไทย  ในขณะนี้  อาจจะกล่าวได้ว่าศาสนาพราหมณ์นิกายที่สำคัญที่มีอิทธิพลในภาคใต้มาแต่โบราณมีอยู่3นิกายคือ
1 ไวษณพ นิกาย  (นิกายพระวิษณุ)  ซึ่งแต่เดิมเป็นชื่อเทพแห่งสวรรค์ในศาสนายุคพระเวท คือเทพแห่งพระอาทิตย์ คำว่า “ไวษณพ” ปรากฏในคัมภีร์หรือมหากาฬย์ มหาภารตะอันเป็นคัมภีร์ที่สำคัญมากของศาสนาพราหมณ์ว่าหมายถึงชื่อลัทธิที่เป็นที่รู้จักกันในนามต่างๆเหล่านี้คือ  สุริ  สุหฤต  ภควตะ สัตตวตะ ปั่ญจกาลวิ เอกานติกะ  ตันมายะ  และปาญจรมตริกะ  แต่ที่นิยมใช้มาก คือ ภควตา
คำว่า“ภควตา” แต่เดิมเป็นชื่อลัทธิที่บูชา เทพวสุเทวะ กฤษณะ  ต่อมาเทพวสุเทวกฤษณะ  ได้กลายเป็นอวตารปางหนึ่งของพระวิษณุ  คือกฤษณาวตาร
ในราวพุทธศตวรรษที่8 ลัทธิภควตา  ได้แผ่ขยายลงไปทางทิศใต้ของอินเดียเกี่ยวกับอวตารของพระวิษณุนั้นมีมากมายบางคำภีร์กล่าวว่ามี 39 ปางและบางคัมภีร์ก็ว่ามี9 ปาง  เพราะปางที่ 10 คือ พุทธะ  นั้นเพิ่มเข้ามาในภายหลัง
2 ไศวนิกาย(ศิวลึงค์) ในยุคประวัติศาสตร์ ลึงค์ นี้ได้มีความสัมพันธ์กับการบูชาพระศิวะโดยกลายเป็นสัญลักษณ์ของพระศิวะ คือศิวลึงค์  ศิวลึงค์ที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดคือศิวลึงค์ ที่ประดิษฐานอยู่ในวัดในหมู่บ้านคุฑิมัลลัม ในมัทราส ประเทศอินเดีย
3 ลัทธิศักติ  ลัทธิศักติเป็นลัทธิที่เก่าแก่ไม่แพ้ลัทธิไศวนิกาย  เพราะพัฒนามาจากการบูชาอัตถีพละ  ในรูปของแม่ธรณี  อันเป็นลัทธิที่เก่าแก่มากของชนชาวพื้นเมืองก่อนหน้าที่อารยธรรมประเวศจะปรากฏในอินเดีย
นอกจากพบรูปพระแม่จำนวนมากแล้ว  การขุดค้นดังกล่าว ยังไม่พบหินเจาะรู  ซึ่งมีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศหญิง(โยนี) การบูชาอิตถีพละ อันเป็นลัทธิเก่าแก่ที่ปรากฏในกลุ่มชนที่มีอาชีพหลักในการกสิกรรมได้วิวัฒนาการมาเป็นลัทธิศักติ และแพร่หลายในยุคกลางของอินเดีย
		อย่างไรก็ตามจุดมุ่งหมายสำคัญของลัทธิศักติ ก็คือการรวมเป็นหนึ่งอันหนึ่ง อันเดียวกันกับพระราม เช่นเดียวกับลัทธิอื่นๆในศาสนาพราหมณ์ วิธีการที่จะนำไปสู่จุดหมายปลายทางดังกล่าวคือการทำสมาธิจิต
ตามหลักฐานทางโบราณคดีอิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ได้เข้ามาสู่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง  ราวพุทธศตวรรษที่ 8-12 ทั้งนี้เห็นได้จาก เทวรูปพระนารายณ์ สวมหมวกแขกรุ่นแรก 
ในปีพุทธศักราชที่ 12-14 อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ก็ยิ่งปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นเพราะในอินเดียเป็นยุคราชวงศ์ปัลลวะ ได้มีการส่งเสริมศาสนาพราหมณ์เพื่อแข่งขันกับพุทธศาสนาโดยการสร้างลัทธิภักดีขึ้นในหมู่ชนผู้นับถือพระอีศวรและพระนารายณ์
ในบริเวณที่ได้มีการสำรวจ  ได้พบเทวรูปทั้งในไศวนิกาย  คือ เทวรูปที่เกี่ยวเนื่องพระอิศวร และ เทวรูปพระนารายณ์  เทวรูปดังกล่าวพบมากที่บริเวณเขาจอมทอง  วัดนาขอม  เขาคา เทพราช ดอนใคร ทอนเกียง  ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอสิชล  ส่วนในเขตอำเภอท่าศาลา  พบที่วัดพระนารายณ์  เขตอำเภอเมืองพบที่ตำบลท่าเรือ
		ตามตำนานเมืองนครศรีธรรมราช  สินเชื่อกันว่าเป็นเรื่องราวในยุคนี้  ทำให้เราทราบว่าศาสนาพราหมณ์  ได้เข้ามามีอิทธิพลเกี่ยวกับการเมืองและการปกครองมากขึ้นดังจะเห็นได้จากการจัดลักษณะการปกครองของเมืองนครศรีธรรมราช  ในสมัยนี้คือจัดเมืองขึ้น หรือเมืองบริวารเป็น 12 นักษัตร  คือ นำสัตว์12 ตัว  มาเป็นตราประจำเมือง  ตามลำดับปีทางจันทรคติ  ตราประจำเมืองนครศรีธรรมราชในปัจจุบันมีรูปสัตว์12 ตัว ล้อมรอบพระบรมธาตุ
สำหรับในเมืองนครศรีธรรมราชมีหลักฐานทางโบราณวัตถุเกี่ยวกับ ศาสนาพราหมณ์  คือเทวรูปเหล่านี้เป็นศิลปะสมัยพุทธศตวรรษที่ 19 – 20
		จากตำนานพราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราชทำให้เรารู้ความเป็นมาของศาสนาพราหมณ์ในนครศรีธรรมราชในหลายแง่ด้วยกัน
1 กล่าวถึงเมืองรามนคร  บางแห่ง เรียกว่ารัมเหตุ    รามเหตุ หรือรามราษฏร์ หมายถึงเมืองเดียวกัน
2 แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรหมเมืองนครศรีธรรมราชกับพราหมณ์ในราชธานี  ที่เป็นไปตามอำนาจทางการเมืองการปกครอง
3 ตำนานพลเมืองนครศรีธรรมราชแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์เช่น พิธีตรียัมปวาย หรือโล้ชิงช้า
		จากตำนานได้กล่าวไว้ว่าจารึกที่มีอายุก่อนพ.ศ. 1826  ที่ค้นพบในภาคใต้ของประเทศไทยในขณะนี้  มีจำนวน9 หลัก นั้นเป็นจารึกที่อิทธิพลของศาสนาพราหมณ์ผสมผสานอยู่ถึง6 หลัก กล่าวคือ  ศิลาจารึกหุบเขาช่องคอย  ซึ่งค้นพบที่หุบเขาช่องคอย  บริเวณบ้านคลองท้อน  หมู่ที่ 9 ตำบลควนเกย  อำเภอร่อนพิบูลย์  จังหวัดนครศรีธรรมราช  จารด้วยอักษรคฤนถ์-ปัลลวะ  ภาษาสันสกฤต  มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 10  ได้กล่าวสรรเสริญพระศิวะ  ประโยชน์อันพึงได้จากการบูชาพระศิวะ  และสรรเสริญว่าคนดีอยู่ในชนเผ่าใด  ย่อมยังประโยชน์ให้แก่ชนนั้น  อันนับเป็นหลักฐานทางโบราณคดี  ที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาพราหมณ์ที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบในภาคใต้ของประเทศไทยในขณะนี้  และหลักฐานเช่นนี้ยังแสดงให้เห็นว่าศาสนาพราหมณ์ทั้ง 2 ลัทธิ  ได้เข้าสู่ภาคใต้ของประเทศไทยในเวลาที่ใกล้เคียงหรือร่วมสมัยกัน เพราะศิลาจารึกหลักนี้มีอายุใกล้เคียงกันกับประติมากรรมพระวิษณุที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบในภาคใต้ของประเทศไทยในขณะนี้
		ศิลาจารึกหลักที่  27 ซึ่งค้นพบที่วัดมเหยงค์  ตำบลคลัง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช  จาร ด้วยอักษรคฤนถ์-ปัลลวะ ภาษาสันสกฤต  อายุเราพุทธศตวรรษที่ 12-14  ได้กล่าวถึงวัตรปฏิบัติ  หรือธรรมะสำหรับผู้ปกครองที่พึงปฏิบัติต่อตนเอง พรในลัทธิไศวนิกาย  พระสงฆ์ในพุทธศาสนาและ  คณะประชาราษฎร์  อันเป็นจารึกที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบในภาคใต้  ของประเทศไทยในขณะนี้ที่แสดงให้เห็นถึงความผสมผสานระหว่างพุทธศาสนากับศาสนาพราหมณ์ในจารึกหลักเดียวกัน
	
		ศิลาจารึกหลักที่ 23  ซึ่งค้นพบที่วัดเสมาเมือง(เสมาชัย) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช จาร จานด้วยอักษรอินเดียกลายเป็นภาษาสันสกฤต  เมื่อพ.ศ. 1318  เป็นจารึกที่สรรเสริญผู้ปกครองและการสร้างพุทธสถาน  แต่ได้กล่าวเปรียบเทียบผู้ปกครองผู้นั้น  กลับเทพที่สำคัญในศาสนาพราหมณ์หลายองค์  และธรรมะสำหรับพระราชาตามหลักในศาสนาพราหมณ์ด้วย
		
		ศิลาจารึกหลักที่ 26  พบที่เขาพระนารายณ์  ตำบลเหล อำเภอกะปง  (เดิมอำเภอตะกั่วป่า) จังหวัดพังงา  จาร ด้วยอักษรทมิฬ-ปัลลวะ  ภาษาทมิฬ  อายุราวพุทธศตวรรษที่ 14 -15  กล่าวถึงการสร้างชุมชนและการขุดสระของชาวอินเดีย
		ศิลาจารึกหลักที่ 29  พบที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช จาร ด้วยอักษรทมิฬ-ปัลลวะ ภาษาทมิฬอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15-17  กล่าวถึงคติความเชื่อและข้อปฏิบัติในศาสนาพราหมณ์
		
		ศิลาจารึกหลักที่ 24  พบที่วัดหัวเวียง(ปัจจุบันเรียกว่าวัดเวียง) ตำบล ตลาด อำเภอไชยา  จังหวัดสุราษฎร์ธานี  จาร ด้วยอักษรอินเดียกลาย  เมื่อ  พ.ศ. 1773  กล่าวสรรเสริญพระเกียรติของกษัตริย์จันทระภาณุศรีธรรมมราชแห่งตามพรลิงค์  นายจารึกหลักนี้ได้กล่าวถึงเทพที่สำคัญของศาสนาพราหมณ์หลายองค์ เช่นพระกามเทพ  พระจันทร์ พระอาทิตย์ และพระอินเป็นต้น  อีกทั้งยังได้กล่าวถึงหลักนิติศาสตร์อีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีจารึกรุ่นหลังอีกหลายหลัก  ที่กล่าวถึงศาสนาพราหมณ์ภาคใต้ไว้  เช่นจารึกที่หัวระฆังสำริด  ค้นพบที่วัดคงคาลี  ตำบลกะหรอ อำเภอท่าศาลา  พ.ศ. 2203  และจารึกที่ค้นพบในอำเภอไชยาจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ส่วนเอกสารโบราณประเภทหนังสือบุด  (สมุดข่อย)  ได้จาร เรื่องราวและคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ไว้ในลักษณะต่างๆ  รวมทั้งประเพณีและพิธีกรรม  และยังคงสืบทอดต่อเนื่องกันมาตราบจนปัจจุบัน  และที่กล่าวถึงเรื่องของพราหมณ์และศาสนาพราหมณ์โดยตรง  เช่นตำนานพราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราช เป็นต้น
		สรุปได้ว่า  ตราเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งส่วนใหญ่มาจากอินเดียภาคใต้  เมื่อเข้ามาแล้วก็เป็นผู้ทำพิธีในราชสำนัก  ของเจ้าผู้ครองนคร  เมืองนครศรีธรรมราช ลดความสำคัญลงพิธีกรรมต่างๆก็ไปเจริญในราชธานี  พวกพราหมณ์บางส่วนก็ได้อพยพไปอยู่ในราชธานีด้วย  อย่างไรก็ตามในเมืองนครศรีธรรมราชยังมีพราหมณ์อยู่เป็นจำนวนมากเหมือนกัน  และยังเป็นผู้ทำพิธีกรรมต่างๆให้ผู้ครองเมืองเช่นเดิม ยังสามารถทำพิธีบวชให้แก่พราหมณ์ด้วยกันได้  ถึงแม้จะถูกมองว่าด้อยกว่าก็ตาม  ยิ่งไปกว่านั้น  เมืองกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าก็ต้องอาศัยตำรับตำรา  และพราหมณ์ผู้เชี่ยวชาญจากนครศรีธรรมราชนั่นเองจึงทำให้อิทธิพลของเมืองนครศรีธรรมราชยิ่งมีมากขึ้น  ตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยาจนตลอดสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์
ที่มา  รายงานการขุดแต่งเนินโบราณสถาน  หมายเลข 2 ณ เขาคา ต.เสาเภา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช,2530
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)














